คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุประดิษฐ์ หุตะสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 441 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการจัดหางานสำคัญกว่าการเรียกเก็บเงิน หากไม่มีเจตนาจัดหางานจริง แม้เรียกเก็บเงิน ก็ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. จัดหางาน
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดฐาน ฉ้อโกง และความผิดต่อพ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ โดย ความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันจัดหางานแก่คนงานโดย ทั่วไป จำเลยกับพวกดังกล่าวได้ เรียกและ รับค่าบริการเป็นเงินเป็นค่าตอบแทนการจัดหางาน ทั้งนี้โดยจำเลย กับพวกไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตาม กฎหมายแต่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ ดำเนินการอย่างไรบ้างในการจัดหางานโดย ไม่ได้รับอนุญาต ทั้งข้อเท็จจริงตาม คำบรรยายฟ้องในความผิดฐาน ฉ้อโกงซึ่ง จำเลยให้การ รับสารภาพก็ฟังได้ว่า จำเลยไม่สามารถและไม่มีเจตนาที่จะจัดส่งโจทก์ร่วมทั้งสามไปทำงานยังประเทศ ซาอุดีอาระเบีย แต่ ประการ ใด แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสาม แต่ ได้ อ้างเอา การจัดหางานมาเป็นวิธีการหลอกลวงเพื่อให้โจทก์ทั้งสามหลงเชื่อยอมให้เงินแก่จำเลยเท่านั้นข้อเท็จจริงจึงไม่พอฟังว่าจำเลยได้ ดำเนินการจัดหางานอันจะเป็นความผิดฐาน จัดหางานโดย ไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท: การกระทำความผิดกรรมเดียว แม้มีการขายและมีไว้เพื่อขาย
พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2418 มาตรา 16วรรคหนึ่ง ได้ บัญญัติห้ามผลิต ขาย นำเข้าหรือส่งออกซึ่ง วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4... เว้นแต่ได้ รับใบอนุญาต และมีบทกำหนดโทษตาม มาตรา 90 ซึ่ง มาตรา 4 แห่งพ.ร.บ. ฉบับ นี้ได้ วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" ว่าหมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตาม นัยแห่ง พ.ร.บ. ฉบับ นี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกันปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีเพโมลิน อัน เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อ จิตและประสาทไว้ในครอบครองเพื่อขายจำนวน 201 เม็ดและจำเลยที่ 1 ได้ ขายเพโมลิน ดังกล่าวให้แก่ผู้ล่อซื้อไป 2 เม็ดยังเหลืออยู่ที่จำเลยที่ 1 จำนวน 199 เม็ด เพโมลิน ทั้ง 201 เม็ดเป็นจำนวนเดียว กันกับที่จำเลยที่ 1 ได้ มี ไว้เพื่อขายและขายไปในเวลาต่อเนื่องกัน เมื่อศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ฐาน ขายเพโมลินจึงต้อง ถือ ว่าจำเลยที่ 1 ถูก ลงโทษตาม ที่โจทก์ฟ้องแล้วการกระทำของจำเลยที่ 1 หาเป็นความผิดสองกรรมไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 216 เพราะไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยการริบของกลางตามมาตรา 70 พ.ร.บ.ประมง
ฎีกาของจำเลยเพียงแต่ ยก มาตรา 69 พ.ร.บ. ประมงฯขึ้นอ้างเพื่อให้ศาลใช้ ดุลพินิจ ไม่ริบของกลาง แต่ ไม่ได้กล่าวในฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ให้ริบของกลางตาม มาตรา 70 พ.ร.บ. ประมงฯนั้น ไม่ถูกต้องในข้อใด อย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 216.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน พิจารณาจากเหตุการณ์ก่อนหน้าและพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
จำเลยกับผู้ตายไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จำเลยรับฟังเรื่องที่ ส. น้องสาวเล่าว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ ยิงปืนขู่แล้ว ส. ให้จำเลยไปเอากระบือการที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามือค่ำ หรือเพื่อป้องกันตัวก็ได้ อีกทั้งก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายยังได้ มีการพูดจาทักทาย กันก่อน หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่เช่นนี้ การกระทำผิดของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 289(4).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุ
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน แม้ภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยได้มาบอกจำเลยว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ยิงปืนขู่ก็ตาม แต่ผู้ตายไม่ได้ทำร้ายภรรยาจึงไม่น่าจะเป็นเหตุถึงกับทำให้จำเลยต้องการฆ่าผู้ตายในขณะนั้น ทั้งปรากฏว่าภรรยาผู้ตายให้จำเลยไปเอากระบือที่ห้างนามาไว้ที่บ้าน การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามืดค่ำจึงเอาไปเพื่อป้องกันตัว และก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายได้มีการพูดจาทักทาย กันก่อนแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยคิดฆ่าผู้ตายมาแต่ต้นจึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน การพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลในการกระทำ
