คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุระ หวังอ้อมกลาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 897 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนอกเหนือจากมาตรา 733 และอายุความบังคับคดี ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา733ไม่ใช่บทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนผู้จำนองอาจตกลงกับผู้รับจำนองเป็นประการอื่นได้ แม้ว่าจะมีข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองยกเว้นบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา733ก็ตามแต่หนี้ที่ น.ลูกหนี้ค้างชำระแก่โจทก์หลังจากบังคับคดีแล้วเป็นเวลากว่า10ปีนับแต่วันพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้อง น. โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะบังคับเอากับ น. อีกต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา698แต่ยังคงต้องรับผิดตามทรัพย์จำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1352/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: การคำนวณระยะเวลาครอบครองที่ถูกต้องตามวันถึงแก่กรรมของผู้ถือกรรมสิทธิ์เดิม
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าบิดาผู้ร้องถึงแก่กรรมเมื่อวันที่22กันยายน2528เมื่อนับถึงวันยื่นคำร้องขอวันที่27สิงหาคม2535จึงยังไม่ครบ10ปีผู้ร้องจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382แสดงว่าหากนับจากวันที่บิดาผู้ร้องถึงแก่กรรมถึงวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นเวลาครบ10ปีคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนไปเมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ฟังพยานหลักฐานในสำนวนผิดพลาดเพราะความจริงบิดาผู้ร้องถึงแก่กรรมเมื่อวันที่16สิงหาคม2516เป็นเวลาก่อนที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอประมาณ19ปีไม่ใช่วันที่22กันยายน2528อันเป็นผลให้คำวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายคลาดเคลื่อนไปศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสและการมอบอำนาจดำเนินคดีที่ไม่ชอบ
กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 10 (พ.ศ.2513) ว่าด้วยการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสและที่แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ศ.2521) ข้อ 4 (1)เป็นการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสในกรณีที่ไม่มีเจ้าอาวาส โดยเจ้าคณะตำบลเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่าพระครู น.ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดผู้ร้องอยู่มิได้ลาสิกขา เจ้าคณะตำบลจึงไม่มีอำนาจแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดผู้ร้องโดยอาศัยอำนาจตามกฎมหาเถรสมาคมข้อดังกล่าว คำสั่งของเจ้าคณะตำบลที่แต่งตั้งพระภิกษุ พ.เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดผู้ร้องจึงไม่ชอบพระภิกษุ พ.จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนผู้ร้อง ที่ ว.ยื่นคำร้องคดีนี้แทนผู้ร้องโดยพระภิกษุ พ.เป็นผู้ลงนามในหนังสือมอบอำนาจในฐานะผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดผู้ร้อง เป็นการมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนผู้ร้องโดยไม่ชอบ ว.ไม่มีอำนาจยื่นคำร้องคดีนี้แทนผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้แทนเมื่อเจ้าของสิทธิถอนฟ้อง: โจทก์ที่ 2 ไม่อาจฟ้องแทนเมื่อโจทก์ที่ 1 ถอนฟ้องแล้ว
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่าบริษัทโจทก์ที่1เป็นนิติบุคคลโจทก์ที่2มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญกระทำการแทนโจทก์ที่1จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันลักใบตราส่งของโจทก์ที่1เพื่อนำไปรับสินค้าที่มากับเรือแล้วปลอมแปลงเอกสารสิทธิต่างๆของโจทก์ทั้งสองโดยแก้ชื่อผู้รับสินค้าจากโจทก์ที่1เป็นจำเลยที่1อันเป็นความเท็จแล้วแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่งสินค้าดังกล่าวของโจทก์ทั้งสองเป็นคำฟ้องที่ฟังได้ว่าผู้รับสินค้าตามใบตราส่งคือโจทก์ที่1แต่ผู้เดียวโจทก์ที่2มิใช่เจ้าของสินค้าตามใบตราส่งหรือร่วมเป็นเจ้าของสินค้าตามใบตราส่งทั้งโจทก์ที่2ฟ้องในฐานะผู้แทนของโจทก์ที่1มิใช่ฟ้องในฐานะส่วนตัวเมื่อโจทก์ที่1ถอนฟ้องคดีแล้วโจทก์ที่2จึงไม่ใช่เป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่งตามคำฟ้องที่จะถือได้ว่าโจทก์ที่2เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้แทนตามกฎหมาย: เมื่อเจ้าของสิทธิถอนฟ้อง ผู้แทนย่อมขาดอำนาจฟ้อง
