คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุระ หวังอ้อมกลาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 897 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3665/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นจำเลยร่วมตาม ม.57(2) และสิทธิในการฟ้องแย้ง เมื่อจำเลยให้การแล้ว
ตามคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมของจำเลยร่วมอ้างว่าจำเลยและ ท. มารดาของจำเลยร่วมได้ร่วมกันซื้อที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างจาก จ. มาตั้งแต่ปี 2490 แต่มิได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว จ.ได้ส่งมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลย และ ท.จำเลยและ ท. ได้ครอบครองใช้ทำประโยชน์ตลอดมาจนได้กรรมสิทธิ์แล้วโดยการครอบครองปรปักษ์ ต่อมา ท.ถึงแก่ความตายจำเลยร่วมผู้เป็นบุตรของ ท. จึงได้ครอบครองต่อซึ่งมีลักษณะเป็นเจ้าของร่วมมีฐานะเดียวกันกับจำเลย และในตอนท้ายของคำร้องก็ขอเข้าเป็นจำเลยร่วมจึงเป็นการร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ไม่ใช่เป็นการเข้ามาในฐานะที่เป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามมาตรา 57(1)เมื่อขอเข้ามาตามมาตรา 57(2) จึงต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่มีอยู่แก่จำเลยซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายที่ตนเข้าร่วม เมื่อจำเลยให้การโดยมิได้ฟ้องแย้งจำเลยร่วมจึงไม่อาจใช้สิทธิฟ้องแย้งโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3665/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าร่วมเป็นจำเลยร่วมและการจำกัดสิทธิในการฟ้องแย้ง
ตามคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมของจำเลยร่วมทั้งห้าอ้างว่าจำเลยและ ท.มารดาของจำเลยร่วมทั้งห้า ได้ร่วมกันซื้อที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างจาก จ.มาตั้งแต่ปี 2490 แต่มิได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว จ.ได้ส่งมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลยและ ท. จำเลยและ ท.ได้ครอบครองใช้ทำประโยชน์ตลอดมาจนได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างแล้วโดยการครอบครองปรปักษ์ ต่อมา ท.ได้ถึงแก่ความตาย จำเลยร่วมทั้งห้าผู้เป็นบุตรของ ท.จึงได้ครอบครองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างต่อมา ซึ่งมีลักษณะเป็นเจ้าของร่วมมีฐานะเดียวกันกับจำเลย และในตอนท้ายของคำร้องจำเลยร่วมทั้งห้าก็ขอเข้าเป็นจำเลยร่วม จึงเห็นได้ชัดแจ้งว่า จำเลยร่วมทั้งห้าได้ร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมตาม ป.วิ.พ.มาตรา 57 (2) หาใช่เป็นการร้องขอเข้ามาในฐานะที่เป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามมาตรา 57 (1) ไม่ เมื่อจำเลยร่วมทั้งห้าขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามมาตรา 57 (2) จึงต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่มีอยู่แก่จำเลยซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายที่ตนเข้าร่วม เมื่อจำเลยให้การโดยมิได้ฟ้องแย้ง จำเลยร่วมทั้งห้าจึงไม่อาจใช้สิทธิฟ้องแย้งโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาวางค่าธรรมเนียมศาล: พฤติการณ์พิเศษ และดุลพินิจของศาล
จำเลยอ้างในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมว่าจำเลยเป็นคนยากจนจะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเป็นจำนวนมากจำเลยจะต้องมีเวลาหาเงินอีกอย่างน้อย2เดือนข้อเท็จจริงดังที่อ้างมานี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ศาลมีอำนาจที่จะออกคำสั่งขยายระยะเวลาให้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23อีกทั้งคดีนี้จำเลยได้ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลมาครั้งหนึ่งแล้วและครั้งนี้เป็นครั้งที่สองศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาออกไปได้รวมเวลาทั้งหมด12วันซึ่งเป็นเวลามากพอที่จำเลยจะหาเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลได้ที่ศาลล่างไม่สั่งขยายระยะเวลาออกไปอีกจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียม: พฤติการณ์พิเศษและดุลพินิจของศาล
