คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ตัน เวทไว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานยืนยันตัวจำเลยร่วมชิงทรัพย์ฆ่าผู้อื่น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยยิงผู้ตาย แต่โจทก์มีพยานเห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับจำเลยในวันเกิดเหตุหลายคนโดยก่อนเกิดเหตุมีพยานเห็นจำเลยกับพวกนั่งรถไปกับผู้ตาย หลังเกิดเหตุมีพยานเห็นจำเลยกับพวกขับรถออกมาจากที่เกิดเหตุ นอกจากนี้เมื่อพยานโจทก์พบผู้ตายถูกยิงนอนอยู่ ผู้ตายบอกว่าถูกนายสมบัติกับพวกหลอกมาใช้อาวุธปืนยิงชิงเอารถไป ขอให้ไปบอกมารดาผู้ตายด้วยและได้บอกด้วยว่าตนจะต้องตายแน่ ขณะนำผู้ตายขึ้นรถเพื่อไปส่งโรงพยาบาลผู้ตายร้องว่าโอ๊ย ไม่ไหวแล้วซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ตายคงรู้ตัวว่าต้องตายแน่ พยานโจทก์ได้บันทึกคำบอกเล่าของผู้ตายไว้ ดังนี้คำบอกเล่าของผู้ตายว่านายสมบัติเป็นคนร้ายรับฟังได้ และเมื่อฟังประกอบกับพยานโจทก์ที่เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับจำเลยแล้ว ทำให้น่าเชื่อว่านายสมบัติที่ผู้ตายระบุชื่อนั้น คือจำเลย ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ และนำชี้ที่เกิดเหตุ คำให้การมีรายละเอียดต่าง ๆทั้งมูลเหตุที่จะกระทำความผิดเหตุการณ์ก่อนวันเกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ซึ่งหากจำเลยไม่ให้การด้วยความสมัครใจแล้วคงจะไม่มีรายละเอียดดังกล่าว พยานหลักฐานของโจทก์จึงฟังได้โดยแจ้งชัดปราศจากสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ การเลี้ยวตัดหน้ารถคันอื่น และการรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากประกันภัย
ทางเดินรถในถนนพหลโยธินทั้งทางด้านขาเข้าและขาออกจากกรุงเทพมหานครแบ่งเป็น 2 ช่องเดินรถ ระหว่างทางเดินรถขาเข้ากับขาออกจะเว้นช่องว่างไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นทางข้ามให้รถแล่นเลี้ยวไปสู่ทางเดินรถอีกด้านหนึ่งได้ รถยนต์บรรทุกแล่นในทางเดินรถด้านขาออก ถ้าหากจะเลี้ยวขวาเข้าไปในทางเดินรถด้านขาเข้า ตามปกติจะต้องแล่นในช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะไม่ต้องเลี้ยวตัดหน้ารถคันอื่นการที่รถยนต์บรรทุกแล่นในช่องเดินรถทางซ้ายของทางเดินรถขาออกและเลี้ยวขวาข้ามช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะเข้าไปในช่องว่างทางข้ามไปสู่ทางเดินรถขาเข้าโดยกระชั้นชิดและกะทันหันตัดหน้ารถยนต์เก๋งย่อมทำให้รถยนต์เก๋งไม่สามารถจะหยุดได้ทัน ถือได้ว่าคนขับรถยนต์บรรทุกกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง เพราะถ้าหากรถยนต์บรรทุกจะใช้ความระมัดระวังไม่รีบเลี้ยวขวาโดยทันทีโดยขับรถตรงไปก่อน ขอทางชิดขวาแล้วไปเลี้ยวขวาในช่องว่างทางข้ามช่องต่อไปก็ย่อมจะทำได้โดยปลอดภัย ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าฝ่ายรถยนต์เก๋งประมาทเลินเล่ออย่างใด ดังนี้ถือว่าคนขับรถยนต์บรรทุกเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว โจทก์เป็นผู้รับประกันภัย ฐานะของโจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 สิทธิของโจทก์ย่อมเกิดมีขึ้นนับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นต้นไปจึงชอบที่จะคิดดอกเบี้ยให้นับแต่วันชำระค่าสินไหมทดแทน แต่เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าได้ชำระค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวทั้งหมดหรือครั้งสุดท้ายไปเมื่อใดแน่ ศาลเห็นสมควรกำหนดให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการเปลี่ยนเลนตัดหน้า – ผู้ขับขี่มีหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง – การคิดดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทน
ทางเดินรถในถนนพหลโยธินทั้งทางด้านขาเข้าและขาออกจากกรุงเทพมหานครแบ่งเป็น 2 ช่องเดินรถ ระหว่างทางเดินรถขาเข้ากับขาออกจะเว้นช่องว่างไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นทางข้ามให้รถแล่นเลี้ยวไปสู่ทางเดินรถอีกด้านหนึ่งได้ รถยนต์บรรทุกแล่นในทางเดินรถด้านขาออก ถ้าหากจะเลี้ยวขวาเข้าไปในทางเดินรถด้านขาเข้า ตามปกติจะต้องแล่นในช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะไม่ต้องเลี้ยวตัดหน้ารถคันอื่น การที่รถยนต์บรรทุกแล่นในช่องเดินรถทางซ้ายของทางเดินรถขาออกและเลี้ยวขวาข้ามช่องเดินรถทางขวาเพื่อจะเข้าไปในช่องว่างทางข้ามไปสู่ทางเดินรถขาเข้าโดยกระชั้นชิดและกะทันหันตัดหน้ารถยนต์เก๋ง ย่อมทำให้รถยนต์เก๋งไม่สามารถจะหยุดได้ทัน ถือได้ว่าคนขับรถยนต์บรรทุกกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง เพราะถ้าหากรถยนต์บรรทุกจะใช้ความระมัดระวังไม่รีบเลี้ยวขวาโดยทันทีโดยขับรถตรงไปก่อน ขอทางชิดขวาแล้วไปเลี้ยวขวาในช่องว่างทางข้ามช่องต่อไปก็ย่อมจะทำได้โดยปลอดภัย ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าฝ่ายรถยนต์เก๋งประมาทเลินเล่ออย่างใด ดังนี้ถือว่าคนขับรถยนต์บรรทุกเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว
โจทก์เป็นผู้รับประกันภัย ฐานะของโจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตามป.พ.พ. มาตรา 880 สิทธิของโจทก์ย่อมเกิดมีขึ้นนับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระค่าสินไหม-ทดแทนเป็นต้นไป จึงชอบที่จะคิดดอกเบี้ยให้นับแต่วันชำระค่าสินไหมทดแทน แต่เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าได้ชำระค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวทั้งหมดหรือครั้งสุดท้ายไปเมื่อใดแน่ ศาลเห็นสมควรกำหนดให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชนรถยนต์จากความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด
โจทก์ที่ 2 ใช้สิทธิเฉพาะตัวฟ้องให้จำเลยที่ 1 ในฐานะลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างและจำเลยที่ 3ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ให้รับผิดจากการที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ดังกล่าวโดยประมาทชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2เป็นเงิน 10,000 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัย อุทธรณ์ของโจทก์ที่ 2 เป็นการไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่า กันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 และ ส. คนขับรถของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ต่างขับรถยนต์ชนกันโดยประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ทั้งสองฝ่ายจึงไม่ต้องรับผิด ต่อ กันจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลย ที่ 2 ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย แก่โจทก์ที่ 1 ที่ 2ผู้ครอบครองและเจ้าของรถยนต์ที่ชนกับรถยนต์ คันที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัย และเนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวด้วย การชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้ฎีกาก็ให้มี ผลถึงจำเลยที่ 2 ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความรับเงินแทนลูกหนี้โดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย
จำเลยได้รับแต่งตั้งจากผู้เสียหายให้เป็นทนายความโดยมิได้รับมอบหมายให้รับเงินแทนผู้เสียหาย จำเลยในฐานะเป็นทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆแทนผู้เสียหายได้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งลูกหนี้จะชำระแก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจ้างจำเลยเป็นทนายความให้ฟ้องเรียกเงินกู้จากค.ต่อมาผู้เสียหายกับค. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดย ค. ยอมชำระเงิน 45,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ชำระให้ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 35,000บาท จะผ่อนชำระ ต่อมา ค. ได้นำเงิน 35,000 บาท ที่เหลือไปชำระให้แก่จำเลย จำเลยรับเงินจำนวน 35,000 บาท โดยผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจาก ค. แทนผู้เสียหายฉะนั้น เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังมิใช่เป็นเงินของผู้เสียหาย แม้จำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริตก็ตาม ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความยักยอกทรัพย์ & อำนาจทนายความรับเงินแทนลูกความ คดีขาดอายุความหากเกิน 3 เดือน และทนายความไม่มีอำนาจรับเงินแทน
การที่ผู้เสียหายมีหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความให้ดำเนินการแก่จำเลย ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายรู้เรื่องการยักยอกเงินและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันมีหนังสือดังกล่าวเป็นอย่างช้า แต่ผู้เสียหายเพิ่งมาร้องทุกข์และมอบคดีต่อพนักงานสอบสวนเกินกำหนด 3 เดือน นับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.อ. มาตรา 96 เมื่อผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจากค. แทนผู้เสียหาย จำเลยในฐานะทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนผู้เสียหายได้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งจะชำระแก่ผู้เสียหาย เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังไม่ใช่เป็นเงินของผู้เสียหายแม้จะฟังว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความรับเงินแทนลูกความโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์
