พบผลลัพธ์ทั้งหมด 864 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาเฉพาะการในการจัดตั้งบริษัทและการปฏิเสธหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหมายนัดชอบด้วยกฎหมาย
แม้ผู้ร้องจะมีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ 507/292 แต่ผู้ร้องยังใช้บ้านเลขที่ 766/26 ซึ่งผู้ร้องเคยอยู่ในการขอจดทะเบียนตั้งบริษัทลูกหนี้และใช้บ้านเลขที่ดังกล่าวปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ถือได้ว่าผู้ร้องเจตนาประสงค์จะใช้บ้านเลขที่ 766/26เป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในการจัดตั้งบริษัทลูกหนี้และในการปฏิเสธหนี้การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหมายนัดไปยังผู้ร้องที่บ้านเลขที่ดังกล่าวโดยวิธีปิดหมายนั้น ถือว่าชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาทางกฎหมาย: การใช้ที่อยู่ในการจดทะเบียนบริษัทและการปฏิเสธหนี้เป็นหลักฐานแสดงเจตนา
แม้ผู้ร้องจะมีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ 507/292 ก็ตาม แต่เมื่อผู้ร้องยังใช้บ้านเลขที่ 766/26 ซึ่งผู้ร้องเคยอยู่มาแล้วเดิมในการขอจดทะเบียนบริษัทลูกหนี้ก็ดี และใช้บ้านเลขที่ดังกล่าวปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี กรณีถือได้ว่าผู้ร้องเจตนาประสงค์ใช้บ้านเลขที่ 766/26 เป็นภูมิลำเนาของผู้ร้องแต่เฉพาะการในการจัดตั้งบริษัทลูกหนี้ และในการปฏิเสธหนี้ของบริษัทลูกหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 49 เดิม ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหมายนัดสอบสวน หนังสือยืนยันหนี้ตลอดจนคำบังคับไปยังผู้ร้องที่บ้านเลขที่ 766/26 จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ต่างชาติในการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของไทย โดยอาศัยหลักกฎหมายต่างประเทศ
เจ้าหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคลมีภูมิลำเนาอยู่ประเทศฝรั่งเศสพิสูจน์ได้ว่า มีหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่งของประเทศฝรั่งเศสมาตรา 11 และมาตรา 2123 ให้สิทธิเจ้าหนี้ที่เป็นคนสัญชาติอื่นยื่นคำขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ในประเทศฝรั่งเศสได้แม้จะไม่มีมาตราใดบัญญัติไว้โดยเฉพาะในกฎหมายล้มละลายของประเทศฝรั่งเศสเช่นเดียวกับกฎหมายล้มละลายแห่งประเทศไทยก็ตาม เจ้าหนี้ในประเทศไทยก็ย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในประเทศฝรั่งเศสได้ ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขในมาตรา 178 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 แล้ว จึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในประเทศไทยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ต่างประเทศในการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย - การพิสูจน์สิทธิและการปฏิบัติตามเงื่อนไขมาตรา 178
มาตรา 11 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งของประเทศฝรั่งเศส บัญญัติว่า "คนในสัญชาติอื่นมีสิทธิและหน้าที่ภายใต้กฎหมายแพ่งของฝรั่งเศสเช่นเดียวกับที่คนสัญชาติฝรั่งเศสจะมีสิทธิและหน้าที่ในรัฐของคนชาตินั้นสังกัด" ดังนั้นแม้ไม่มีมาตราใดบัญญัติไว้โดยเฉพาะในกฎหมายล้มละลายของฝรั่งเศสเช่นเดียวกับกฎหมายล้มละลายแห่งประเทศไทย แต่เมื่อเจ้าหนี้นำ อ. มาเป็นพยานในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า อ. เป็นผู้ติดต่อกับประเทศฝรั่งเศสจนกระทั่งได้บทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งของประเทศฝรั่งเศสดังกล่าวแล้วมาประกอบ ซึ่งกฎหมายแพ่งของประเทศฝรั่งเศสดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติห้ามเจ้าหนี้ที่อยู่ในต่างประเทศ ดังนั้นเจ้าหนี้ในประเทศไทยก็อาจพิสูจน์หนี้ได้ทางนำสืบของเจ้าหนี้ย่อมเพียงพอรับฟังได้ว่าเจ้าหนี้ในประเทศไทยย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในประเทศฝรั่งเศสได้เช่นเดียวกับเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในประเทศไทยเมื่อเจ้าหนี้ไม่เคยได้รับหรือมีสิทธิรับทรัพย์สินหรือส่วนแบ่งจากทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 นอกราชอาณาจักรถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขในมาตรา 178 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลายพ.ศ. 2483 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ต่างชาติในคดีล้มละลายของไทย การพิสูจน์สิทธิภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส
กฎหมายล้มละลายของประเทศฝรั่งเศสคล้ายกับกฎหมายล้มละลายของประเทศไทย แต่ไม่มีมาตราใดบัญญัติไว้ชัดแจ้งเช่นกฎหมายล้มละลายของประเทศไทย คงมีแต่หลักทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่งของ ประเทศฝรั่งเศส มาตรา 11 และมาตรา 2123 ระบุว่า ชาวต่างชาติมีสิทธิที่จะยื่นขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สินในประเทศฝรั่งเศส ได้ ดังนั้น แม้จะไม่มีมาตราใดบัญญัติไว้โดยเฉพาะในกฎหมาย ล้มละลายของประเทศฝรั่งเศสเช่นเดียวกับกฎหมายล้มละลายแห่งประเทศไทย แต่เมื่อเจ้าหนี้พิสูจน์ ให้รับฟังได้ว่า เจ้าหนี้ใน ประเทศไทยมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในประเทศฝรั่งเศส ได้ ทั้งเจ้าหนี้ไม่เคยได้รับหรือมีสิทธิรับทรัพย์สินหรือส่วนแบ่ง จากทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 นอกราชอาณาจักร กรณี ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขในมาตรา 178 แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 แล้ว เจ้าหนี้จึงมีสิทธิขอ รับชำระหนี้ในประเทศไทยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ภาวะจิตของผู้ต้องหาในคดีอาญา: บทบาทของรายงานแพทย์และพยานหลักฐาน
ระหว่างพิจารณาคดี แพทย์ผู้ตรวจจำเลยวินิจฉัยว่าจำเลยป่วยเป็นโรคจิต แต่ขณะเกิดเหตุสันนิษฐานว่าพอรู้ผิดชอบบ้าง ขณะตรวจอาการจิตสงบพอต่อสู้คดีได้ ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีต่อไป ชั้นพิจารณาจำเลยมิได้นำแพทย์ผู้ตรวจจำเลยมาสืบประกอบรายงานการวินิจฉัยดังกล่าวเพื่อให้โจทก์มีโอกาสถามค้านว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมีจิตบกพร่องจริงหรือไม่ ค. ภริยาจำเลย พยานโจทก์ ไม่ได้เบิกความว่าจำเลยมีอาการโรคจิตมาก่อน และศาลชั้นต้นไม่ได้รับฟังรายงานการวินิจฉัยของแพทย์ ทั้งจำเลยมิได้อุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าว ดังนี้ไม่อาจรับฟังว่าขณะกระทำผิดจำเลยมีจิตบกพร่อง จึงลงโทษจำเลยน้อยลงตาม ป.อ. มาตรา 65 วรรคสองไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงานเป็นมรดก ไม่ใช่สินสมรส ระเบียบบริษัทจ่ายให้ภริยาและทายาทที่ระบุได้
เงินตามโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงานซึ่งนายจ้างจะจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อออกจากงานเป็นเงินของลูกจ้าง ถ้าลูกจ้างยังไม่ตายและออกจากงาน นายจ้างก็ต้องจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างตามระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง เมื่อลูกจ้างตายเงินดังกล่าวจึงเป็นมรดกของผู้ตาย มิใช่สินสมรสระหว่างผู้ตายกับภริยา ระเบียบข้อบังคับของนายจ้างในการจ่ายเงินตามโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงานที่กำหนดให้ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายมีสิทธิได้รับไปครึ่งหนึ่ง กับบุคคลที่ลูกจ้างระบุไว้ในหนังสือรับรองทายาทอีกครึ่งหนึ่งนั้น ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน มีผลใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินผลประโยชน์ออกจากงานเป็นมรดก-สินสมรส ระเบียบบริษัทใช้บังคับได้
เงินตามโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงานที่บริษัท ช.คิดให้ผู้ตาย 2.25 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้ายต่ออายุงาน 1 ปีนั้นถือได้ว่าเป็นเงินของผู้ตาย หากผู้ตายยังไม่ตายและออกจากบริษัทฯไป บริษัทฯ ก็ต้องจ่ายเงินจำนวนนี้ให้แก่ผู้ตาย ดังนั้น เงินตามโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงานจึงเป็นมรดกของผู้ตายมิใช่สินสมรส ตามระเบียบข้อบังคับของบริษัท ช. ที่กำหนดให้เงินตามโครงการผลประโยชน์ดังกล่าวแก่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายครึ่งหนึ่ง กับบุคคลที่ถูกระบุไว้ในหนังสือรับรองทายาทอีกครึ่งหนึ่งนั้น เป็นระเบียบข้อบังคับที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน มีผลใช้บังคับได้ โจทก์ซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายจึงมีสิทธิรับเงินตามโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงานครึ่งหนึ่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์โดยเจตนาทุจริตหลังได้รับแจ้งให้รื้อถอน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
จำเลยเข้าครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ที่เกิดเหตุโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครอง ต่อมาทางราชการได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่จำเลยไม่ยอมออก การที่จำเลยยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ภายหลังจากที่ทางราชการได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่เกิดเหตุแล้ว ถือว่าจำเลยมีเจตนายึดถือครอบครองที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้วจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสองประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ข้อ 11
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์โดยสุจริต แต่ไม่ยอมออกจากที่ดินหลังได้รับแจ้ง ถือเป็นการยึดถือครอบครองผิดกฎหมาย
จำเลยเข้าครอบครองที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกันโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครอง ต่อมาทางราชการได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบว่าเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์และให้จำเลยออกไป แต่จำเลยไม่ยอมออก ถือว่าจำเลยมีเจตนายึดถือครอบครองที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง