พบผลลัพธ์ทั้งหมด 525 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของทรัพย์ที่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่อาจเรียกคืนทรัพย์สินได้
แม้ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้ร้องให้จำเลยเช่า โรงงานและเช่าซื้อ อุปกรณ์แบ่งบรรจุก๊าซของกลางก็ตาม แต่ ก็ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องได้ ขอ อนุญาตต่อ ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแบ่งบรรจุก๊าซไว้ และในระหว่างให้จำเลยเช่า โรงงานนั้น ผู้ร้องก็หาได้ แจ้งเลิกกิจการไม่ ทั้งขณะเมื่อเจ้าพนักงานเข้าจับกุมจำเลยซึ่ง ร่วมถ่ายเทก๊าซก็ได้ แสดงตัว เป็นผู้ควบคุมดูแล และได้แสดงใบอนุญาตบรรจุก๊าซของผู้ร้อง ดังนี้ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าผู้ร้องรู้เห็นยินยอมให้จำเลยประกอบกิจการแบ่งบรรจุก๊าซในนามผู้ร้องผู้ร้องจึงรู้เห็นเป็นใจด้วย ในการกระทำผิดของจำเลย ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอคืนอุปกรณ์แบ่งบรรจุก๊าซของกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการจัดหางานสำคัญกว่าการเรียกเก็บเงิน หากไม่มีเจตนาจัดหางานจริง แม้เรียกเก็บเงิน ก็ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. จัดหางาน
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดฐาน ฉ้อโกง และความผิดต่อพ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ โดย ความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันจัดหางานแก่คนงานโดย ทั่วไป จำเลยกับพวกดังกล่าวได้ เรียกและ รับค่าบริการเป็นเงินเป็นค่าตอบแทนการจัดหางาน ทั้งนี้โดยจำเลย กับพวกไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตาม กฎหมายแต่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ ดำเนินการอย่างไรบ้างในการจัดหางานโดย ไม่ได้รับอนุญาต ทั้งข้อเท็จจริงตาม คำบรรยายฟ้องในความผิดฐาน ฉ้อโกงซึ่ง จำเลยให้การ รับสารภาพก็ฟังได้ว่า จำเลยไม่สามารถและไม่มีเจตนาที่จะจัดส่งโจทก์ร่วมทั้งสามไปทำงานยังประเทศ ซาอุดีอาระเบีย แต่ ประการ ใด แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสาม แต่ ได้ อ้างเอา การจัดหางานมาเป็นวิธีการหลอกลวงเพื่อให้โจทก์ทั้งสามหลงเชื่อยอมให้เงินแก่จำเลยเท่านั้นข้อเท็จจริงจึงไม่พอฟังว่าจำเลยได้ ดำเนินการจัดหางานอันจะเป็นความผิดฐาน จัดหางานโดย ไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพในคดีอาญา ศาลไม่จำเป็นต้องถามข้อหาเฉพาะ หากจำเลยรับสารภาพตามฟ้องทั้งหมด
เมื่อศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังแล้วว่าโจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในข้อหาใดบ้าง แล้วจึงถามคำให้การจำเลย ซึ่งจำเลยก็ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง แสดงว่ารับสารภาพในทุกข้อหาที่โจทก์บรรยายในฟ้องและศาลอาจลงโทษจำเลยในทุกข้อหาดังกล่าวได้ ดังนี้ ศาลชั้นต้นไม่จำต้องถามจำเลยต่อไปอีกว่าจำเลยรับสารภาพในข้อหาใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพในคดีอาญา: ศาลไม่ต้องถามย้ำถึงข้อหาที่รับสารภาพหากจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง
เมื่อศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังแล้วว่าโจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในข้อหาใดบ้าง แล้วจึงถามคำให้การจำเลย ซึ่งจำเลยก็ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง แสดงว่ารับสารภาพในทุกข้อหาที่โจทก์บรรยายในฟ้องและศาลอาจลงโทษจำเลยในทุกข้อหาดังกล่าวได้ ดังนี้ ศาลชั้นต้นไม่จำต้องถามจำเลยต่อไปอีกว่าจำเลยรับสารภาพในข้อหาใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพในคดีอาญา ศาลต้องสอบถามให้ชัดเจนถึงข้อหาที่รับสารภาพเพื่อความถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม
ศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังแล้วว่า โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในข้อหาใด บ้าง แล้วจึงถาม คำให้การจำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่ง จำเลยทั้งสองก็ให้การ รับสารภาพว่าได้ กระทำ ผิดจริงตาม ฟ้อง แสดงว่ารับสารภาพในทุกข้อหาตาม ที่โจทก์บรรยายในฟ้องและศาลอาจลงโทษจำเลยในทุกข้อหาดังกล่าวได้ ศาลชั้นต้นไม่จำต้องถาม จำเลยทั้งสองต่อไปอีกว่า จำเลยทั้งสองรับสารภาพในข้อหาใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท: การกระทำความผิดกรรมเดียว แม้มีการขายและมีไว้เพื่อขาย
พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2418 มาตรา 16วรรคหนึ่ง ได้ บัญญัติห้ามผลิต ขาย นำเข้าหรือส่งออกซึ่ง วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4... เว้นแต่ได้ รับใบอนุญาต และมีบทกำหนดโทษตาม มาตรา 90 ซึ่ง มาตรา 4 แห่งพ.ร.บ. ฉบับ นี้ได้ วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" ว่าหมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้นการขายหรือมีไว้เพื่อขายตาม นัยแห่ง พ.ร.บ. ฉบับ นี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกันปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีเพโมลิน อัน เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อ จิตและประสาทไว้ในครอบครองเพื่อขายจำนวน 201 เม็ดและจำเลยที่ 1 ได้ ขายเพโมลิน ดังกล่าวให้แก่ผู้ล่อซื้อไป 2 เม็ดยังเหลืออยู่ที่จำเลยที่ 1 จำนวน 199 เม็ด เพโมลิน ทั้ง 201 เม็ดเป็นจำนวนเดียว กันกับที่จำเลยที่ 1 ได้ มี ไว้เพื่อขายและขายไปในเวลาต่อเนื่องกัน เมื่อศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ฐาน ขายเพโมลินจึงต้อง ถือ ว่าจำเลยที่ 1 ถูก ลงโทษตาม ที่โจทก์ฟ้องแล้วการกระทำของจำเลยที่ 1 หาเป็นความผิดสองกรรมไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงไม่ฟ้องคดีแพ่งและอาญาไม่ครอบคลุมความผิดตามเช็คที่ออกชำระหนี้เดิม
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 54,600 บาท โจทก์จำเลยทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ที่สถานีตำรวจว่า จำเลยจะชำระหนี้แก่โจทก์โดย ออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าสั่งจ่ายเงินตาม จำนวนหนี้แก่โจทก์ โจทก์ไม่ติดใจฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งและคดีอาญาครั้นเช็ค ถึง กำหนด จำเลยนำเงิน5,000 บาทไปชำระหนี้แก่โจทก์ และได้ ออกเช็ค พิพาทชำระหนี้ส่วนที่เหลือมอบให้โจทก์ไว้ แต่ สั่งจ่ายเงินขาดไป 1,000 บาท โดย รับรองว่าจะชำระให้โจทก์ในคราวหน้า ครั้นวันเช็ค พิพาทถึง กำหนด จำเลยนำเงินไปชำระแก่โจทก์ 2,000 บาท เป็นการชำระเงินที่ขาดอยู่ 1,000 บาทและให้ค่าเสียหายแก่โจทก์อีก 1,000 บาท ต่อมาโจทก์เรียกเก็บเงินตาม เช็ค พิพาท ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ ถือ ไม่ ได้ว่าเป็นการยอมความในกรณีความผิดตาม เช็ค พิพาทซึ่ง จำเลยออกชำระหนี้แก่โจทก์แทนเช็ค ฉบับ จำนวน เงิน 54,600 บาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 216 เพราะไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยการริบของกลางตามมาตรา 70 พ.ร.บ.ประมง
ฎีกาของจำเลยเพียงแต่ ยก มาตรา 69 พ.ร.บ. ประมงฯขึ้นอ้างเพื่อให้ศาลใช้ ดุลพินิจ ไม่ริบของกลาง แต่ ไม่ได้กล่าวในฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ให้ริบของกลางตาม มาตรา 70 พ.ร.บ. ประมงฯนั้น ไม่ถูกต้องในข้อใด อย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 216.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทหุ้นส่วน: สิทธิเรียกร้องเงินยังไม่เกิดเมื่อห้างหุ้นส่วนไม่เสร็จและไม่มีกำไร จำเลยไม่ต้องรับผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
เช็คพิพาทจำเลยออกให้แก่โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันโดยมุ่งหมายให้เป็นประกันในการคืนทุนเมื่อเสร็จการของห้างหุ้นส่วนและเมื่อมีผลกำไร แต่กลับปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนยังไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จการตามกำหนดและยังไม่มีผลกำไร เช่นนี้โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็ค การที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทห้างหุ้นส่วน: สิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คเกิดขึ้นเมื่อห้างหุ้นส่วนมีผลกำไรและเสร็จสิ้นการตามสัญญา
เช็คพิพาทจำเลยออกให้แก่โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันโดยมุ่งหมายให้เป็นประกันในการคืนทุนเมื่อเสร็จการของห้างหุ้นส่วนและเมื่อมีผลกำไร แต่กลับปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนยังไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จการตามกำหนดและยังไม่มีผลกำไรเช่นนี้ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็ค การที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3