พบผลลัพธ์ทั้งหมด 864 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3344/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง, ค่าเสียหายทางจิตใจ, และประเด็นการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 นายจ้างร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ลูกจ้างซึ่งกระทำละเมิดในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ลอย ๆ ว่า ผลคดียังไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้กระทำความผิด เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 2รับหรือปฏิเสธฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง จำเลยที่ 2 จึงไม่มีประเด็นนำสืบ และที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์มีส่วนผิดอยู่ด้วยก็มิได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงไม่เป็นประเด็นและไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่าง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ค่าเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานเป็นความเสียหายที่มิใช่ตัวเงินอย่างหนึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 446 ไม่เป็นการซ้ำซ้อนกับค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้และค่าขาดการงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3342/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต และการรื้อถอนอาคารที่ผิดกฎหมาย
การที่ ฮ. บิดาจำเลยได้ยกโครงหลังคาอาคารด้านหลังตึกแถวจากเดิม สูง 4 เมตรเป็น 6 เมตร เปลี่ยนเสากลางจากสูง 6 เมตรเป็นสูง 7 เมตร และเปลี่ยนหลังคาสังกะสีซึ่งคลุมพื้นที่ว่างด้านหลังตึกแถวเป็นหลังคากระเบื้องโดยใช้กำแพงรั้วอิฐบล็อก เดิม และก่อสร้างรั้วอิฐบล็อก โปร่ง เสริมจากรั้วอิฐบล็อก เดิม สูงขึ้นอีก 1 เมตร และใช้สังกะสีกั้นเป็นผนังต่อจากกำแพงรั้วขึ้นไปจนถึงขอบหลังคา เป็นการขยายรูปทรงและสัดส่วนของโครงสร้างอาคารและต่อเติมส่วนต่าง ๆ ซึ่งได้ก่อสร้างไว้แล้วให้ผิดไปจากเดิม ถือว่าเป็นการดัด แปลงอาคารตามบทบัญญัติดังกล่าวและขัดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคารฯ ข้อ 76(4) เมื่อจำเลยให้ ฮ.ดัด แปลงอาคารพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและอาคารดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ โจทก์ย่อมมีอำนาจสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทด้านหลังตึกแถวออกไปทั้งหมดได้ตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคารฯ มาตรา 42.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3287/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำคุกและปรับตาม พ.ร.บ.การพนัน ศาลมีดุลพินิจลงโทษจำคุกสถานเดียวได้
คำว่าอีกโสดหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติการพนัน มาตรา 12 ข้อ 1และปรับด้วยพระราชบัญญัติการพนันไม่มีบทมาตราใดที่บัญญัติไว้มีความหมายว่า อีกสถานหนึ่ง เท่ากับกฎหมายบัญญัติให้ลงโทษจำคุกไม่ให้ศาลใช้ดุลพินิจที่จะวางโทษจำคุกสถานเดียวในเมื่อพระราชบัญญัตินั้นวางกำหนดโทษผู้กระทำความผิดทั้งจำคุกและปรับเมื่อไม่มีกฎหมายห้ามศาลย่อมอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20ประกอบมาตรา 17 ซึ่งบัญญัติว่าบรรดาความผิดที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับด้วยนั้น ถ้าศาลเห็นสมควรจะลงแต่โทษจำคุกก็ได้ การที่ศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่สถานเดียวจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3287/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำคุกหรือปรับในความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน ศาลมีดุลพินิจลงโทษจำคุกได้ แม้กฎหมายบัญญัติโทษทั้งจำคุกและปรับ
คำว่าอีกโสดหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติการพนัน มาตรา 12 ข้อ 1และปรับด้วยพระราชบัญญัติการพนันไม่มีบทมาตราใดที่บัญญัติไว้มีความหมายว่า อีกสถานหนึ่ง เท่ากับกฎหมายบัญญัติให้ลงโทษจำคุกไม่ให้ศาลใช้ดุลพินิจที่จะวางโทษจำคุกสถานเดียวในเมื่อพระราชบัญญัตินั้นวางกำหนดโทษผู้กระทำความผิดทั้งจำคุกและปรับเมื่อไม่มีกฎหมายห้ามศาลย่อมอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20ประกอบมาตรา 17 ซึ่งบัญญัติว่าบรรดาความผิดที่กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับด้วยนั้น ถ้าศาลเห็นสมควรจะลงแต่โทษจำคุกก็ได้ การที่ศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่สถานเดียวจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนา, การส่งคำบังคับ, คำขอพิจารณาใหม่: การยึดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อผู้ถูกยึดมีภูมิลำเนาในไทยแม้จะอยู่ต่างประเทศ