จำเลยได้รับแต่งตั้งจากผู้เสียหายให้เป็นทนายความของผู้เสียหายโดยมิได้รับมอบหมายให้รับเงินแทนผู้เสียหาย ดังนั้นจำเลยในฐานะเป็นทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนผู้เสียหายได้เท่านั้น จำเลยหามีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งจะชำระแก่ผู้เสียหายไม่ ผู้เสียหายจ้างจำเลยเป็นทนายความให้ฟ้องเรียกเงินกู้จาก ค.ต่อมาผู้เสียหายกับ ค.ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยค.ยอมชำระเงิน 45,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ชำระให้ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 35,000 บาทจะผ่อนชำระ ต่อมา ค.ได้นำเงิน 35,000 บาท ที่เหลือไปชำระให้แก่จำเลย จำเลยรับเงินดังกล่าวโดยผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจาก ค.แทนผู้เสียหาย ฉะนั้น เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังมิใช่เป็นเงินของผู้เสียหาย แม้จะฟังว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริตก็ตามก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยโจทก์จึงไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 190/2532)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรมธรรม์ประกันภัยไม่คุ้มครองอุบัติเหตุจากผู้ขับขี่ใบอนุญาตหมดอายุเกิน 180 วัน
ข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 2.13.6 และข้อ 3.9.2 ระบุว่า การประกันภัยไม่คุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ หรือเคยได้รับแต่ขาดอายุเกินกว่า 180 วัน หรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายในการขับรถยนต์ในเวลาเกิดเหตุดังนี้ เมื่อใบอนุญาตขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ขาดต่ออายุเกินกว่า 180วัน ในเวลาเกิดเหตุ กรณีจึงต้องด้วยเงื่อนไขในข้อ 2.13.6 และ 3.9.2ที่การประกันภัยของจำเลยที่ 3 ไม่คุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ กรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 2.14 ที่ระบุว่าบริษัทจะไม่ยกความไม่สมบูรณ์แห่งกรมธรรม์และอื่น ๆ เป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดตามข้อ 2.1 หรือ 2.2 นั้น ไม่อาจจะนำมาปรับเป็นข้อยกเว้นของข้อ 2.13.6 และ 3.9.2 ได้เพราะความไม่สมบูรณ์แห่งกรมธรรม์ไม่ใช่เป็นข้อยกเว้นแห่งความรับผิดตามข้อ 2.13.6 และ3.9.2 ข้อยกเว้นความรับผิดตามข้อ 2.13.6 และ 3.9.2 ดังกล่าวเป็นข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งมีผลเพียงทำให้จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดเท่านั้น ไม่ทำให้กรมธรรม์ประกันภัยกลายเป็นไม่สมบูรณ์ไป จึงไม่อาจนำมาปรับกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัย: ใบอนุญาตขับขี่ขาดอายุเกิน 180 วัน ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด
กรมธรรม์ประกันภัยกำหนดข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยไว้ว่า การขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆหรือเคยได้รับแต่ขาดต่ออายุเกินกว่า 180 วัน เมื่อใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 1 ผู้ขับรถยนต์ขาดต่ออายุลงเกินกว่า 180 วันในเวลาเกิดเหตุจึงต้องตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ดังกล่าว จำเลยที่ 3ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ซึ่งถูกรถยนต์คันดังกล่าวชนได้รับบาดเจ็บ กรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุว่าผู้รับประกันภัยจะไม่ยกความไม่สมบูรณ์แห่งกรมธรรม์เป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดนั้น จะนำมาปรับกับเงื่อนไขที่เป็นข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยไม่ได้ เพราะข้อยกเว้นแห่งความรับผิดเพียงทำให้ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดเท่านั้น ไม่ทำให้กรมธรรม์ประกันภัยกลายเป็นไม่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ในการคัดค้านการยกเลิกการขายทอดตลาดที่ตนเองซื้อ หากไม่เคยคัดค้านตั้งแต่แรก
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายตลาดทรัพย์ที่ยึด ผู้ซื้อทรัพย์มิได้แถลงคัดค้านคำร้อง ของ จำเลยที่ 1 ต้องถือว่าผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้านตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้แล้ว ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ได้เข้ามาในคดีเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดมาแต่แรก ผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น
of 72