จำเลยอ้างในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมว่าจำเลยเป็นคนยากจนจะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเป็นจำนวนมาก จำเลยจะต้องมีเวลาหาเงินอีกอย่างน้อย 2 เดือน ข้อเท็จจริงดังที่อ้างมานี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ศาลมีอำนาจที่จะออกคำสั่งขยายระยะเวลาให้ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23 อีกทั้งคดีนี้ จำเลยได้ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลมาครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาออกไปได้รวมเวลาทั้งหมด 12 วัน ซึ่งเป็นเวลามากพอที่จำเลยจะหาเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลได้ ที่ศาลล่างไม่สั่งขยายระยะเวลาออกไปอีกจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: ศาลสั่งให้บังคับคดีทั้งสองฝ่ายเมื่อจำเลยยังไม่ได้ไถ่ถอนจำนอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์โดยปลอดจำนองภายใน90วันนับแต่คดีถึงที่สุดและให้โจทก์ชำระเงินให้จำเลยในวันโอนกรรมสิทธิ์แสดงว่าเป็นการบังคับทั้งโจทก์และจำเลยการที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าเมื่อโจทก์ไม่ชำระเงินให้จำเลยภายใน90วันนับแต่คดีถึงที่สุดจำเลยก็ไม่ต้องโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งที่จำเลยยังไม่สามารถโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยปลอดจำนองได้เท่ากับเป็นการบังคับเอาแก่โจทก์ฝ่ายเดียวจำเลยจึงยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างเพื่อไม่ต้องโอนที่ดินพิพาทหาได้ไม่โจทก์จำเลยจึงมีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีต่อกันได้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามสัญญาจะซื้อขาย: ต่างฝ่ายต่างมีหนี้และสิทธิในการเรียกร้องให้ปฏิบัติตามสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาบังคับให้จำเลยไปโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายโดยปลอดจำนองภายใน 90 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด โดยให้โจทก์ชำระเงินให้จำเลยจำนวน 12,800,000 บาท ในวันโอนกรรมสิทธิ์ เมื่อโจทก์จำเลยต่างไม่พร้อมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยปลอดการจำนองและชำระเงินกันตามกำหนด 90 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด และผลของคำพิพากษาเป็นการบังคับทั้งโจทก์และจำเลยเช่นนี้ การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อฝ่ายโจทก์ไม่ชำระเงินให้จำเลย 12,800,000 บาท ภายใน 90 วัน นับแต่คดีถึงที่สุดจำเลยก็ไม่ต้องโอนที่ดินให้แก่โจทก์ตามสัญญาต่างตอบแทนแต่อย่างใด ก็เท่ากับเป็นการบังคับเอาแก่โจทก์ฝ่ายเดียว ทั้งที่จำเลยยังไม่สามารถโอนที่ดินให้แก่โจทก์โดยปลอดการจำนองได้ แม้กำหนดระยะเวลา 90 วัน ตามคำพิพากษาได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็มีเหตุที่โจทก์จะไม่ชำระเงินแก่จำเลยเพราะจำเลยยังไม่ไถ่ถอนจำนองที่ดินเพื่อโอนให้แก่โจทก์โดยปลอดการจำนองได้ ดังนั้นจำเลยจะยกเหตุดังกล่าวขึ้นเป็นข้ออ้างไม่ต้องโอนที่ดินแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหาได้ไม่ เมื่อหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวเป็นกรณีที่ต่างฝ่ายต่างมีหนี้ต่อกันแล้วเช่นนั้น โจทก์จำเลยก็มีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีต่อกันได้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3385/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนตามมาตรา 1336 ไม่เป็นบุคคลสิทธิ ไม่มีอายุความ
