พบผลลัพธ์ทั้งหมด 776 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7844/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนการพิจารณาคดีเนื่องจากป่วย และหน้าที่ศาลในการตรวจสอบอาการป่วยก่อนมีคำสั่ง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้นดังที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนการพิจารณาและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาศาลแล้วยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ต่อไปการที่ศาลอุทธรณ์ไปวินิจฉัยว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณาโดยไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยว่ามีเหตุสมควรที่จะให้จำเลยเลื่อนการพิจารณาและศาลชั้นต้นควรจะไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยต่อไปหรือไม่เป็นการไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142ประกอบด้วยมาตรา246 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา41ถ้ามีการเลื่อนการพิจารณาโดยอ้างว่าผู้ใดไม่สามารถมาศาลได้เพราะเจ็บป่วยหากศาลไม่เชื่อว่าเป็นความจริงก็จะต้องมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานไปตรวจและรายงานให้ศาลทราบเสียก่อนจึงจะสั่งให้อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาการที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยแล้วมีคำสั่งว่าไม่น่าเชื่อว่าจำเลยป่วยไม่สามารถมาศาลได้เป็นการข้ามขั้นตอนจึงไม่ชอบด้วยมาตรา41
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7786/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยและสิทธิเหนือพื้นดินที่ไม่บริบูรณ์ยังใช้บังคับระหว่างคู่สัญญาได้ เจ้าของทรัพย์ผูกพันตามข้อตกลง
ข้อตกลงที่ก่อให้เกิดทรัพย์สิทธิที่ยังไม่บริบูรณ์เพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็เป็นบุคคลสิทธิที่ใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญาโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของ ภ. ผู้ไม่อยู่ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทผู้ทำความตกลงยินยอมให้สิทธิอาศัยและสิทธิเหนือพื้นดินแก่จำเลย จำเลยย่อมอ้างสิทธิที่ไม่บริบูรณ์ดังกล่าวยันโจทก์ให้ปฏิบัติตามได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7707/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายกรรมต่างกัน: ครอบครองกัญชา vs. จำหน่ายกัญชา
จำเลยมีกัญชาไว้ในครอบครองจำนวน 3 ห่อ และในวันเวลาเดียวกันจำเลยได้จำหน่ายกัญชาไป 1 ห่อ ดังนี้ การที่จำเลยจำหน่ายกัญชาไป1 ห่อ เป็นการกระทำกรรมหนึ่ง และการที่จำเลยยังมีกัญชาเหลืออยู่ในครอบครองอีก 2 ห่อ ก็เป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่ง เป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7642/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเรียกร้องค่าเสียหายจากประกันภัยและการขอให้ผู้รับประกันภัยเข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีเช่าซื้อ
จำเลยที่1ทำสัญญาเช่าซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปจากโจทก์มีจำเลยที่2เป็นผู้ค้ำประกันและมีจำเลยร่วมเป็นผู้ประกันภัยทรัพย์ที่เช่าซื้อต่อมาในระหว่างเช่าซื้อและภายในอายุสัญญาประกันภัยทรัพย์ที่เช่าซื้อถูกคนร้ายลักไปโจทก์ได้แสดงเจตนาเข้าถือเอาประโยชน์จากสัญญาตามกรมธรรม์แล้วการที่โจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยร่วมรับผิดต่อโจทก์ทั้งๆที่โจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์มีสิทธิฟ้องจำเลยร่วมให้รับผิดต่อโจทก์ได้เต็มตามจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองซึ่งหากจำเลยทั้งสองต้องชำระราคาแทนให้โจทก์จำเลยที่1ในฐานะเป็นผู้เอาประกันภัยย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยฟ้องเรียกค่าทดแทนสำหรับความเสียหายของโทรศัพท์ดังกล่าวจากจำเลยร่วมผู้รับประกันภัยได้ดังนั้นจำเลยที่1จึงขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา57(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7497/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การย้ายงานและค่าจ้างในเวลาพัก: สิทธิลูกจ้างเมื่อนายจ้างไม่จัดเวลาพักตามกฎหมาย
โจทก์ที่ 1 และที่ 5 อุทธรณ์ว่า คำสั่งของจำเลยที่สั่งให้โจทก์ที่ 1 และที่ 5 ย้ายไปทำงานในหน้าที่ใหม่ทำให้โจทก์ที่ 1 และที่ 5 ต้องรับภาระในการทำงานหนักขึ้นและขาดประโยชน์อันเกี่ยวกับการจ้างหรือการทำงานจึงขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 นั้นศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงว่าเมื่อโจทก์ที่ 1 และที่ 5ย้ายมาทำงานในหน้าที่ใหม่แล้ว ไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่ 1และที่ 5 ได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานน้อยลงจากเดิมและลักษณะงานที่โจทก์ที่ 1 และที่ 5 ต้องทำในหน้าที่ใหม่ไม่หนักขึ้นกว่าเดิม อุทธรณ์ของโจทก์ที่ 1 และที่ 5 ดังกล่าวเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย การที่นายจ้างมิได้จัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักวันละ1 ชั่วโมง แม้จะไม่ชอบด้วยประกาศของกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515ข้อ 