พบผลลัพธ์ทั้งหมด 525 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งมรดกของผู้จัดการมรดก: การจัดการมรดกยังไม่สิ้นสุดทำให้ฟ้องได้เสมอ
จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกซึ่งครอบครองทรัพย์มรดกไว้แทนโจทก์และทายาทอื่นยังจัดการมรดกยังไม่เสร็จจำเลยจึงไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ไม่เข้าข้อยกเว้นการป้องกันตัว
จำเลยกับผู้ตายวิวาทชกต่อยกันแล้วจำเลยแยกกลับห้องพักและย้อนกลับมาใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายหลังจากเกิดเหตุชกต่อยกันแล้วประมาณ10นาทีการกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงมิใช่เป็นการกระทำโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุเพราะไม่มีเหตุภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัวแต่การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายหลังวิวาท ไม่ถือเป็นป้องกันตัว และเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยกับผู้ตายวิวาทชกต่อยกัน แล้วจำเลยแยกกลับห้องพักและย้อนกลับมาใช้อาวุธมีดแทงผู้ตาย หลังจากเกิดเหตุชกต่อยกันแล้วประมาณ 10 นาทีการกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงมิใช่เป็นการกระทำโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เพราะไม่มีเหตุภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันตัว แต่การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้อมรั้วที่ดินสาธารณประโยชน์โดยเจตนาถือครอง ยึดถือที่ดินของรัฐ
จำเลยล้อมรั้วที่ดินแปลงพิพาทด้านติดถนนสาธารณะและด้านซึ่งติดกับที่ดินของ ม.และ พ.ตลอดแนว เมื่อ พ.กล่าวหาว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของ พ.ปลัดอำเภอ ที่ดินอำเภอ และคณะกรรมการหมู่บ้านได้ตรวจสอบแล้วว่าจำเลยไม่ได้รุกล้ำที่ดินของ พ. แต่ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินของ ส. แม่ยายจำเลย หากแต่เป็นที่สาธารณประโยชน์ เมื่อปลัดอำเภอได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยรับปากว่าจะรื้อรั้วออกไป ครั้นครบกำหนดจำเลยยังมิได้ดำเนินการ จึงเป็นกรณีที่จำเลยเจตนาล้อมรั้วเพื่อแสดงขอบเขตหวงกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้สอยถือครอง การกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปยึดถือที่ดินของรัฐ จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.ที่ดินมาตรา 9, 108 ทวิ วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้อมรั้วที่ดินสาธารณประโยชน์โดยเจตนาถือครองเข้าข่ายยึดครองที่ดินของรัฐ
จำเลยล้อมรั้วที่ดินแปลงพิพาทด้านติดถนนสาธารณะและด้านซึ่งติดกับที่ดินของม.และพ.ตลอดแนวเมื่อพ. กล่าวหาว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของ พ.ปลัดอำเภอ ที่ดินอำเภอ และคณะกรรมการหมู่บ้านได้ตรวจสอบแล้วว่าจำเลยไม่ได้รุกล้ำที่ดินของ พ.แต่ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินของส. แม่ยายจำเลยหากแต่เป็นที่สาธารณประโยชน์ เมื่อปลัดอำเภอได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยรับปากว่าจะรื้อรั้วออกไป ครั้นครบกำหนดจำเลยยังมิได้ดำเนินการ จึงเป็นกรณีที่จำเลยเจตนาล้อมรั้วเพื่อแสดงขอบเขตหวงกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้สอยถือครอง การกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปยึดที่ดินของรัฐ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 ทวิ วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้อมรั้วที่ดินสาธารณประโยชน์โดยเจตนาเพื่อหวงกันถือครอง เป็นการยึดถือที่ดินของรัฐ มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
จำเลยล้อมรั้วที่ดินแปลงพิพาทด้านติดถนนสาธารณะและด้านซึ่งติดกับที่ดินของม.และพ. ตลอดแนวเมื่อพ. กล่าวหาว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของพ.ปลัดอำเภอที่ดินอำเภอและคณะกรรมการหมู่บ้านได้ตรวจสอบแล้วว่าจำเลยไม่ได้รุกล้ำที่ดินของพ. แต่ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินของส. แม่ยายจำเลยหากแต่เป็นที่สาธารณประโยชน์เมื่อปลัดอำเภอได้แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยรับปากว่าจะรื้อรั้วออกไปครั้นครบกำหนดจำเลยยังมิได้ดำเนินการจึงเป็นกรณีที่จำเลยเจตนาล้อมรั้วเพื่อแสดงขอบเขตหวงกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้สอยถือครองการกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปยึดที่ดินของรัฐจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา9,108ทวิวรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้อมรั้วที่ดินสาธารณประโยชน์โดยเจตนาแสดงความเป็นเจ้าของ ถือเป็นการยึดถือที่ดินของรัฐ มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