จำเลยที่ 4 ไปศึกษาต่อต่างประเทศก่อนโจทก์ฟ้องหลายปี มีครอบครัวและประกอบอาชีพอยู่ต่างประเทศ แต่จำเลยที่ 4 ยังมีสัญชาติไทย มีชื่อในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องและเคยเดินทางกลับมาประเทศไทยหลายครั้ง ถือว่าจำเลยที่ 4 ยังมีภูมิลำเนาในประเทศไทยตามทะเบียนบ้านนั้น การส่งคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 4 ตามภูมิลำเนาดังกล่าวโดยการปิดคำบังคับจึงเป็นการส่งโดยชอบ จำเลยที่ 4 เพิ่งยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนด6 เดือนไปแล้ว นับแต่วันยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนา, การบังคับคดี, กำหนดเวลา, คำขอพิจารณาใหม่, การส่งหมาย
จำเลยที่ 4 ไปศึกษาต่อต่างประเทศก่อนโจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาหลายปี มีครอบครัวและประกอบอาชีพอยู่ต่างประเทศ แต่จำเลยที่ 4ยังมีสัญชาติไทย มีชื่อ ในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องและเคยเดินทางกลับมาประเทศไทยหลายครั้ง ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4ยังมีภูมิลำเนาในประเทศไทยตามทะเบียนบ้านนั้น พนักงานเดินหมายปิดคำบังคับ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 4 ตามคำสั่งศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 ถือได้ว่าการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 4 ชอบแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2530 จำเลยที่ 4เพิ่งมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2531ซึ่งพ้นกำหนด 6 เดือนไปแล้วนับแต่วันยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนา การส่งคำบังคับ และระยะเวลาการยื่นคำขอพิจารณาใหม่หลังยึดทรัพย์
จำเลยที่ 4 ไปศึกษาต่อต่างประเทศก่อนโจทก์ฟ้องหลายปี มีครอบครัวและประกอบอาชีพอยู่ต่างประเทศ แต่จำเลยที่ 4 ยังมีสัญชาติไทย มีชื่อในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องและเคยเดินทางกลับมาประเทศไทยหลายครั้ง ถือว่าจำเลยที่ 4 ยังมีภูมิลำเนาในประเทศไทยตามทะเบียนบ้านนั้น การส่งคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 4 ตามภูมิลำเนาดังกล่าวโดยการปิดคำบังคับจึงเป็นการส่งโดยชอบ จำเลยที่ 4 เพิ่งยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนด6 เดือนไปแล้ว นับแต่วันยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3049/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนสาบานตัวในคดีคนอนาถา: เหตุผลที่ไม่ชัดเจนไม่ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษ
จำเลยที่ 1 ยื่นคำฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาพร้อมกับคำร้องขอเลื่อนการสาบานตัวออกไป 7 วัน อ้างว่าไม่สามารถมาศาลเพื่อสาบานตัวได้ โดยมิได้กล่าวอ้างเหตุที่มาศาลไม่ได้เพราะเหตุใดเป็นการกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย แสดงว่ามิได้มีพฤติการณ์พิเศษตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลาสาบานตัวที่จำเลยที่ 1 ต้องสาบานตัวพร้อมการยื่นคำฟ้องอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 ให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3049/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนการสาบานตัวในคดีอนาถา: ต้องมีเหตุพิเศษตามกฎหมาย
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 การสาบานตัวเป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนดระยะเวลาเอาไว้ ซึ่งศาลมีอำนาจขยายหรือย่นได้ตามมาตรา 23 แต่ให้ทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ เมื่อคำร้องขอเลื่อนการสาบานตัวอันเป็นการขอขยายระยะเวลาของจำเลย กล่าวแต่เพียงว่าจำเลยไม่สามารถมาศาลเมื่อสาบานตัวได้ โดยมิได้กล่าวอ้างเหตุที่มาศาลไม่ได้ จึงเป็นการกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย แสดงว่ามิได้มีพฤติการณ์พิเศษอย่างใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3049/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอสาบานตัวพร้อมคำฟ้องอนาถาต้องกระทำพร้อมกัน หากมีเหตุจำเป็นต้องขอเลื่อน ต้องแสดงเหตุผลที่ชัดเจนและมีพฤติการณ์พิเศษ
จำเลยที่ 1 ยื่นคำฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถาพร้อมกับคำร้องขอเลื่อนการสาบานตัวออกไป7 วัน อ้างว่าไม่สามารถมาศาลเพื่อสาบานตัวได้ โดยมิได้กล่าวอ้างเหตุที่มาศาลไม่ได้เพราะเหตุใดเป็นการกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย แสดงว่ามิได้มีพฤติการณ์พิเศษตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลาสาบานตัวที่จำเลยที่ 1 ต้องสาบานตัวพร้อมการยื่นคำฟ้องอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 ให้ได้.