พบผลลัพธ์ทั้งหมด 796 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหุ้นแบบโอนลอย: เจตนาคู่กรณีและผลทางกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การโอนหุ้นระหว่างจำเลยและธ. แบบโอนลอยนั้นคู่กรณีมีเจตนามุ่งให้ความสะดวกเป็นประโยชน์แก่ผู้รับโอนที่จะเลือกปฏิบัติได้ว่าหากประสงค์จะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเป็นการโอนที่เสร็จเด็ดขาดก็ต้องปฏิบัติตามแบบแห่งกฎหมายให้ถูกต้องแต่หากยังไม่ประสงค์จะให้มีผลเสร็จเด็ดขาดก็อาจโอนลอยต่อให้บุคคลอื่นไปปฏิบัติได้ซึ่งเป็นการแบ่งขั้นตอนปฏิบัติตามแบบแห่งนิติกรรมที่กฎหมายกำหนดการโอนลอยหุ้นให้แก่ธ. จึงเป็นเพียงขั้นตอนที่จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายของตนเป็นขั้นตอนแรกแล้วเท่านั้นยังมิได้เป็นการโอนที่เสร็จเด็ดขาดซึ่งความมุ่งหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1129วรรคสองเป็นการกำหนดแบบของการโอนหุ้นว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะมีหลักฐานการโอนที่แน่นอนหาใช่เป็นแบบของการซื้อขายหุ้นไม่ดังนั้นผู้ถือหุ้นที่มิได้ทำการโอนให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงยังไม่อาจอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทและไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้เท่านั้นหาอาจถือเป็นการขัดต่อกฎหมายและตกเป็นโมฆะไม่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อในช่วงสุดท้ายยังคงอยู่ในฐานะเป็นผู้รับโอนสิทธิในหุ้นพิพาทที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหุ้นแบบโอนลอย: เจตนาคู่กรณีและผลทางกฎหมาย
หุ้นพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นทั้งหมดที่จำเลยได้ลงชื่อในแบบโอนลอยให้แก่ ธ.ไป หาก ธ.ประสงค์ต้องการมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น ก็จะต้องลงลายมือชื่อเป็นผู้รับโอนแล้วไปแก้ทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นตามระเบียบได้ และถ้า ธ.ไม่ต้องการมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้น ธ.สามารถโอนหุ้นดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นต่อไปได้ เมื่อปรากฏต่อมาอีกว่า ธ.ได้แบ่งโอนหุ้นบางส่วนให้แก่บุตรสาวคนหนึ่งซึ่งได้ดำเนินการเปลี่ยนและโอนใบหุ้นเป็นชื่อของตนแล้ว จึงเป็นเครื่องชี้ให้เห็นชัดว่า การโอนหุ้นระหว่างจำเลยและ ธ.แบบโอนลอยนั้น คู่กรณีมีเจตนามุ่งให้ความสะดวกเป็นประโยชน์แก่ผู้รับโอนที่จะเลือกปฏิบัติได้ว่า หากประสงค์จะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเป็นการโอนที่เสร็จเด็ดขาดก็จะต้องปฏิบัติตามแบบแห่งกฎหมายให้ถูกต้องต่อไป แต่หากยังไม่ประสงค์จะให้มีผลเสร็จเด็ดขาด ก็อาจโอนลอยต่อให้บุคคลอื่นไปปฏิบัติต่อไปได้ กล่าวโดยชัดแจ้งคือ เป็นการแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติตามแบบแห่งนิติกรรมที่กฎหมายกำหนดโดยฝ่ายจำเลยผู้โอนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนฝ่ายตนแล้วมอบให้ฝ่ายผู้รับโอนไปเลือกปฏิบัติภายหลังให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไปโดยลำพังได้ การโอนลอยหุ้นให้แก่ ธ.จึงเป็นเพียงขั้นตอนที่จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายของตนแล้วเป็นขั้นตอนแรกเท่านั้น ยังมิได้เป็นขั้นตอนการโอนที่เสร็จเด็ดขาด และความมุ่งหมายของ ป.พ.พ.มาตรา 1129วรรคสอง ที่บัญญัติว่า การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอน มีพยานคนหนึ่งอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือชื่อเป็นโมฆะนั้นเป็นการกำหนดแบบของการโอนหุ้นว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้มีหลักฐานการโอนที่แน่นอนเท่านั้น หาใช่เป็นแบบของการซื้อขายหุ้นไม่ ผู้ซื้อหุ้นที่มิได้ทำการโอนให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าว ยังไม่อาจอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ยังไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทตามที่ ป.พ.พ.บัญญัติไว้เท่านั้น จึงมิอาจถือเป็นการขัดต่อกฎหมายและตกเป็นโมฆะไม่ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อในช่วงสุดท้ายยังอยู่ในฐานะผู้รับโอนสิทธิในหุ้นพิพาทที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหุ้นแบบมีเงื่อนไข: เจตนาคู่สัญญา, แบบตามกฎหมาย, สิทธิผู้รับโอน, การซื้อขายหุ้น