จำเลยล้อมรั้วที่ดินแปลงพิพาทด้านติดถนนสาธารณะและด้านและด้านซึ่งติดกับที่ดินของม. และพ.ตลอดแนวเมื่อพ.กล่าวหาว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของพ. ปลัดอำเภอที่ดินอำเภอและคณะกรรมการหมู่บ้านได้ตรวจสอบแล้วว่าจำเลยไม่ได้รุกล้ำที่ดินของพ. แต่ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินของส. แม่ยายจำเลยหากแต่เป็นที่สาธารณประโยชน์เมื่อปลัดอำเภอได้แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยรับปากว่าจะรื้อรั้วออกไปครั้นครบกำหนดจำเลยยังมิได้ดำเนินการจึงเป็นกรณีที่จำเลยเจตนาล้อมรั้วเพื่อแสดงขอบเขตหวงกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้สอยถือครองการกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปยึดถือที่ดินของรัฐจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา9,108ทวิวรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมโอนและจำนองที่ดินเป็นโมฆะจากเจตนาทุจริต ผู้รับจำนองไม่มีสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ ลงลายมือชื่อใน หนังสือมอบอำนาจโดยยังไม่กรอกข้อความจำเลยที่1นำหนังสือมอบอำนาจนั้นไปกรอกข้อความว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่1เป็นผู้มีอำนาจยื่นคำขอจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์ให้แก่จำเลยที่1โดยโจทก์ไม่รู้เห็นด้วยนิติกรรมการโอนเกิดขึ้นจากการทุจริตจึงตกเป็น โมฆะ ถือเสมือนว่ามิได้มีนิติกรรมการโอนเกิดขึ้น กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทยังคงเป็นของโจทก์ฉะนั้นการที่จำเลยที่2รับจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทไว้จากจำเลยที่1จึงไม่เกิดผลให้จำเลยที่2มีสิทธิตามนิติกรรมจำนองโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ เพิกถอนนิติกรรม จำนองระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายและการเพิกถอนนิติกรรมจำนอง
โจทก์ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจโดยยังมิได้กรอกข้อความต่อมาจำเลยที่ 1 กรอกข้อความว่า โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจในการยื่นคำขอจดทะเบียนขายที่ดินพิพาทแก่จำเลยที่ 2 ในหนังสือมอบอำนาจโดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมแล้วนำไปจดทะเบียนขายให้แก่จำเลยที่ 1 กับนำไปจำนองไว้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อเป็นประกันการกู้ยืมเงินของจำเลยที่ 1 ดังนี้ นิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทมาเป็นของจำเลยที่ 1 จึงตกเป็นโมฆะ จำเลยที่ 1 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท และไม่มีสิทธิเอาที่ดินพิพาทไปจำนองจำเลยที่ 2 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาคนสาบสูญตามกฎหมายแพ่งที่แก้ไขใหม่: ใช้กฎหมายเดิมเมื่อระยะเวลาเดิมยังไม่สิ้นสุด
ตาม พระราชบัญญัติ ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2535มาตรา14บัญญัติว่า"บรรดาระยะเวลาที่บัญญัติไว้ในบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฯลฯซึ่งใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหากระยะเวลาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและระยะเวลาที่กำหนดขึ้นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้แตกต่างกับระยะเวลาที่กำหนดไว้เดิมให้นำระยะเวลาที่ยาวกว่ามาใช้บังคับ"ในระหว่างเกิดเหตุคดีนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ1ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535ยังไม่ใช้บังคับการ นับระยะเวลาในการที่บุคคลได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่และไปตกต้องในฐานที่จะเป็นภยันตรายแก่ชีวิตอันจะเป็นคนสาบสูญจึงต้องนับเวลาถึงสามปีนับแต่เมื่อภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้วทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา64วรรคสองเดิมแม้โจทก์จะมาร้องขอให้ ม. เป็นคนสาบสูญเมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ1ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535ใช้บังคับแล้วและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา61วรรคสองที่ได้ตรวจชำระใหม่ให้ลดระยะเวลาเหลือเพียงสองปีนับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตได้ผ่านพ้นไปก็ตามแต่เมื่อพิจารณาตามมาตรา14แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535แล้วจะเห็นได้ว่าระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา64วรรคสองเดิมใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535ใช้บังคับและระยะเวลาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับทั้งระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา64วรรคสองเดิมยาวกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535มาตรา61วรรคสองจึงต้องถือระยะเวลาที่ยาวกว่ามาใช้บังคับตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2535มาตรา14ดังนั้นการร้องขอให้ศาลสั่งให้ ม. เป็นคนสาบสูญในคดีนี้จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา64วรรคสองเดิมคือใช้ระยะเวลา3ปี