คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุประดิษฐ์ หุตะสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 441 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันนับจากวันปิดประกาศคำบังคับ หากล่าช้าต้องระบุเหตุผล
เมื่อมีการปิดประกาศคำบังคับหน้าศาลวันที่8ตุลาคม2535คำบังคับจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลา15วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคสองหากจำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน15วันนับจากวันที่24ตุลาคม2535ถ้าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาดังกล่าวก็จำต้องระบุเหตุแห่งการที่ยื่นคำขอมาล่าช้าแต่คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยลงวันที่25มกราคม2536ซึ่งเกินกำหนดเวลาดังกล่าวและมิได้ระบุเหตุผลที่ยื่นล่าช้ากำหนดเวลาที่จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่กรณีนี้หาใช่หกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาคำขอพิจารณาใหม่หลังคำบังคับ: ยื่นล่าช้าและไม่แจ้งเหตุ ศาลยกคำร้อง
เมื่อมีการปิดประกาศคำบังคับหน้าศาลวันที่8ตุลาคม2535คำบังคับจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลา15วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคสองหากจำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน15วันนับจากวันที่24ตุลาคม2535ถ้าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาดังกล่าวก็จำต้องระบุเหตุแห่งการที่ยื่นคำขอมาล่าช้าแต่คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยลงวันที่25มกราคม2536ซึ่งเกินกำหนดเวลาดังกล่าวและมิได้ระบุเหตุผลที่ยื่นล่าช้ากำหนดเวลาที่จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่กรณีนี้หาใช่หกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันนับจากปิดประกาศคำบังคับ หากล่าช้าต้องระบุเหตุผล
เมื่อมีการปิดประกาศคำบังคับหน้าศาลวันที่ 8 ตุลาคม2535 คำบังคับจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลา 15 วัน ได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 วรรคสอง หากจำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วัน นับจากวันที่ 24 ตุลาคม 2535 ถ้าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาดังกล่าวก็จำต้องระบุเหตุแห่งการที่ยื่นคำขอมาล่าช้า แต่คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยลงวันที่ 25 มกราคม 2536 ซึ่งเกินกำหนดเวลาดังกล่าวและมิได้ระบุเหตุผลที่ยื่นล่าช้า กำหนดเวลาที่จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่กรณีนี้หาใช่หกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2727/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้เช่าซื้อและนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างในการใช้รถยนต์
จำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์มอบให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างเป็นผู้ใช้สอยรถยนต์คันดังกล่าวก็เพื่อให้จำเลยที่ 1 ติดต่อการงานให้แก่จำเลยที่ 2จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองใช้และได้รับประโยชน์ในรถยนต์คันดังกล่าวอยู่ในขณะเกิดเหตุ ดังนั้นจำเลยที่ 2 จะอ้างว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของผู้ให้เช่าซื้อและจำเลยที่ 2 เช่าซื้อมาให้จำเลยที่ 1 ใช้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่
พนักงานขายของจำเลยที่ 2 สามารถใช้รถของจำเลยที่ 2จนกว่าจะปฏิบัติงานเสร็จสิ้นแล้วจึงจะนำมาคืน โดยอาจจะปฏิบัติงานในในเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ได้ เมื่อปรากฏว่าในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปปฏิบัติงานให้แก่จำเลยที่ 2 จึงถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าเกิดเหตุนอกเวลาทำการงาน และจำเลยที่ 1 มิได้หมายเหตุไว้ในบัตรตอกเวลาทำงานว่าจำเลยที่ 1ต้องปฏิบัติงานนอกเวลาเพื่อให้จำเลยที่ 2 ทราบ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องภายในระหว่างพนักงานของจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2727/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เช่าซื้อรถยนต์มอบให้ลูกจ้างใช้ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้าง
จำเลยที่2เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์มอบให้จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างเป็นผู้ใช้สอยรถยนต์คันดังกล่าวก็เพื่อให้จำเลยที่1ติดต่อการงานให้แก่จำเลยที่2จึงต้องถือว่าจำเลยที่2เป็นผู้ครอบครองใช้และได้รับประโยชน์ในรถยนต์ค้นดังกล่าวอยู่ในขณะเกิดเหตุดังนั้นจำเลยที่2จะอ้างว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของผู้ให้เช่าซื้อและจำเลยที่2เช่าซื้อมาให้จำเลยที่1ใช้จำเลยที่2จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ พนักงานขายของจำเลยที่2สามารถใช้รถของจำเลยที่2จนกว่าจะปฏิบัติงานเสร็จสิ้นแล้วจึงจะนำมาคืนโดยอาจจะปฏิบัติงานในในเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ได้เมื่อปรากฎว่าในวันเกิดเหตุจำเลยที่1ได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปปฏิบัติงานให้แก่จำเลยที่2จึงถือได้ว่าจำเลยที่1ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่2จำเลยที่2จะอ้างว่าเกิดเหตุนอกเวลาทำการงานและจำเลยที่1มิได้หมายเหตุไว้ในบัตรตอกเวลาทำงานว่าจำเลยที่1ต้องปฏิบัติงานนอกเวลาเพื่อให้จำเลยที่2ทราบจำเลยที่2จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่เพราะเป็นเรื่องภายในระหว่างพนักงานของจำเลยที่2กับจำเลยที่2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2683/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินจากการซื้อจากการขายทอดตลาด vs. การครอบครองทำประโยชน์เดิม โจทก์มีสิทธิขับไล่จำเลยได้
โจทก์ซื้อที่ดินตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ซึ่งมีที่ดินพิพาทที่จำเลยทั้งสองได้ ครอบครองแทน เจ้าของรวมอยู่ด้วยจากผู้ที่ซื้อมาจากการขายทอดตลาดของศาลย่อมได้สิทธิในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1330จำเลยทั้งสองจึงไม่มี สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโจทก์มีสิทธิ ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินพิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2683/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินจากการซื้อจากผู้ซื้อจากการขายทอดตลาด โดยสุจริต
จำเลยทั้งสองเพียงเข้าครอบครองที่ดินพิพาทแทนเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เมื่อโจทก์ได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีที่ดินพิพาทรวมอยู่ด้วยจากนาง ส. ซึ่งซื้อมาจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต โจทก์ย่อมได้สิทธิในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่ง-และพาณิชย์ มาตรา 1330

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2683/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินจากการซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาด vs. การครอบครองทำประโยชน์เดิม ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดชอบกว่า
จำเลยทั้งสองเพียงเข้าครอบครองที่ดินพิพาทแทนเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เมื่อโจทก์ได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีที่ดินพิพาทรวมอยู่ด้วยจากนางส. ซึ่งซื้อมาจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริตโจทก์ย่อมได้สิทธิในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1330

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2623/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ กรณีสำนักงานย้ายที่ทำการ
ข้าราชการซึ่งต้องย้ายตามไปทำงานในท้องที่อื่น เพราะสำนักงานเดิมย้ายที่ทำการมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตาม พ.ร.ฎ. ค่าเช่าบ้านข้าราชการพ.ศ.2527

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2623/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ กรณีหน่วยงานย้ายที่ทำการ แม้ไม่มีคำสั่งย้าย
ข้าราชการซึ่งต้องย้ายตามไปทำงานในท้องที่อื่น เพราะสำนักงานเดิมย้ายที่ทำการมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527
of 45