พบผลลัพธ์ทั้งหมด 409 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือในคดีปล้นทรัพย์
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ไม่มีแสงสว่าง พยานโจทก์อ้างว่าเห็นหน้าคนร้ายด้วย แสงไฟฉายของคนร้าย จำคนร้ายได้ เพราะเป็นคนที่รู้จักมาก่อนแต่ พยานโจทก์ก็มิได้บอกความนี้แก่ผู้ใดรวมทั้งเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีการฉายไฟนานเท่าใดและฉายไฟ ในลักษณะใด จึงเห็นหน้าคนร้ายได้ ชัดเจน พยานหลักฐานเท่านี้ไม่พอรับฟังว่าพยานโจทก์จำได้ ว่าจำเลยเป็นคนร้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินและประกาศคณะปฏิวัติ
จำเลยบุกรุกเข้าครอบครองที่พิพาทโดยรู้ว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่พลเมืองใช้ร่วมกัน มีความผิดตามป.ที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96ข้อ 11 ส่วนความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 362,365 กฎหมายมุ่งประสงค์จะลงโทษผู้ที่บุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเท่านั้นไม่ใช่บทบัญญัติที่จะลงโทษผู้บุกรุกที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สลากกินแบ่งปลอมเพื่อหวังผลประโยชน์ แม้จะเป็นเงินจำนวนน้อย ศาลพิจารณาโทษโดยคำนึงถึงอายุและสถานะนักศึกษา
จำเลยนำสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีการแก้ไขหมายเลขหลักร้อยจากหมายเลข "8" เป็นหมายเลข "0" มาขอรับรางวัลจากผู้เสียหายโดย สลากกินแบ่งดังกล่าวมีร่องรอยการแก้ไขสามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่า เป็นการกระทำความผิดฐาน ใช้ เอกสารสิทธิปลอม แต่ เนื่องจากการกระทำของจำเลยเป็นเพียงเพื่อต้องการจะได้ เงินรางวัลเลขท้ายซึ่ง เป็นเงินจำนวนเล็กน้อย มิได้เป็นเรื่องร้ายแรงนัก ทั้ง จำเลยกระทำผิดในขณะที่อายุเพียง 22 ปี เป็นครั้งแรกและขณะ ยังเป็นนักศึกษาอยู่สมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัว ประพฤติตน เป็นพลเมืองดี ต่อไป โดย ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1297/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินเกิดจากการครอบครองตามกฎหมาย แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาซื้อขายจึงไม่บังคับได้
โจทก์และสามีโจทก์ซื้อ ที่ พิพาทซึ่ง มี น.ส. 3 จาก ก. โดยมิได้ ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงตกเป็นโมฆะแต่ ที่ พิพาทเป็นที่ดินยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ ก.ผู้ขายมีแต่ สิทธิครอบครอง เมื่อได้ ส่งมอบที่พิพาทให้โจทก์และสามีโจทก์แล้ว ก. ก็สละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือที่ดินพิพาทอีกต่อไป โจทก์และสามีโจทก์ย่อมได้ สิทธิครอบครอง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1371378 มิใช่ได้ ตาม สัญญาซื้อขายดังนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้ จำเลยซึ่ง เป็นทายาทของ ก. ไปจดทะเบียนการโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตาม สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับ ก. .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับสัญญาซื้อขาย: ศาลใช้ดุลพินิจลดเบี้ยปรับหากสูงเกินส่วนและมีเงินประกัน
เบี้ยปรับคือค่าเสียหายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในสัญญาอันอาจมีหรือเกิดขึ้นจากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประพฤติผิดสัญญา เพื่อให้ฝ่ายที่ผิดสัญญาชดใช้ให้แก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญา แต่ ก็มิได้บังคับโดย เด็ดขาดว่าจำนวนเบี้ยปรับจะต้อง เป็นไปตาม ที่กำหนดไว้ในสัญญาหากจำนวนเบี้ยปรับนั้นสูงเกินส่วนศาลอาจใช้ ดุลพินิจลดจำนวนเบี้ยปรับตาม สัญญาลงได้ โดย พิจารณาถึง ทางได้เสียของโจทก์ซึ่ง เป็นเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วย กฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้จากสัญญากู้ยืมเป็นสัญญาขายฝาก ทำให้หนี้เดิมระงับ
โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลง ทำสัญญาขายฝากที่ดินของจำเลยที่ 1ให้ไว้แก่โจทก์โดย เอาจำนวนเงินที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ตาม สัญญากู้ยืมมารวมเป็นราคาขายฝากและได้ ทำสัญญาขายฝากเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม กฎหมายมี ผลใช้บังคับกันได้ แล้ว การกระทำดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่ง เป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 349 มีผลทำให้หนี้ตามสัญญากู้เป็นอันระงับไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพา, การลงโทษกรรมต่างกัน, และการริบรถจักรยานยนต์
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดมาตั้งแต่เริ่มครอบครองเป็นกรรมหนึ่ง และเมื่อได้พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยผิดกฎหมายก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง จึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด
การที่จำเลยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปพยายามปล้นทรัพย์แต่ก็เป็นเพียงยานพาหนะไปมาและพาจำเลยกับพวกหลบหนีให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ
การที่จำเลยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปพยายามปล้นทรัพย์แต่ก็เป็นเพียงยานพาหนะไปมาและพาจำเลยกับพวกหลบหนีให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพา การกระทำความผิดเป็นกรรมต่างกัน และการริบยานพาหนะที่ใช้หลบหนี
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดมาตั้งแต่เริ่มครอบครองเป็นกรรมหนึ่ง และเมื่อได้พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยผิดกฎหมายก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด การที่จำเลยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปพยายามปล้นทรัพย์แต่ก็เป็นเพียงยานพาหนะไปมาและพาจำเลยกับพวกหลบหนีให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามปล้นทรัพย์, ครอบครองอาวุธปืน, และการริบรถยนต์ที่ใช้ในการหลบหนี
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดตั้งแต่เริ่มครอบครองเป็นกรรมหนึ่ง และเมื่อได้พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยผิดกฎหมายก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง จึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด การที่จำเลยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปพยายามปล้นทรัพย์ ก็เป็นเพียงยานพาหนะไปมาและพาจำเลยกับพวกหลบหนีให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและการพกพา, พยายามปล้นทรัพย์, การริบยานพาหนะ
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดมาตั้งแต่ เริ่มครอบครองเป็นกรรมหนึ่ง และเมื่อได้ พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดย ผิดกฎหมายก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง จึงเป็นความผิดสองกรรมต่าง กัน จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปพยายามปล้นทรัพย์ แต่ ก็เป็นเพียงยานพาหนะไปมา และพาจำเลยที่ 1 ที่ 2กับพวกหลบหนีให้พ้นจากการจับกุมโดย สะดวกและรวดเร็วเท่านั้นรถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ ใช้ ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้.