คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุระ หวังอ้อมกลาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 897 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6434/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทยของบุคคลเกิดจากมารดาถูกถอนสัญชาติ: ประกาศคณะปฏิวัติมีผลเหนือ พ.ร.บ.สัญชาติ
มารดาโจทก์ถูกถอนสัญชาติตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 1 โจทก์เกิดโดยมารดาถูกถอนสัญชาติไทยถือว่าเป็นคนต่างด้าว โจทก์เกิดภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติใช้บังคับ โจทก์ไม่ได้สัญชาติไทย ขณะโจทก์เกิดบิดามารดาโจทก์ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน การที่บิดามารดาโจทก์จดทะเบียนสมรสกันในภายหลังก็มีผลเพียงให้โจทก์กลายเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1547 ไม่ทำให้โจทก์ได้สัญชาติไทยตามพ.ร.บ. สัญชาติฯ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6434/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทยของบุตรที่เกิดจากมารดาถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศคณะปฏิวัติ
มารดาโจทก์เกิดโดยบิดามารดาเป็นคนสัญชาติญวนซึ่งเป็นคนต่างด้าว มารดาโจทก์จึงต้องถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม2515 ข้อ 1 และถือได้ว่ามารดาโจทก์เป็นคนต่างด้าว การที่นายทะเบียนไม่ออกบัตรประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่มารดาโจทก์ตาม พ.ร.บ. การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493 มาตรา 5และ 8 ก็ไม่ทำให้มารดาโจทก์เป็นคนมีสัญชาติไทย
ขณะโจทก์เกิดบิดามารดาโจทก์ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มารดาโจทก์ถูกถอนสัญชาติเป็นคนต่างด้าว โจทก์เกิดภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337ใช้บังคับ แม้จะเกิดในราชอาณาจักร โจทก์ก็ไม่ได้สัญชาติไทย และถึงแม้บิดามารดาโจทก์จดทะเบียนสมรสกันในภายหลังก็มีผลเพียงให้โจทก์เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตาม ป.พ.พ.มาตรา 1547 ไม่ทำให้โจทก์ได้สัญชาติไทยตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6410/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินบำเหน็จกับค่าชดเชยเป็นคนละประเภทกัน นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างแม้ลูกจ้างได้รับเงินบำเหน็จแล้ว
ข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยกองทุนบำเหน็จ พ.ศ.2521 กำหนดว่าพนักงานที่ต้องออกจากงานเพราะตาย หรือลาออก ก็ให้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จด้วย ข้อบังคับดังกล่าวจึงมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินบำเหน็จแตกต่างไปจากการจ่ายเงินค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ถือได้ว่าเป็นเงินต่างประเภทกัน จำเลยเลิกจ้างโจทก์ จำเลยจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์อีกต่างหากจากเงินบำเหน็จ การที่จำเลยออกข้อบังคับว่าด้วยกองทุนบำเหน็จข้อ 9กำหนดว่าพนักงานที่ออกจากงานตาม ข้อ 8 มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จแต่เพียงอย่างเดียว และถือว่าเป็นเงินค่าชดเชย ตามกฎหมายแรงงานด้วยนั้น จึงขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมไม่มีผลบังคับโจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6383/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ใหม่และการบังคับจำนอง: ศาลวินิจฉัยได้ถูกต้องตามประเด็น
โจทก์จำเลยทำสัญญาแปลงหนี้ใหม่เปลี่ยนตัวเจ้าหนี้และลูกหนี้หนี้เดิมเป็นอันระงับ หนี้ใหม่เป็นหนี้เงิน จำเลยย่อมจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ได้ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยจำนองที่ดินเพื่อประกันหนี้เงินกู้ตามฟ้องหรือไม่ แล้ววินิจฉัยว่าหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยเกิดขึ้นจากการแปลงหนี้ใหม่ สัญญาจำนองจึงมีผลบังคับได้นั้น หาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่เพราะการวินิจฉัยถึงการแปลงหนี้ใหม่ก็เพื่อให้ทราบถึงที่มาแห่งหนี้ของโจทก์จำเลยให้ชัดขึ้นเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6360/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดการบังคับคดีและการเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่ได้ร้องขอภายในกำหนด
การที่โจทก์ยื่นคำแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีของงดการขายทอดตลาดไว้มีกำหนด 3 เดือน เป็นเรื่องที่โจทก์ของดการบังคับคดีไว้ชั่วคราว ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292(3) ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้แทนโจทก์ในการบังคับคดีต้องปฏิบัติตาม เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดไป ถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แม้โจทก์ไม่ร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนภายในกำหนดเวลาแปดวันตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง แต่โจทก์ก็ได้แถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ต่อมาเมื่อความดังกล่าวปรากฏต่อศาล ศาลมีอำนาจเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6354/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยกรรมสิทธิ์ที่ดินในคดีแพ่งต้องอ้างอิงข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญาที่ถึงที่สุด
