พบผลลัพธ์ทั้งหมด 380 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3198/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืน: จำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์หรือครอบครอง แม้ตรวจพบในรถและบ้าน
คำว่า มีอาวุธปืนตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 4(6) หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง คำว่า ครอบครองมีความหมายตามกฎหมายทั่วไป ดังนั้น การตรวจค้นพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในรถยนต์และบ้านของจำเลยไม่ได้หมายความว่า จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ได้ความว่า จำเลยได้ให้ น. เพื่อนของจำเลยอยู่อาศัยและจำเลยมอบรถยนต์คันดังกล่าวไว้ให้รับส่งบุตรของจำเลย น.มีอาชีพรับซ่อมอาวุธปืน ดังนั้นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางจึงอาจจะเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ น. รับไว้เพื่อซ่อมก็เป็นได้ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุก - เหตุสมควร - สอบถามกระบือหาย - ไม่พอฟังว่าผิด
ก่อนเกิดเหตุกระบือของ ฉ. หายไป จำเลยทั้งสองจึงช่วยออกติดตามหา มีผู้แจ้งจำเลยทั้งสองว่าผู้เสียหายซื้อกระบือมาจำเลยทั้งสองจึงพากันไปที่บ้านของผู้เสียหายเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกระบือดังกล่าว และได้ขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่า ผู้เสียหายได้ห้ามปรามมิให้ขึ้นไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยทั้งสองมีเหตุสมควรที่จะขึ้นไปสอบถามผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขึ้นบ้านเพื่อสอบถามข้อมูลโดยได้รับอนุญาตโดยปริยาย ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
ก่อนเกิดเหตุกระบือของ ฉ.หายไป จำเลยทั้งสองจึงช่วยออกติดตามหามีผู้แจ้งจำเลยทั้งสองว่าผู้เสียหายซื้อกระบือมา จำเลยทั้งสองจึงพากันไปที่บ้านของผู้เสียหายเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกระบือดังกล่าว และได้ขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้ห้ามปรามมิให้ขึ้นไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยทั้งสองมีเหตุสมควรที่จะขึ้นไปสอบถามผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2561/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: ยาสูบหลีกเลี่ยงภาษีและไม่มีแสตมป์ ศาลลงโทษกระทงเดียวได้
เมื่อจำเลยรับเอายาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรแล้วย่อมเป็นเวลาเดียวกันกับที่จำเลยมียาสูบจำนวนเดียวกันนั้นไว้ในครอบครองโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ ดังนี้ จำเลยมีเจตนาในผลอย่างเดียวกันคือการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมายการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แม้โจทก์แยกบรรยายการกระทำความผิดของจำเลยในฟ้องเป็นคนละข้อเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพ ก็ลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตอาวุธปืนและการตอกหมายเลขทะเบียน การกระทำไม่ถึงขั้นปลอมแปลงเอกสาร
จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย จำเลยนำอาวุธปืนของกลางไปให้ผู้ที่นายทะเบียนอาวุธปืนมอบหมายตอกหมายเลขทะเบียนตามที่จำเลยได้รับอนุญาตดังนั้นหมายเลขทะเบียนที่ตอกลงที่อาวุธปืนของกลางจึงไม่ใช่หมายเลขทะเบียนปลอม การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม และถือได้ว่าอาวุธปืนของกลางมีหมายเลขทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายประทับอยู่ตามใบอนุญาตที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิ้นสุดสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี, ดอกเบี้ยทบต้น, การหักชำระหนี้จากเงินฝาก, เจตนาใช้สิทธิ
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีฉบับแรกครบกำหนดแล้ว โจทก์จำเลยได้ตกลงต่ออายุสัญญาออกไปอีก 1 ปี หลังจากครบกำหนดที่ต่ออายุสัญญาคงมีแต่การคิดดอกเบี้ยทบต้นเข้ากับต้นเงินเป็นประจำเดือนตลอดมา ไม่ปรากฏว่ามีการเดินสะพัดในบัญชีอันจะแสดงว่าโจทก์ได้ยอมให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีต่อไปอีก และจำเลยผิดนัดไม่นำเงินส่วนที่เหลือหลังจากหักทอนบัญชีแล้วมาชำระ ทั้งโจทก์เพิกเฉยไม่นำเงินฝากประจำของจำเลยเข้าหักทอนบัญชีเดินสะพัดของจำเลยเสียเมื่อครบกำหนดต่ออายุสัญญาตามที่จำเลยได้ตกลงยินยอมไว้ตั้งแต่ตอนแรกที่ทำสัญญาคงปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาจนเกือบ 2 ปี โจทก์จึงนำเงินฝากประจำของจำเลยเข้าหักทอนบัญชี พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้ถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดลงในวันครบกำหนดต่ออายุสัญญาตามที่ระบุไว้ในสัญญาดังกล่าว นับแต่นั้นเป็นต้นไปโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นอีก คงคิดได้อย่างไม่ทบต้นเท่านั้น ทั้งโจทก์ชอบที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงโดยหักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ในวันที่สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดลงและเป็นวันที่จำเลยผิดนัดผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อได้ความว่าในวันที่สัญญาสิ้นสุดลงดังกล่าวโจทก์ได้นำเงินฝากประจำของจำเลยบางส่วนมาหักใช้หนี้โจทก์ อันเป็นการแสดงเจตนาใช้สิทธิตามที่ได้ตกลงกันไว้เพื่อระงับหนี้ที่มีอยู่แล้ว หนี้ที่เหลือโจทก์ก็ชอบที่จะนำเงินฝากประจำของจำเลยที่เหลือทั้งหมดมาหักใช้หนี้ หากมีหนี้คงเหลืออยู่อีกเท่าใด โจทก์ก็มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้ในส่วนนั้นจากจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2397/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความและการฟ้องคืนที่ดินสาธารณสมบัติ: การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นที่มิได้ยกขึ้นในชั้นศาลต้องห้ามฎีกา
จำเลยยกปัญหาเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่ได้วินิจฉัยปัญหาเรื่องอายุความ เมื่อโจทก์อุทธรณ์ก็มิได้ยกปัญหาเรื่องอายุความขึ้นอุทธรณ์ และจำเลยมิได้แก้อุทธรณ์ของโจทก์ จึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความในชั้นอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาเรื่องอายุความด้วย ก็ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามป.วิ.พ. มาตรา 249
ที่ราชพัสดุใช้ในราชการกองทัพบกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 (3)แม้จะมีผู้ได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์มาโดยสุจริต และจำเลยรับโอนต่อมาโดยสุจริตก็ตาม จำเลยก็ไม่มีสิทธิในที่ดิน เมื่อจำเลยขุดหรือตักดินไป โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยคืนดินหรือใช้ราคาได้
ที่ราชพัสดุใช้ในราชการกองทัพบกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 (3)แม้จะมีผู้ได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์มาโดยสุจริต และจำเลยรับโอนต่อมาโดยสุจริตก็ตาม จำเลยก็ไม่มีสิทธิในที่ดิน เมื่อจำเลยขุดหรือตักดินไป โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยคืนดินหรือใช้ราคาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2397/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินราชพัสดุเป็นสาธารณสมบัติ การขุดดินโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยต้องรับผิดชดใช้ราคา
ที่ดินพิพาทเป็นที่ราชพัสดุที่ใช้ในราชการกองทัพบกอันเป็น ทรัพย์สินของแผ่นดินตาม พ.ร.บ. ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ที่ดินพิพาทจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ใช้เพื่อ ประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(3) แม้ ส. จะได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) สำหรับที่ดินแปลงนี้มาโดยสุจริตและจำเลยจะซื้อที่ดินแปลงนี้มาโดยสุจริตก็ตาม จำเลยก็ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะขุดหรือ ตัก ดินไปจากที่ดินแปลงนี้ เมื่อจำเลยขุดหรือตัก ดินไป โจทก์ ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยนำดินที่ขุดหรือตักไปนั้นคืนมาหรือขอให้ จำเลยชดใช้ราคาได้ แม้จำเลยจะได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยปัญหาที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เมื่อโจทก์อุทธรณ์ โจทก์มิได้ยกปัญหาในเรื่องอายุความขึ้นอุทธรณ์ และจำเลยมิได้แก้อุทธรณ์ของโจทก์ จึงถือว่าไม่มีประเด็นในเรื่องอายุความในชั้นอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ด้วยก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ต้องถือว่า เป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องร้องที่ดิน: ศาลพิจารณาเฉพาะส่วนที่โจทก์ควรได้ตามข้อเท็จจริง แม้คำฟ้องขอทั้งหมด
โจทก์อ้างในคำฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสี่คัดค้าน การรังวัดที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่า มีทางสาธารณะในที่ดินโจทก์ กว้าง 3 วาซึ่งความจริงไม่มีทางสาธารณะในที่ดินโจทก์เลย ขอให้ พิพากษาว่าที่ดินที่จำเลยอ้างว่าเป็นทางสาธารณะเป็นที่ดินโจทก์ โดยโจทก์มิได้อ้างมาในคำฟ้องว่า ทางสาธารณะกว้างเพียงใด แต่ ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อเท็จจริงที่ได้นำสืบ ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงหยิบยกขึ้นฎีกาได้ โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยคัดค้านว่าที่ดินพิพาทเป็นทางสาธารณะ ทางพิจารณาข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ด้านทิศใต้ของที่ดินโจทก์เป็นทางสาธารณะกว้าง 2 วา ยาวตลอดแนว ที่ดินโจทก์เท่ากับว่าที่ดินพิพาทกว้าง 1 วา ยาวตลอดแนวที่ดินของ โจทก์เป็นของโจทก์ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ใด ๆ เป็น ของตนทั้งหมดแต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้ในส่วนแบ่ง เมื่อศาลเห็นสมควรศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งนั้นได้ มิใช่เป็นการพิพากษาให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฎ ในคำฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาเช่าซื้อกับผู้เช่าซื้อเดิมแล้ว ไม่ปรากฏหนี้ค้าง ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิด
โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อได้เลิกสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยที่ 1ผู้เช่าซื้อแล้วและไม่ปรากฏว่าขณะที่เลิกสัญญาจำเลยที่ 1มีหนี้ที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย ส่วนสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับผู้เช่าซื้อคนใหม่จะสมบูรณ์หรือไม่ใช้บังคับได้เพียงใดไม่เกี่ยวกับจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เนื่องจากการที่ผู้เช่าซื้อคนใหม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