โจทก์ฟ้องว่า ส. ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มชื่อ ท. และ ม.ให้ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินในส่วนของ ส. โดยไม่ได้กรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจ จำเลยกลับกรอกข้อความเป็นว่าจำเลยมีอำนาจขายที่ดินดังกล่าวเฉพาะส่วนของส.ให้แก่จำเลย แล้วจดทะเบียนโอนขายที่ดินแก่จำเลยโจทก์นำคดีมาฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่จำเลยกระทำไปโดยปราศจากอำนาจ ซึ่งถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนแทน ส. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 สิทธิติดตามเอาทรัพย์สินคืนตามมาตรานี้เป็นทรัพยสิทธิ เป็นสิทธิเหนือทรัพย์สิน ซึ่งผู้ทรงสิทธิมีสิทธิติดตามทรัพย์สินของตนได้ตลอดเวลาที่ทรัพย์สินยังคงสภาพอยู่ มิใช่เป็นสิทธิเรียกร้องซึ่งเป็นบุคคลสิทธิเป็นสิทธิเหนือบุคคลตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 163 เดิม คดีโจทก์จึงไม่มีกำหนดระยะเวลาฟ้องร้องหรืออายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3385/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนตามมาตรา 1336 เป็นทรัพยสิทธิ ไม่มีอายุความ
โจทก์ฟ้องว่าส. ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มชื่อท. และม.ให้ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินในส่วนของส. โดยไม่ได้กรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจจำเลยกลับกรอกข้อความเป็นว่าจำเลยมีอำนาจขายที่ดินดังกล่าวเฉพาะส่วนของส.ให้แก่จำเลยแล้วจดทะเบียนโอนขายที่ดินแก่จำเลยโจทก์นำคดีมาฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่จำเลยกระทำไปโดยปราศจากอำนาจซึ่งถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนแทนส.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336สิทธิติดตามเอาทรัพย์สินคืนตามมาตรานี้เป็นทรัพยสิทธิเป็นสิทธิเหนือทรัพย์สินซึ่งผู้ทรงสิทธิมีสิทธิติดตามทรัพย์สินของตนได้ตลอดเวลาที่ทรัพย์สินยังคงสภาพอยู่มิใช่เป็นสิทธิเรียกร้องซึ่งเป็นบุคคลสิทธิเป็นสิทธิเหนือบุคคลตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา163เดิมคดีโจทก์จึงไม่มีกำหนดระยะเวลาฟ้องร้องหรืออายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3351/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รถยนต์นำเข้าต่อพ่วงบรรทุก: การพิจารณาเป็นรถยนต์บรรทุกตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
รถยนต์นำเข้าของโจทก์แม้โดยสภาพตัวเองไม่สามารถบรรทุกสิ่งของหรือสัตว์เพราะไม่มีกระบะกั้น แต่เมื่อนำรถบรรทุกพ่วงมาประกบเกี่ยวพ่วงตรงจานหมุน ก็สามารถบรรทุกและรับน้ำหนักได้โดยเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์บรรทุกจึงเป็นรถยนต์บรรทุกตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4 (20)
การที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ยังมิได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาและมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าโจทก์ไม่มีความผิด จึงไม่มีผลผูกพันคดีแพ่งตาม ป.วิ.อ.มาตรา 46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3190/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยไม่สุจริต แม้ผู้ขายยังมิได้จดทะเบียนสิทธิ
คำว่า สุจริต ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสองหมายความว่า ได้มาโดยไม่ทราบว่ามีผู้อื่นได้สิทธิในอสังหาริมทรัพย์นั้นมาก่อนแล้ว
ผู้คัดค้านได้ที่พิพาทมาโดยทราบว่าผู้ร้องทั้งสองครอบครองที่พิพาทมาก่อนแล้ว ถือว่าผู้คัดค้านจดทะเบียนซื้อที่พิพาทมาโดยไม่สุจริต แม้ผู้ร้องทั้งสองยังมิได้จดทะเบียนการได้ที่พิพาทมาก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้คัดค้านได้
of 90