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ ห้ามเกี่ยวข้องกับที่พิพาทและชดใช้ค่าเสียหาย อันเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว วินิจฉัยว่าที่พิพาทอยู่ในส่วนของที่ดินของจำเลย ฟ้องโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องในคดีส่วนอาญา ดังนี้ การที่ศาลจะวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งว่าที่ดินพิพาทเป็นของฝ่ายใด ศาลจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 ว่าที่ดินพิพาทอยู่ในส่วนของโฉนดที่ดินของจำเลย จำเลยจึงมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6318/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ (ดิน) และพฤติการณ์แสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ทำให้ไม่สมควรให้รอการลงโทษ
ที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ในวงล้อมของที่ดินจำเลย จำเลยได้ขุดตักดินในที่ดินของจำเลยรอบ ๆ ที่ดินโจทก์ แล้วพยายามซื้อที่ดินพิพาทจากโจทก์ในราคาต่ำแต่โจทก์ไม่ยอมขายจำเลยจึงลักขุดตักดินของโจทก์ไป แม้จำเลยจะประกอบธุรกิจจัดสรรที่ดินหลายโครงการ แต่ก็ส่อให้เห็นได้ว่าเป็นการประกอบธุรกิจที่มุ่งเอาแต่ได้ โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ตามพฤติการณ์ดังกล่าว จึงยังไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6232/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนัดหยุดงานที่ผิดกฎหมายแต่มีการตกลงประนีประนอม ทำให้ไม่อาจเลิกจ้างได้
การนัดหยุดงานของผู้คัดค้านในระหว่างที่ผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างกำลังปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมอยู่ เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 34(2) จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่หลังจากที่ได้หยุดงานแล้ว สหภาพแรงงานกับผู้ร้องตกลงกันได้และทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างใหม่ โดยผู้ร้องตกลงไม่กลั่นแกล้งพนักงานทุกคนที่นัดหยุดงาน อันมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือได้ว่าผู้ร้องจะไม่เอาเหตุที่ผู้คัดค้านได้นัดหยุดงานนั้นเป็นเหตุเลิกจ้างผู้คัดค้าน ดังนี้ผู้ร้องจึงไม่มีเหตุสมควรจะเลิกจ้างผู้คัดค้าน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6167/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ดอกเบี้ย: การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตามประกาศกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องได้รับการตกลงยินยอมจากลูกหนี้
สัญญากู้เป็นสัญญาสองฝ่าย เมื่อตามสัญญากู้ไม่มีเงื่อนไขให้จำเลยคิดดอกเบี้ยจากโจทก์ได้เกินกว่าที่ตกลงกันไว้ แม้จะมีประกาศกระทรวงการคลังและประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่จำเลยจะเรียกเก็บได้เกินกว่าที่โจทก์จำเลยตกลงกันไว้ แต่จำเลยจะเรียกเก็บดอกเบี้ยตามอัตราที่เปลี่ยนแปลงใหม่โดยโจทก์ไม่ตกลงยินยอมด้วยหาได้ไม่ จำเลยฎีกาว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยผิดไป 1 วัน คำเบิกความของช. ไม่ควรรับฟังและจำนวนวันที่คำนวณดอกเบี้ยเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลรับรู้ได้เอง แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดว่าที่ถูกต้องควรคำนวณอย่างไร เป็นดอกเบี้ยเท่าใด และคำขอ ช.ไม่ควรรับฟังอย่างไรเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6135/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้จัดการมรดก, การตัดทายาท, การเพิกถอนพินัยกรรม และผลของการทำหนังสือตัดทายาท
ตามคำร้องขอจัดการมรดกของผู้ร้องมีทรัพย์สินจะต้องจัดการถึง7 รายการ แม้ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินเฉพาะบางรายการให้ผู้คัดค้านที่ 2 แล้ว ก็ยังมีทรัพย์สินอื่นนอกพินัยกรรมที่จะต้อง จัดการอยู่อีก ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมเป็นผู้มีส่วนได้เสียและ ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 1718 จึงมีสิทธิที่จะเป็น ผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ หนังสือตัดทายาทโดยธรรมระบุนามสกุลผู้คัดค้านที่ 1 ว่า สกุล"ธรรมรัตน์"เป็น"ธรรมรักษ์" ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ไม่ ทำให้หนังสือตัดทายาทโดยธรรมเสียไป การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ถูกตัดจากการเป็นทายาทโดยธรรม โดยไม่วินิจฉัยชี้ชัดว่าผู้คัดค้านที่ 1 เป็นทายาท จริงหรือไม่นั้น การวินิจฉัยชี้ขาดว่าเป็นทายาทหรือไม่เป็นทายาท ของผู้ตายไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไปปัญหาข้อนี้เป็นอุทธรณ์ที่ ไร้สาระศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยให้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1695 ผู้ทำพินัยกรรมอาจเพิกถอนพินัยกรรมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนได้ โดยทำลายหรือขีดฆ่าเสียด้วยความตั้งใจหมายความว่า ต้องเพิกถอนด้วยการฉีก ทำลาย หรือทำให้หมดสิ้นจนใช้การไม่ได้ หรือขีดฆ่าลงบนพินัยกรรมนั้นเพื่อให้เห็นว่า ผู้ทำพินัยกรรมไม่มีเจตนาจะให้มีผลเป็นพินัยกรรมต่อไป ดังนั้น เพียงแต่บันทึกไว้ในช่องหมายเหตุในทะเบียนพินัยกรรมของ ที่ว่าการอำเภอว่า ขอถอนพินัยกรรม และบันทึกในใบรับพินัยกรรมว่า ขอถอน 14 มี.ค. 20 จึงยังไม่ถือว่าผู้ทำพินัยกรรมมีเจตนาทำลาย พินัยกรรม พินัยกรรมจึงยังมีผลสมบูรณ์.
of 90