พบผลลัพธ์ทั้งหมด 409 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีเช่าทรัพย์สินที่มีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท และการหลีกเลี่ยงการจดทะเบียนสัญญาเช่า
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกที่เช่าอันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท แม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายเป็นเบี้ยปรับมาด้วย ก็เป็นทุนทรัพย์ที่ไม่เกินสองหมื่นบาท คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยปัญหาว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ให้และจำเลยฎีกาต่อมาอีก ก็ถือเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ สัญญาเช่าที่ทำขึ้น 5 ฉบับ มีกำหนดการเช่าฉบับละ 3 ปีติดต่อกันไป ถือไปว่าเป็นสัญญาเช่าที่ทำไว้ล่วงหน้าในคราวเดียวกันโดยลงวันที่ล่วงหน้าเอาไว้เพื่อให้สัญญาแต่ละฉบับมีอายุการเช่า3 ปี เป็นการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 ซึ่งบังคับให้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยจะนำเอาสัญญาเช่าดังกล่าวรวมกันมีกำหนดเวลา 15 ปี มาฟ้องแย้งบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในเครื่องหมายการค้า: การฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า มาตรา 41
ศาลกำหนดประเด็นข้อพิพาทในข้อ (1) ว่า โจทก์จะนำคดีมาฟ้องจำเลยทั้งสี่เพื่อป้องกันเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้หรือไม่ และในข้อ (4) ว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าอักษรไทยคำว่า "เบต้าเดอร์มครีม"และอักษรโรมันคำว่า BETADERMCREAM หรือไม่ เมื่อพิจารณาประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวประกอบกับคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยแล้วย่อมแปลได้ว่าโจทก์มุ่งประสงค์จะอ้างว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย อันเป็นการฟ้องตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ. 2474 มาตรา 41 มิใช่มาตรา 29 ศาลจึงวินิจฉัยได้ว่า โจทก์หรือจำเลยใครมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดีกว่ากัน ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิได้รับค่าขาดไร้อุปการะ แม้ผู้รับมรดกมีฐานะดี ผู้ตายยังมีหน้าที่อุปการะตามควรแก่พฤติการณ์
โจทก์ที่ 1 มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบายไม่เดือดร้อน ก็ยังมีสิทธิได้รับอุปการะจากภริยาและบุตรโจทก์ที่ 1 ตามควรแก่พฤติการณ์จึงมีสิทธิได้รับค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยอันเนื่องมาจากการละเมิดที่ทำให้ภริยาและบุตรโจทก์ที่ 1 ถึงแก่ความตายตามความเหมาะสมแก่พฤติการณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานอ่อนแอ ขัดแย้งกัน ศาลยกฟ้องคดีอาญา ฆ่าและพยายามฆ่า
พ. และ ป. ผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นประจักษ์พยานโจทก์เป็นพยานคู่กันแต่กลับเบิกความแตกต่างกันในสาระสำคัญ หลังเกิดเหตุพ.ไปที่บ้านส.เมื่อส.สอบถามถึงเรื่องคนร้ายแต่พ.ก็ไม่ยอมบอก ทั้งได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจล่าช้าหลังจากเกิดเหตุ 8 วัน เหตุเกิดเวลากลางคืน ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากะทันหันโดย พ. และ ป. ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีเหตุการณ์ เกิดขึ้น จึงไม่น่าเชื่อว่า พ. และ ป. เห็นจำเลยเป็นคนร้ายขณะเกิดเหตุพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6471/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: การประเมินราคาที่ดินตามราคาตลาด และอายุความฟ้องร้องเรียกค่าทดแทน
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ข้อ 76 ให้กำหนดค่าทดแทนเท่าราคาของทรัพย์สินตามธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พ.ร.ฎ. ใช้บังคับและการเรียกค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืน โจทก์มีหน้าที่จะต้องหาพยานมาสนับสนุนข้ออ้างของโจทก์ให้มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าเป็นราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาด ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลย โจทก์ได้รับค่าทดแทนที่ดินโฉนดเลขที่ 54330 เมื่อวันที่ 21มีนาคม 2528 ส่วนที่ดินอีก 4 แปลง ได้รับค่าทดแทนปี 2527โจทก์ฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2529 ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าทดแทนที่ดินแปลงโฉนดเลขที่ 54330 ไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันได้รับเงินค่าทดแทน ยังไม่ขาดอายุความ ส่วนที่เกี่ยวกับค่าทดแทนที่ดินอีก 4 แปลงที่เหลือ ฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่วันได้รับเงินค่าทดแทน จึงขาดอายุความตามข้อ 67.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6467/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีภาษีอากร: การใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ฟ้องผู้ถือหุ้นเรียกค่าภาษี
การที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ฟ้องจำเลยที่ 2-10ที่ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบจำนวนมูลค่าหุ้น ให้ร่วมรับผิดชำระค่าภาษีที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระอยู่แก่โจทก์นั้น มิใช่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากร ตามมาตรา 7(2) แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2-10 ต่อศาลภาษีอากรกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6467/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีภาษีอากร: การใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ฟ้องจำเลยที่ 2-10 ไม่เป็นคดีภาษีอากรโดยตรง
การที่กรมสรรพากร โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1ฟ้องจำเลยที่ 2-10 ที่ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบจำนวนมูลค่าหุ้นให้ร่วมรับผิดชำระค่าภาษีที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระอยู่แก่โจทก์นั้นมิใช่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากรตามมาตรา 7(2) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรฯ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2-10 ต่อศาลภาษีอากรกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6359/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกา: ประเด็นใหม่ที่ไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างขาดนัดยื่นคำให้การ จึงไม่มีประเด็นในปัญหาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยที่ 1และโจทก์ทำให้หนี้ในมูลละเมิดระงับลงอันมีผลทำให้จำเลยที่ 2ในฐานะนายจ้างของจำเลยที่ 1 หลุดพ้นจากความรับผิดไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 852 ปัญหาดังกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องอำนาจฟ้อง และไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างในการยื่นอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6349/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตดำเนินคดีอย่างคนอนาถา และอำนาจศาลในการกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียม
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอฟ้องคดีชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา เมื่อได้ไต่สวนพยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำมาแสดงเพิ่มเติมแล้วนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคสี่ มิได้บัญญัติว่าให้เป็นที่สุด จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ได้ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคห้า การขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมนั้น แม้จะล่วงเลยกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลตามคำสั่งศาลชั้นต้นมาแล้วก็ตามถ้าหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วน หรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ศาลอุทธรณ์มีอำนาจกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระได้เพราะเป็นอำนาจศาลทั่วไปที่มีอยู่ในการดำเนินการพิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6155/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน - ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญา - การฟ้องแย้งสิทธิ
คดีก่อนพนักงานอัยการได้ฟ้องขอให้ศาลลงโทษโจทก์คดีนี้ข้อหาบุกรุกที่ดินของจำเลย ศาลพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยเนื่องจากเชื่อโดยสุจริตว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ขาดเจตนาในการกระทำความผิด คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาโจทก์และบุตรสาวโจทก์เข้าไปทำนาในที่ดินพิพาทดังกล่าวอีก จำเลยก็ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาว่าโจทก์และบุตรสาวโจทก์เข้าไปบุกรุกที่ดินพิพาทของจำเลย โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยและห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาท เช่นนี้ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวข้างต้น ในการวินิจฉัยคดีนี้ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย และคำพิพากษาคดีส่วนอาญาดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 โจทก์จะอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยอาศัยสิทธิที่โจทก์มีมาก่อนที่ศาลในคดีส่วนอาญาได้พิพากษาไปแล้ว และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีกไม่ได้.