หุ้นพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นทั้งหมดที่จำเลยได้ลงชื่อในแบบโอนลอยให้แก่ธ. ไปหากธ. ประสงค์ต้องการมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นก็จะต้องลงลายมือชื่อเป็นผู้รับโอนแล้วไปแก้ทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นตามระเบียบได้และถ้าธ. ไม่ต้องการมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นธ. สามารถโอนหุ้นดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นต่อไปได้เมื่อปรากฏต่อมาอีกว่าธ. ได้แบ่งโอนหุ้นบางส่วนให้แก่บุตรสาวคนหนึ่งซึ่งได้ดำเนินการเปลี่ยนและโอนใบหุ้นเป็นชื่อของตนแล้วจึงเป็นเครื่องชี้ให้เห็นชัดว่าการโอนหุ้นระหว่างจำเลยและธ. แบบโอนลอยนั้นคู่กรณีมีเจตนามุ่งให้ความสะดวกเป็นประโยชน์แก่ผู้รับโอนที่จะเลือกปฏิบัติได้ว่าหากประสงค์จะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเป็นการโอนที่เสร็จเด็ดขาดก็จะต้องปฏิบัติตามแบบแห่งกฎหมายให้ถูกต้องต่อไปแต่หากยังไม่ประสงค์จะให้มีผลเสร็จเด็ดขาดก็อาจโอนลอยต่อให้บุคคลอื่นไปปฏิบัติต่อไปได้กล่าวโดยชัดแจ้งคือเป็นการแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติตามแบบแห่งนิติกรรมที่กฎหมายกำหนดโดยฝ่ายจำเลยผู้โอนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนฝ่ายตนแล้วมอบให้ฝ่ายผู้รับโอนไปเลือกปฏิบัติภายหลังให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไปโดยลำพังได้การโอนลอยหุ้นให้แก่ธ. จึงเป็นเพียงขั้นตอนที่จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายของตนแล้วเป็นขั้นตอนแรกเท่านั้นยังมิได้เป็นขั้นตอนการโอนที่เสร็จเด็ดขาดและความมุ่งหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1129วรรคสองที่บัญญัติว่าการโอนหุ้นชนิดระบุชื่อถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอนมีพยานคนหนึ่งอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือชื่อเป็นโมฆะนั้นเป็นการกำหนดแบบของการโอนหุ้นว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้มีหลักฐานการโอนที่แน่นอนเท่านั้นหาใช่เป็นแบบของการซื้อขายหุ้นไม่ผู้ซื้อหุ้นที่มิได้ทำการโอนให้ถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าวยังไม่อาจอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทยังไม่อาจใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้เท่านั้นจึงมิอาจถือเป็นการขัดต่อกฎหมายและตกเป็นโมฆะไม่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อในช่วงสุดท้ายยังอยู่ในฐานะผู้รับโอนสิทธิในหุ้นพิพาทที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย: การรับฟังคำสารภาพโดยสมัครใจและพยานหลักฐานสนับสนุน
พยานโจทก์ชั้นสืบสวนและจับกุมเบิกความถึงการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจที่ได้ทำการสืบสวนและจับกุมจำเลยทั้งสี่ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเฮโรอีนอย่างละเอียดทุกขั้นตอนทั้งสอดคล้องต้องกันไม่มีพิรุธใดๆเมื่อถูกจับกุมแล้วจำเลยทั้งสี่ต่างก็ให้การรับสารภาพและเขียนบันทึกคำรับสารภาพซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวด้วยลายมือของตนเองให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมด้วยอีกทั้งพนักงานสอบสวนซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมก็เบิกความยืนยันว่าเมื่อแจ้งข้อหาให้จำเลยทั้งสี่ทราบได้แจ้งด้วยว่าจำเลยทั้งสี่จะให้การหรือไม่ให้การหรือจะให้การอย่างไรก็ได้แต่จำเลยทั้งสี่ก็ได้ให้การรับสารภาพตนจึงพิมพ์คำให้การของจำเลยทั้งสี่ตามคำบอกเล่าของจำเลยทั้งสี่และในชั้นพิจารณาของศาลจำเลยที่3ก็ให้การรับสารภาพทั้งจำเลยที่1ที่2และที่4ยังนำสืบข้อเท็จจริงรับว่าจำเลยทั้งสี่ได้มีการพบปะติดต่อกันจริงในวันเกิดเหตุเจือสมกับข้อนำสืบของโจทก์เชื่อว่าจำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9784/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดและเริ่มต้นนิติสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง และสิทธิเรียกร้องค่าจ้าง/ค่าเล่าเรียนระหว่างช่วงเลิกจ้าง
