พบผลลัพธ์ทั้งหมด 864 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4374/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเช่าตึก - สิทธิการฟ้องขับไล่
โจทก์ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทกับบริษัท ท. โดยจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่โจทก์ไม่เคยอาศัยอยู่ในตึกแถวพิพาทเลย จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้อาศัยอยู่ในตึกแถวพิพาท โดยจำเลยที่ 1 ได้ประกอบการค้าอยู่ในตึกแถวพิพาทด้วยจำเลยที่ 3 เป็นผู้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างตึกแถวพิพาทจำนวน 270,000 บาท ให้แก่บริษัท ท. หลังจากโจทก์ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทแล้ว จำเลยที่ 3 เป็นผู้ชำระค่าเช่าตึกแถวพิพาทในนามของโจทก์มาตลอด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทกับบริษัท ท. โจทก์ย่อมไม่อาจอ้างสิทธิตามสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทมาฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4190/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานป่าไม้ใช้ตราปลอมประทับไม้ผิดกฎหมายและจดรายการเท็จ ก่อความเสียหายแก่กรมป่าไม้
ผู้เชี่ยวชาญของศาลด้านตรวจพิสูจน์รูปรอยตราประทับไม้ทำงานด้านนี้มานาน ย่อมเป็นผู้มีความรู้ความสามารถปรากฏว่า การตรวจพิสูจน์ทำตามหลักวิชาเป็นขั้นตอนแล้วผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่ารูปลักษณะตัวเลขที่ไม้ชิ้นที่ตัดมาจากไม้ของกลางเหมือนกันและเท่ากันกับรูปรอยตราของทางราชการ โดยจำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นแม้จะปรากฏว่าไม้ของกลางมีตัวเลขดวงตราไม่ครบถ้วนก็เชื่อได้ว่ารูปรอยตราที่ปรากฏเกิดจากการประทับดวงตราของทางราชการที่แท้จริง ไม้ที่ตัดฟันหรือตัดโค่นมาโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย การที่จำเลยได้จดรายการของไม้ดังกล่าวลงในสมุดบัญชีรายการขนาดจำนวนไม้ที่ตรวจวัดประทับตราอนุญาตชักลาก เพื่อรับรองเป็นหลักฐานว่าจำเลยได้กระทำการโดยชอบด้วยหน้าที่ อันเป็นการจดรายการอันเป็นเท็จ จึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162(1) ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดตาม มาตรา 157และมาตรา 160
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4186/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีหลังก่ออาชญากรรม ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่เข้าข่ายการริบหากไม่ได้ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของกลางไปจอดรอพวกของจำเลย และเมื่อพวกของจำเลยชิงทรัพย์ของผู้เสียหายเสร็จ ก็กลับมานั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยแล้วจำเลยขับหลบหนีไป พฤติการณ์ของจำเลยกับพวก เป็นเพียงการใช้รถจักรยานยนต์ของกลางไปและกลับจากการกระทำความผิด เพื่อให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้นไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) จึงริบรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4186/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลังการกระทำผิด ไม่ใช่ยานพาหนะในการกระทำความผิด
ขณะผู้เสียหายเดินกลับมาเอากุญแจที่รถจักรยานยนต์ จำเลยกับพวกอีกหนึ่งคนได้ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดข้างรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพวกของจำเลยลงจากรถจักรยานยนต์มาชิงทรัพย์ไปจากผู้เสียหายเสร็จแล้วจึงได้กลับมาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยขับหนีไปเป็นการใช้รถจักรยานยนต์เพื่อไปและกลับจากการกระทำผิด เพื่อให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกรวดเร็วเท่านั้น ไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) จึงริบรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4086/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการกระทำผิดป่าไม้: คนงานโรงงานแปรรูปไม้ผิดฐานสนับสนุนเจ้าของโรงงาน