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า บริษัทโจทก์ที่ 1 เป็นนิติบุคคลโจทก์ที่ 2 มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญกระทำการแทนโจทก์ที่ 1 จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันลักใบตราส่งของโจทก์ที่ 1 เพื่อนำไปรับสินค้าที่มากับเรือแล้วปลอมแปลงเอกสารสิทธิต่าง ๆ ของโจทก์ทั้งสอง โดยแก้ชื่อผู้รับสินค้าจากโจทก์ที่ 1 เป็นจำเลยที่ 1 อันเป็นความเท็จแล้วแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่ง สินค้าดังกล่าวของโจทก์ทั้งสอง เป็นคำฟ้องที่ฟังได้ว่าผู้รับสินค้าตามใบตราส่งคือโจทก์ที่ 1 แต่ผู้เดียวโจทก์ที่ 2 มิใช่เจ้าของสินค้าตามใบตราส่งหรือร่วมเป็นเจ้าของสินค้าตามใบตราส่ง ทั้งโจทก์ที่ 2 ฟ้องในฐานะผู้แทนของโจทก์ที่ 1 มิใช่ฟ้องในฐานะส่วนตัว เมื่อโจทก์ที่ 1ถอนฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ที่ 2 จึงไม่ใช่เป็นผู้ที่ได้รับ ความเสียหายจากการกระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่งตามคำฟ้องที่จะถือได้ว่าโจทก์ที่ 2 เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ไม่บังคับต้องฟ้องรวมกัน คดีแพ่งต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคดีอาญา
ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใด ๆ บังคับว่า การฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาต้องฟ้องรวมมาในคำฟ้องฉบับเดียวกันคดีแพ่งจึงจะต้องถือข้อ-เท็จจริงตามคดีอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ไม่จำเป็นต้องฟ้องรวมกัน และไม่ต้องยึดตามข้อเท็จจริงในคดีอาญา
ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดๆบังคับว่าการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาต้องฟ้องรวมมาในคำฟ้องฉบับเดียวกันคดีแพ่งจึงจะต้องถือข้อเท็จจริงตามคดีอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่า: จำกัดเฉพาะค่าเช่าที่ควรจะเป็น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินและตึกแถวพิพาทของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย โดยกล่าวในคำฟ้องว่าโจทก์ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารมาเพื่อชำระราคาที่ดินและตึกแถวพิพาทและโจทก์ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินและตึกแถวพิพาทแก่ผู้ซื้อหากผิดนัดจดทะเบียนโอนแก่ผู้ซื้อไม่ได้จะต้องถูกปรับเป็นรายวัน จำเลยทั้งสองไม่ยอมออกจากที่ดินและตึกแถวพิพาท เป็นเหตุให้โจทก์จดทะเบียนโอนให้ผู้ซื้อไม่ได้โจทก์จึงไม่มีเงินชำระหนี้ได้รับความเสียหายต้องชำระค่าดอกเบี้ยแก่ธนาคารและค่าปรับแก่ผู้ซื้อ ดังนี้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุ การที่จำเลยทั้งสองไม่ยอมออกจากที่ดินและตึกแถวที่เช่า ค่าเสียหายควรเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการไม่ยอมออกจากที่เช่าควรเป็นค่าเช่าที่แท้จริง ไม่ควรเป็นค่าเสียโอกาสจากธุรกรรมอื่น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินและตึกแถวพิพาทของโจทก์และเรียกค่าเสียหายโดยกล่าวในคำฟ้องว่าโจทก์ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารมาเพื่อชำระราคาที่ดินและตึกแถวพิพาทและโจทก์ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินและตึกแถวพิพาทแก่ผู้ซื้อหากผิดนัดจดทะเบียนโอนแก่ผู้ซื้อไม่ได้จะต้องถูกปรับเป็นรายวันจำเลยทั้งสองไม่ยอมออกจากที่ดินและตึกแถวพิพาทเป็นเหตุให้โจทก์จดทะเบียนโอนให้ผู้ซื้อไม่ได้โจทก์จึงไม่มีเงินชำระหนี้ได้รับความเสียหายต้องชำระค่าดอกเบี้ยแก่ธนาคารและค่าปรับแก่ผู้ซื้อดังนี้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุการที่จำเลยทั้งสองไม่ยอมออกจากที่ดินและตึกแถวที่เช่าค่าเสียหายควรเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องค่าตัวแทนซื้อขายที่ดิน: การยกข้อเท็จจริงใหม่ที่ไม่เคยว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
ข้อเท็จจริงที่ว่าตามธรรมเนียมประเพณีของการซื้อขายที่ดินในปัจจุบันโจทก์ควรได้ค่านายหน้าไม่เกินร้อยละ3ของราคาซื้อขายที่ดินนั้นจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แม้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์จะรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงดังกล่าวก็ตามแต่ข้อเท็จจริงที่จะรับรองให้ฎีกาได้นั้นจะต้องเป็นข้อที่ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ด้วยกรณีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งทั้งปัญหาดังกล่าวมิได้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 90