คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุประดิษฐ์ หุตะสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 441 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมออกเช็ค: ผู้ไม่ได้เป็นผู้สั่งจ่ายก็มีความผิดได้
คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้นมิได้มีความหมายเฉพาะผู้ออกเช็คในฐานะผู้สั่งจ่ายเท่านั้นที่จะเป็นผู้กระทำความผิดได้ บุคคลอื่นแม้มิใช่ผู้สั่งจ่ายก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ออกเช็คโดยเป็นตัวการร่วมกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้
การที่จำเลยที่ 1 ออกเช็คมอบให้จำเลยที่ 3 เพื่อนำไปแลกเงินสดต่อมาจำเลยที่ 3 สลักหลังเช็คพิพาท และร่วมกับจำเลยที่ 2 นำไปแลกเงินสดจากโจทก์ โดยจำเลยที่ 3 ทำหนังสือยอมรับใช้หนี้ตามเช็คให้โจทก์ไว้ เมื่อเช็คพิพาทถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 3ได้ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามเป็นตัวการออกเช็คร่วมกันอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานออกเช็ค – ตัวการร่วม, ผู้สั่งจ่ายไม่ใช่ผู้กระทำความผิดแต่เพียงผู้เดียว
คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้นมิได้มีความหมายเฉพาะผู้ออกเช็คในฐานะผู้สั่งจ่ายเท่านั้นที่จะเป็นผู้กระทำความผิดได้ บุคคลอื่นแม้มิใช่ผู้สั่งจ่ายก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ออกเช็คโดยเป็นตัวการร่วมกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้ การที่จำเลยที่ 1 ออกเช็คมอบให้จำเลยที่ 3 เพื่อนำไปแลกเงินสดต่อมาจำเลยที่ 3 สลักหลังเช็คพิพาท และร่วมกับจำเลยที่ 2 นำไปแลกเงินสดจากโจทก์ โดยจำเลยที่ 3 ทำหนังสือยอมรับใช้หนี้ตามเช็คให้โจทก์ไว้ เมื่อเช็คพิพาทถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 3ได้ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามเป็นตัวการออกเช็คร่วมกันอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมออกเช็ค – ผู้สลักหลังมีส่วนร่วมผิดได้ – พ.ร.บ.เช็ค มาตรา 3
คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้นมิได้มีความหมายเฉพาะ ผู้ออกเช็คในฐานะ ผู้สั่งจ่ายเท่านั้นที่จะเป็นผู้กระทำความผิดได้ บุคคลอื่นแม้มิใช่ผู้สั่งจ่ายก็อาจร่วมกระทำความผิดกับผู้ออกเช็คโดย เป็น ตัวการร่วมกันตาม ป. อาญามาตรา 83 ได้ ดังนั้นผู้สลักหลังเช็ค จึงอาจเป็น ตัวการร่วมกระทำผิดกับผู้ออกเช็คได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหายบริเวณหน้าอก แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ เหล็กขูดชาฟท์ ซึ่ง เป็นวัตถุที่มีคมถึง สามคน มีความยาวถึง 6 นิ้ว ตั้งใจแทงผู้เสียหายตรง บริเวณหน้าอก ซึ่ง เป็นอวัยวะส่วนสำคัญ เมื่อแทงครั้งแรกถูก ผู้เสียหายใช้ มือปัด จำเลยก็เข้าแทงซ้ำอีกครั้ง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายเมื่อการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผลโดย แทงไม่ถูก หน้าอกผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐาน พยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยอายุ 18 ปี นักศึกษา ทำร้ายร่างกาย ศาลพิจารณาเหตุบรรเทาโทษและรอการลงโทษ
ขณะกระทำความผิดจำเลยมีอายุ 18 ปีเศษ และยังเป็นนักศึกษาไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อน จึงมีเหตุอันควรปราณีรอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัว เป็นพลเมืองดี ต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษคดีพนันเล็กน้อย พิจารณาจากพฤติการณ์และโอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี
แม้จะมีผู้เข้าร่วมเล่นการพนันเป็นจำนวนมาก แต่ เงินของกลางมีเพียง 23 บาท แสดงว่าเป็นการเล่นพนันกันครั้งละเล็ก ๆ น้อย ๆและยังมีเหตุน่าเชื่อว่าการเล่นการพนันกันดังกล่าวเป็นการเล่นพนันกันในระหว่างบรรดาผู้ที่ไปช่วย งานฌาปนกิจ ศพมารดาของจำเลยที่ 1ทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 15 ต่าง มีการงานทำเป็นหลักแหล่ง และไม่ ปรากฏว่าเคยต้อง โทษจำคุกมาก่อนอยู่ในวิสัยที่จะกลับตน เป็นพลเมือง ดีได้ เป็นเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำเลยทั้งสองดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีพนัน: ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลงโทษได้ แม้โจทก์มิได้นำสืบภัยร้ายแรงต่อสังคม และพิจารณาเหตุปรานีจำเลยได้