การที่จำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าโรงงานแปรรูปไม้ที่จำเลยทั้งสองทำงานอยู่เป็นโรงงานที่ไม่ได้รับอนุญาต และไม้สักแปรรูปที่ใช้ทำเครื่องประดิษฐ์เป็นไม้แปรรูปที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่จำเลยทั้งสองยังยินยอมทำงานเป็นลูกจ้างของเจ้าของโรงงานเช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าของโรงงานกระทำความผิดต่อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4086/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาสนับสนุนการกระทำผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้หวงห้าม: การกระทำของลูกจ้าง
เมื่อจำเลยทั้งสองรู้ว่าโรงงานที่จำเลยทั้งสองทำงานเป็นโรงงานที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม้สักแปรรูปที่ใช้ทำเครื่องประดิษฐ์เป็นไม้แปรรูปที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่จำเลยทั้งสองยังยินยอมทำงานเป็นลูกจ้างของเจ้าของโรงงาน ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าของโรงงาน กระทำความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้และฐานมีสิ่งประดิษฐ์อันทำด้วยไม้หวงห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4074/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาให้สิทธิเก็บกินเป็นโมฆะ หากไม่แจ้งความประสงค์ภายในกำหนดเวลา ผู้รับโอนสิทธิไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
จำเลยทำสัญญาให้บริษัท ซ. จำกัดมีสิทธิเก็บกิน(การทำเหมืองแร่) ในที่ดินของจำเลยเป็นเวลา 30 ปี โดยคู่สัญญาตกลงกันว่า หากบริษัทต้องการสิทธิเก็บกินจะต้องแจ้งให้จำเลยทราบภายในเวลาที่กำหนด ดังนั้นเมื่อบริษัทไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา แต่กลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยเป็นเวลาเกือบ20 ปี ถือได้ว่าสัญญาให้สิทธิเก็บกินของบริษัทอันจะพึงมีต่อจำเลยนั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป แม้โจทก์จะเป็นผู้รับช่วงสิทธิตามสัญญาดังกล่าว ก็ไม่อาจอ้างสิทธิเก็บกินเอาแก่จำเลยได้ เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยายจากการยินยอมให้ใช้ประโยชน์โดยไม่หวงห้าม
การที่บิดาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสืบต่อมายินยอมให้บุคคลทั่วไปใช้ถนนพิพาทเป็นเวลาถึง 20 กว่าปี โดยได้สร้างรั้วคอนกรีตเป็นแนวเขตระหว่างบ้านกับถนนพิพาทมาเป็นเวลา กว่า 20 ปี ตลอดจนมีการเรี่ยไรเงินและการทางซ่อมถนนพิพาทหลายครั้ง ทั้งราชการก็ใช้งบประมาณซื้อลูกรังมาช่วยด้วย โดยที่เจ้าของที่ดินมิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิ์ย่อมถึงได้ว่าเจ้าของที่ดินได้อุทิศถนนพิพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยายจากการยินยอมให้ใช้ประโยชน์และการสนับสนุนการซ่อมแซมโดยเจ้าของและหน่วยงาน
การที่บิดาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมและจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสืบต่อมายินยอมให้บุคคลทั่วไปใช้ถนนพิพาทเป็นเวลาถึง20 กว่าปี โดยได้สร้างรั้วคอนกรีตเป็นแนวเขตระหว่างบ้านกับถนนพิพาทมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ตลอดจนมีการเรี่ยไรเงินและการทางซ่อมถนนพิพาทหลายครั้ง ทั้งราชการก็ใช้งบประมาณซื้อลูกรังมาช่วยด้วยโดยที่เจ้าของที่ดินมิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิ์ย่อมถึงได้ว่าเจ้าของที่ดินได้อุทิศถนนพิพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3852/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มลดโทษทางอาญา: การตีความ 'ส่วนของการเพิ่มและส่วนของการลด' ตามประมวลกฎหมายอาญา
คำว่า "ส่วนของการเพิ่มและส่วนของการลด" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 นั้น มิได้หมายถึงจำนวนของโทษที่คิดคำนวณแล้ว แต่เป็นส่วนที่ยังไม่ได้คิดคำนวณกรณีส่วนของการเพิ่มโทษคือกึ่งหนึ่งและส่วนของการลดคือหนึ่งในสาม ดังนี้ส่วนของการเพิ่มจึงมากกว่าส่วนของการลดแต่ศาลเห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดก็ได้