6 แต่ก็เป็นเรื่องที่ลูกจ้างจะฟ้องขอให้บังคับนายจ้างปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวหรือจ่ายค่าจ้างในเวลาพัก เมื่อการสั่งโยกย้ายหน้าที่ลูกจ้างไม่ขัดต่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างลูกจ้างจะฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของนายจ้างและให้ลูกจ้างกลับไปทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิมไม่ได้ เมื่อจำเลยให้โจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5ทำงานโดยมิได้จัดให้มีเวลาพัก 1 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่16 กุมภาพันธ์ 2537 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2537 และวันที่16 กุมภาพันธ์ 2537 ตามลำดับ และจำเลยต้องจ่ายค่าจ้างในเวลาพักให้แก่โจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 วันละ 1 ชั่วโมงตราบใดที่จำเลยยังให้โจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 ทำงานโดยมิได้จัดให้มีเวลาพัก 1 ชั่วโมง ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 อยู่ตลอดไปโจทก์ที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 ย่ามมีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์จ่ายค่าจ้างดังกล่าวจนกว่าจำเลยจะจัดให้มีเวลาพัก1 ชั่วโมงแต่สำหรับโจทก์ที่ 3 ได้ออกจากงานไปแล้วจึงมีสิทธิที่จะได้ค่าจ้างดังกล่าวจนถึงวันสุดท้ายก่อนออกจากงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7493/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนในการระงับการจ่ายเงินทดแทนชั่วคราวขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ตามที่ พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ.2537 มาตรา 32 (5)ระบุว่า คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ตามมาตรา 52 นั้น หมายความว่ามีอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่าเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ให้จ่ายเงินทดแทนให้แก่โจทก์ทั้งสามสิบห้าหรือไม่ แต่จะมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินทดแทนเป็นการชั่วคราวหาได้ไม่ เพราะการมีคำสั่งดังกล่าวย่อมมีผลเป็นการทุเลาการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการขัดต่อมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ.2537 ที่บัญญัติเป็นใจความว่าการอุทธรณ์หรือนำคดีไปสู่ศาลไม่เป็นการทุเลาการปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือของคณะกรรมการ แล้วแต่กรณี
แม้คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนจะมีอำนาจในการรวบรวมพยานหลักฐานโดยจะเป็นผู้รวบรวมเอง หรือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการช่วยรวบรวมก็เป็นการกระทำเพื่อนำมาพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์นั่นเอง และเมื่อยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าเห็นด้วยกับอุทธรณ์และสั่งให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของพนักงานเงินทดแทนที่ให้จ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์ทั้งสามสิบห้า ซึ่งคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนยังต้องวินิจฉัยต่อไปแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าถือว่าคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีอำนาจที่จะมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินทดแทนเป็นการชั่วคราวแล้วก็จะมีผลเป็นการเปิดช่องให้มีการหลีกเลี่ยงบทบัญญัติของมาตรา 54 ได้ ย่อมไม่ชอบด้วยเจตนารมณ์ของบทบัญญัติในมาตราดังกล่าว
แม้คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนจะมีอำนาจในการรวบรวมพยานหลักฐานโดยจะเป็นผู้รวบรวมเอง หรือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการช่วยรวบรวมก็เป็นการกระทำเพื่อนำมาพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์นั่นเอง และเมื่อยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าเห็นด้วยกับอุทธรณ์และสั่งให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของพนักงานเงินทดแทนที่ให้จ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์ทั้งสามสิบห้า ซึ่งคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนยังต้องวินิจฉัยต่อไปแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าถือว่าคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีอำนาจที่จะมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินทดแทนเป็นการชั่วคราวแล้วก็จะมีผลเป็นการเปิดช่องให้มีการหลีกเลี่ยงบทบัญญัติของมาตรา 54 ได้ ย่อมไม่ชอบด้วยเจตนารมณ์ของบทบัญญัติในมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7493/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนในการระงับจ่ายเงินทดแทนระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ขัดต่อหลักการตามพรบ.เงินทดแทนมาตรา 54