การกระทำความผิดใด เป็นภัยร้ายแรงต่อ ส่วนรวมหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป โจทก์มิต้องนำสืบตาม ป.วิ.พ. มาตรา84(1) ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 และสภาพความผิด ดังกล่าวศาลอาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยประกอบการพิจารณาลงโทษจำเลยได้ การที่ศาลอุทธรณ์ใช้ ดุลพินิจ กำหนดโทษจำคุกจำเลยเสียใหม่ถือ ได้ ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ตลอดจนคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยประกอบกันด้วย แล้ว ไม่จำเป็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้อง หยิบยกเอาคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมาว่ากล่าวให้ปรากฏรายละเอียดประการอื่นโดยเฉพาะ แต่ ประการ ใด จำเลยเปิดร้านขายอาหารและของชำ มีบุตรผู้เยาว์ 2 คนต้องอุปการะเลี้ยงดู โพยสลากกินรวบมี 6 แผ่น และเป็นรายย่อย ๆเงินสดของกลางที่ยึดได้ มีเพียง 80 บาท จึงไม่ใช่เป็นการพนันรายใหญ่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อน จึงมีเหตุอันควรปรานีให้รอการลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีพนัน: ศาลอุทธรณ์พิจารณาจากภัยร้ายต่อสังคมได้ แม้โจทก์มิได้นำสืบ และใช้ดุลพินิจเหมาะสม
การกระทำความผิดใดเป็นภัยร้ายแรงต่อส่วนรวมหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป โจทก์มิต้องนำสืบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และสภาพความผิดดังกล่าว ศาลอาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยประกอบการพิจารณาลงโทษจำเลยได้
การที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกจำเลยเสียใหม่ ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ตลอดจนคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยประกอบกันด้วยแล้ว ไม่จำเป็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องหยิบยกเอาคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมาว่ากล่าวให้ปรากฏรายละเอียดประการอื่น โดยเฉพาะแต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีพนัน: ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลงโทษได้ แม้โจทก์มิได้นำสืบความร้ายแรง และไม่ต้องกล่าวถึงคำแก้ของจำเลยโดยละเอียด
การกระทำความผิดใด เป็นภัยร้ายแรงต่อ ส่วนรวมหรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป โจทก์มิต้องนำสืบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และสภาพความผิดดังกล่าว ศาลอาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยประกอบการพิจารณาลงโทษจำเลยได้ การที่ศาลอุทธรณ์ใช้ ดุลพินิจ กำหนดโทษจำคุกจำเลยเสียใหม่ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ตลอดจนคำแก้ อุทธรณ์ของจำเลยประกอบกันด้วย แล้ว ไม่จำเป็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้อง หยิบยกเอาคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมาว่ากล่าวให้ปรากฏรายละเอียดประการอื่นโดยเฉพาะ แต่ ประการใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ น้ำหนักบรรทุกเกินกำหนดก่อความเสียหายร้ายแรง ไม่รอการลงโทษและริบรถ
การที่จำเลยนำรถยนต์บรรทุกของกลาง ซึ่ง มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าที่ทางราชการกำหนดถึง 5,800 กิโลกรัม มาเดิน บนทางหลวงแผ่นดิน นอกจากจะทำความเสียหายแก่ทางสัญจรไปมาของประชาชน ทำให้ต้อง สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินในการบูรณะซ่อมแซม อันมีผลเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติโดย ส่วนรวมแล้วก็ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อ ผู้ขับขี่ยานพาหนะอื่นอีกด้วย ทั้งจำเลยกระทำความผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึง ความสูญเสียที่จะเกิดตาม มา จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลย และไม่มีเหตุที่จะไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลางที่จำเลยใช้ กระทำความผิด.
of 45