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน แม้ภริยาผู้ตายซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยได้มาบอกจำเลยว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ยิงปืนขู่ก็ตาม แต่ผู้ตายไม่ได้ทำร้ายภริยา จึงไม่น่าจะเป็นเหตุถึงทำให้จำเลยต้องการฆ่าผู้ตายในขณะนั้น ทั้งปรากฏว่าภริยาผู้ตายให้จำเลยไปเอากระบือที่ห้างนามาไว้ที่บ้าน การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วยอาจเพราะเป็นเวลามือค่ำจึงเอาไปเพื่อป้องกันตัว และก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายได้มีการพูดจาทักทายกันก่อนแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยคิดฆ่าผู้ตายมาแต่ต้น จึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า – การพิจารณาเหตุผลและพฤติการณ์ก่อนการกระทำความผิด เพื่อประกอบการพิจารณาว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองผู้ตายมาก่อน แม้ภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นน้องสาวจำเลยได้มาบอกจำเลยว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ยิงปืนขู่ก็ตาม แต่ผู้ตายไม่ได้ทำร้ายภรรยาจึงไม่น่าจะเป็นเหตุถึงกับทำให้จำเลยต้องการฆ่าผู้ตายในขณะนั้น ทั้งปรากฏว่าภรรยาผู้ตายให้จำเลยไปเอากระบือที่ห้างนามาไว้ที่บ้าน การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามืดค่ำจึงเอาไปเพื่อป้องกันตัว และก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายได้มีการพูดจาทักทาย กันก่อนแล้ว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยคิดฆ่าผู้ตายมาแต่ต้นจึงไม่เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษในความผิดพรากผู้เยาว์ แม้ฟ้องตามมาตราอื่น หากพยานหลักฐานฟังได้ว่าเข้าข่ายความผิดอื่นที่มีโทษเบากว่า
การพรากผู้เยาว์กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด ไม่ว่าผู้เยาว์จะเต็มใจไปด้วยหรือไม่ แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา318 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตาม ป.อ. มาตรา 319ศาลย่อมปรับบทลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญาและการรอการลงโทษจำคุกจากพฤติการณ์ผู้กระทำผิด
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยมีเครื่องชั่งที่ผิดอัตราไว้เพื่อใช้เอาเปรียบในการค้า โดยชั่งสินค้าจำหน่ายแก่ผู้ซื้อ กับได้ ใช้เครื่องชั่งที่ผิดอัตรานั้นทำการชั่งสินค้าจำหน่ายแก่ลูกค้าผู้ซื้อเพื่อเอาเปรียบในการค้า ฟ้องของโจทก์จึงชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดต่อ พ.ร.บ. มาตราชั่ง ตวง วัดฯ และ ป.อ.มาตรา 270 ตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลย ส่วน บุคคลที่เสียหายจะเป็นใครนั้น หาใช่สาระสำคัญที่โจทก์จำต้องกล่าวมาในฟ้องด้วยไม่เพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) แล้ว จำเลยรับจ้าง ศ. ซึ่งเป็นญาติขายอาหารสำเร็จรูปประเภทขนมปังกรอบในที่เกิดเหตุ โดยจำเลยเป็นผู้ครอบครองเครื่องชั่งที่ผิดอัตราเท่านั้น หาใช่เจ้าของกิจการพาณิชย์ ตามฟ้องไม่ และจำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูภริยา และให้ความอุปการะบุตรที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียนอีก 3 คน ทั้งระหว่างถูกคุมความประพฤติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยก็ได้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติตามกำหนดนัดอีกด้วย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงสมควรให้โอกาสจำเลยประพฤติตนเป็นคนดีต่อไป โดยรอการลงโทษจำคุกให้และคุมความประพฤติจำเลยไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำลำรางสาธารณะและการผ่อนผันสร้างสะพานท่อ ศาลพิจารณารอการลงโทษจำคุกโดยคำนึงถึงพฤติการณ์และโอกาสกลับตัว
จำเลยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 360 เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าลำรางสาธารณะที่จำเลยสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กทับมีสภาพเป็นพื้นดิน กับมีหญ้าขึ้นปกคลุมเนื่องจากตื้นเขินมาก เมื่อทางราชการได้ผ่อนผันให้จำเลยปรับปรุงลำรางสาธารณะโดยเปลี่ยนจากการรื้อถอนถนนเป็นการสร้างสะพานท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งจำเลยได้นำเงิน 5,200,000 บาท ไปจ่ายให้ทางราชการเป็นค่าก่อสร้างแล้ว ทั้งจำเลยศึกษาจบระดับปริญญาตรีทางวิศวกรรมศาสตร์ และมีหน้าที่การงานเป็นกิจจลักษณะรายได้เดือนละ 37,000 บาท จึงมีเหตุอันควรปรานีแก่จำเลย เพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีด้วยการรอการลงโทษจำคุกไว้.
of 45