ตามพระราชบัญญัติเงินทดแทนพ.ศ.2537มาตรา32(5)คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่าเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ให้จ่ายเงินทดแทนให้แก่โจทก์หรือไม่แต่จะมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินทดแทนเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของนายจ้างหาได้ไม่เพราะการมีคำสั่งดังกล่าวย่อมมีผลเป็นการทุเลาการปฎิบัติตามคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่อันเป็นการขัดต่อมาตรา54
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7493/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนระงับจ่ายเงินทดแทนชั่วคราวขัดต่อเจตนารมณ์กฎหมายเงินทดแทน
ตามที่พระราชบัญญัติเงินทดแทนพ.ศ.2537มาตรา32(5)ระบุว่าคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ตามมาตรา52นั้นหมายความว่ามีอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่าเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ให้จ่ายเงินทดแทนให้แก่โจทก์ทั้งสามสิบห้าหรือไม่แต่จะมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินทดแทนเป็นการชั่วคราวหาได้ไม่เพราะการมีคำสั่งดังกล่าวย่อมมีผลเป็นการทุเลาปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่อันเป็นการขัดต่อมาตรา54แห่งพระราชบัญญัติเงินทดแทนพ.ศ.2537ที่บัญญัติเป็นใจความว่าการอุทธรณ์หรือนำคดีไปสู่ศาลไม่เป็นการทุเลาการปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือของคณะกรรมการแล้วแต่กรณี แม้คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนจะมีอำนาจในการรวบรวมพยานหลักฐานโดยจะเป็นผู้รวบรวมเองหรือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการช่วยรวบรวมก็เป็นการกระทำเพื่อนำมาพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์นั่นเองและเมื่อยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าเห็นด้วยกับอุทธรณ์และสั่งให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของพนักงานเงินทดแทนที่ให้จ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์ทั้งสามสิบห้าซึ่งคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนยังต้องวินิจฉัยต่อไปแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานถ้าถือว่าคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีอำนาจที่จะมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินทดแทนเป็นการชั่วคราวแล้วก็จะมีผลเป็นการเปิดช่องให้มีการหลีกเลี่ยงบทบัญญัติของมาตรา54ด้วยย่อมไม่ชอบด้วยเจตนารมย์ของบทบัญญัติในมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7448/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิเรียกร้องกรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์หลังมีคำพิพากษาในคดีขับไล่ การฟ้องร้องซ้ำไม่ขัดกฎหมาย
คดีเดิมมีประเด็นว่าผู้คัดค้านทั้งสองฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้ร้องได้หรือไม่แม้ผู้ร้องจะให้การสู้คดีว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วผู้คัดค้านทั้งสองจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายและศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจนได้กรรมสิทธิ์หรือไม่ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วก็ตามแต่เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงประเด็นที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีส่วนคดีนี้เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55โดยอาศัยข้อวินิจฉัยจากผลของคำพิพากษาในคดีก่อนขอให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองเพื่อจะได้นำคำสั่งศาลไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนตามประมวลกฎหมายที่ดินมิใช่กรณีที่มารื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันคดีของผู้ร้องจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7448/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิทางศาลขอให้ศาลสั่งให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้เคยมีคดีขับไล่มาก่อน ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
คดีก่อนผู้คัดค้านเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องเป็นจำเลยให้ออกจากที่ดินพิพาท ประเด็นแห่งคดีมีว่าผู้คัดค้านฟ้องขับไล่ผู้ร้องได้หรือไม่ แม้ผู้ร้องจะให้การต่อสู้คดีว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วและศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์หรือไม่ ซึ่งศาลก็ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีดังกล่าวโดยฟังว่าจำเลยหรือผู้ร้อง ในคดีนี้ได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงประเด็นที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยในประเด็นแห่ง คดีดังกล่าว ส่วนคดีนี้เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจำเป็นต้องใช้ สิทธิทางศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โดยอาศัยข้อวินิจฉัยจากผลของคำพิพากษาในคดีก่อน ขอให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองเพื่อจะได้นำคำสั่งศาลไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ร้องที่จะกระทำได้ มิใช่กรณีที่มารื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้ วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148