คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สัญชัย สิงหลกะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 170 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดควบคุมอาคาร: การปรับรายวันและการเริ่มนับระยะเวลาปรับเมื่อฝ่าฝืนคำสั่งรื้อถอน
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 19 ให้ศาลบันทึกข้อความแห่งคำฟ้องด้วยวาจาไว้เป็นหลักฐาน หาจำต้องบันทึกไว้โดยละเอียดไม่ และก่อนบันทึกศาลอาจสอบถามข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่จำเลยกระทำความผิด แต่บันทึกไว้เฉพาะข้อความสำคัญ ส่วนบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำฟ้องด้วยวาจา ศาลบันทึกข้อความแห่งคำฟ้องได้ความว่า ระหว่างวันที่ 30เมษายน 2528 เวลากลางคืน ถึงวันที่ 3 เมษายน 2529 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยซึ่งได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารได้ปลูกสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต แม้ไม่ปรากฏว่ามีคำสั่งจากเจ้าพนักงานให้จำเลยทราบว่าก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนหรือให้จัดการแก้ไข จำเลยก็ยังคงฝ่าฝืนตลอดเวลา เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาตามฟ้องแล้ว หาทำให้ฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งฉบับแรกให้จำเลยรื้อถอนการก่อสร้างที่ผิดจากแบบแปลนภายใน 30 วัน จำเลยทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2529 ครบกำหนด 30 วัน วันที่ 26 เมษายน 2529แต่จำเลยมิได้ดำเนินการ ถือว่าจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องด้วยวาจา และการลงโทษปรับรายวันในความผิดควบคุมอาคาร
ฟ้องด้วยวาจา ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 19 ให้ศาลบันทึกข้อความแห่งฟ้องไว้เป็นหลักฐานหาจำต้องบันทึกไว้โดยละเอียดไม่ และก่อนบันทึกศาลอาจสอบถามข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่จำเลยกระทำความผิด แต่จะบันทึกไว้เฉพาะข้อความสำคัญ ส่วนบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟ้องด้วยวาจาเท่านั้น
ศาลบันทึกข้อความแห่งฟ้องได้ความว่า ระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2528 เวลากลางคืนถึงวันที่ 30 เมษายน 2529 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกันจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคาร ได้ปลูกสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต แม้ไม่ปรากฏว่ามีคำสั่งจากเจ้าพนักงานให้จำเลยทราบว่าก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนหรือให้จัดการแก้ไข จำเลยก็ยังคงฝ่าฝืนตลอดเวลา เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาตามฟ้องแล้ว หาทำให้ฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งฉบับแรกให้จำเลยรื้อถอนการก่อสร้างที่ผิดจากแบบแปลนภายใน 30 วัน จำเลยทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2529 ครบกำหนด 30 วัน วันที่ 26 เมษายน 2529 แต่จำเลยมิได้ดำเนินการ ถือว่าจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2330/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์ที่ได้มาจากการชิงทรัพย์: ความผิดฐานรับของโจร แม้ไม่ได้ร่วมชิงทรัพย์
จำเลยกำลังซื้อ บุหรี่อยู่ที่ร้านริมถนน เมื่อจำเลยเห็นเจ้าพนักงานตำรวจก็มีท่าทางพิรุธตกใจและรับขับรถจักรยานยนต์หลบหนี เจ้าพนักงานตำรวจจึงขับรถจักรยานยนต์ไล่ตาม ไปและจับกุม ตัว ได้ เมื่อตรวจ รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับปรากฏว่าไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การต่อ เจ้าพนักงานตำรวจว่าขอยืมรถมาจากนาย ปอย มิใช่นายเชียร ดัง ที่เบิกความต่อศาลทั้งในชั้นจับกุมจำเลยแจ้งชื่อ เท็จ พฤติการณ์ฟังได้ว่า จำเลยได้รับ รถจักรยานยนต์ของกลางไว้ โดย รู้ว่าเป็นทรัพย์ซึ่ง ได้ มา จากการ กระทำผิดฐาน ชิงทรัพย์อันเป็นความผิดฐาน รับของโจร โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาชิงทรัพย์ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดข้อหารับของโจร ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐาน รับของโจรตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งระหว่างพิจารณาคดีอาญาที่เพิกถอนการแก้ฟ้อง ไม่อุทธรณ์ได้จนกว่าจะมีคำพิพากษา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นจนกว่าศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ และมีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นด้วย ตามป.วิ.อ. มาตรา 196 อุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ในระหว่างพิจารณาจึงต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งเพิกถอนการแก้ฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามอุทธรณ์ก่อนมีคำพิพากษา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นจนกว่าศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ และมีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ไม่อุทธรณ์ได้จนกว่ามีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นจนกว่าศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญ และมีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: ศาลล่างพิจารณาพยานหลักฐานอื่นนอกเหนือจากคำรับสารภาพ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการปลอมเลขหมายประจำเครื่องยนต์ และเลขหมายประจำตัวถังของรถจักรยานยนต์ของกลางโจทก์มีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาแสดงต่อศาลเท่านั้น จะนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หาได้หยิบยกเอาเฉพาะแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาวินิจฉัยเท่านั้น แต่ยังนำพยานหลักฐานอื่นมาประกอบคำวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยได้กระทำความผิดดังฟ้องจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสอง อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง กรณีศาลล่างพิจารณาพยานหลักฐานอื่นประกอบคำรับสารภาพ
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการปลอมเลขหมายประจำเครื่องยนต์ และเลขหมายประจำตัวถัง ของรถจักรยานยนต์ของกลางโจทก์มีแต่ คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาแสดงต่อ ศาลเท่านั้น จะนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หาได้ หยิบยกเอาเฉพาะแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาวินิจฉัยเท่านั้น แต่ ยังนำพยานหลักฐานอื่นมาประกอบคำวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยได้ กระทำความผิดดังฟ้องจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่โต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสอง อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษคดีพนันเล็กน้อย พิจารณาจากพฤติการณ์และโอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี
แม้จะมีผู้เข้าร่วมเล่นการพนันเป็นจำนวนมาก แต่ เงินของกลางมีเพียง 23 บาท แสดงว่าเป็นการเล่นพนันกันครั้งละเล็ก ๆ น้อย ๆและยังมีเหตุน่าเชื่อว่าการเล่นการพนันกันดังกล่าวเป็นการเล่นพนันกันในระหว่างบรรดาผู้ที่ไปช่วย งานฌาปนกิจ ศพมารดาของจำเลยที่ 1ทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 15 ต่าง มีการงานทำเป็นหลักแหล่ง และไม่ ปรากฏว่าเคยต้อง โทษจำคุกมาก่อนอยู่ในวิสัยที่จะกลับตน เป็นพลเมือง ดีได้ เป็นเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำเลยทั้งสองดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีพนัน: ศาลอุทธรณ์พิจารณาจากภัยร้ายต่อสังคมได้ แม้โจทก์มิได้นำสืบ และใช้ดุลพินิจเหมาะสม
การกระทำความผิดใดเป็นภัยร้ายแรงต่อส่วนรวมหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไป โจทก์มิต้องนำสืบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และสภาพความผิดดังกล่าว ศาลอาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยประกอบการพิจารณาลงโทษจำเลยได้
การที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกจำเลยเสียใหม่ ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ตลอดจนคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยประกอบกันด้วยแล้ว ไม่จำเป็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องหยิบยกเอาคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยขึ้นมาว่ากล่าวให้ปรากฏรายละเอียดประการอื่น โดยเฉพาะแต่ประการใด
of 17