จำเลยได้มีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ ซึ่งมีผลเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม2538 นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยในฐานะลูกจ้างและนายจ้างย่อมระงับสิ้นสุดลงในวันดังกล่าว ต่อมาเมื่อมีการสั่งให้โจทก์กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยในฐานะลูกจ้างนายจ้างย่อมเริ่มต้นเมื่อโจทก์ได้รายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ ส่วนช่วงระยะเวลาระหว่างที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จนถึงก่อนวันที่โจทก์รายงานตัวเข้าทำงานใหม่นั้น โจทก์และจำเลยหาได้มีนิติสัมพันธ์ในฐานะลูกจ้างนายจ้างไม่ สิทธิในค่าจ้างก็ดี ค่าเล่าเรียนบุตรก็ดี จึงไม่อาจมีได้ ทั้งคำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมก็มิได้ระบุให้โจทก์มีสิทธิใด ๆ ในระหว่างเลิกจ้างนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9784/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดและเริ่มต้นนิติสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้างหลังการเลิกจ้างและกลับเข้าทำงาน สิทธิค่าจ้างและค่าเล่าเรียนบุตร
จำเลยได้มีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ซึ่งมีผลเมื่อวันที่27กรกฎาคม2538นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยในฐานะลูกจ้างและนายจ้างย่อมระงับสิ้นสุดลงในวันดังกล่าวต่อมาเมื่อมีการสั่งให้โจทก์กลับเข้าปฎิบัติหน้าที่ตามเดิมนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยในฐานะลูกจ้างนายจ้างย่อมเริ่มต้นเมื่อโจทก์ได้รายงานตัวเข้าปฎิบัติหน้าที่ส่วนช่วงระยะเวลาระหว่างที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จนถึงก่อนวันที่โจทก์รายงานตัวเข้าทำงานใหม่นั้นโจทก์และจำเลยหาได้มีนิติสัมพันธ์ในฐานะลูกจ้างนายจ้างไม่ สิทธิในค่าจ้างก็ดีค่าเล่าเรียนบุตรก็ดีจึงไม่อาจมีได้ทั้งคำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์กลับเข้าปฎิบัติหน้าที่ตามเดิมก็มิได้ระบุให้โจทก์ใดๆในระหว่างเลิกจ้างนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9732/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย – การสอบถามก่อนเริ่มพิจารณาคดี – กระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง
คดีที่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่2ปีถึง15ปีเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะต้องสอบถามจำเลยก่อนเริ่มพิจารณาว่ามีและต้องการทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา173วรรคสองเมื่อตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นมิได้ปรากฏว่าได้มีการดำเนินการดังกล่าวแล้วการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงไม่ถูกต้องจริงศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองและย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9732/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในคดีอาญา: การสอบถามความต้องการทนายก่อนเริ่มพิจารณา
คดีที่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะต้องสอบถามจำเลยก่อนเริ่มพิจารณาว่ามีและต้องการทนายหรือไม่ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 173 วรรคสอง เมื่อตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นมิได้ปรากฏว่าได้มีการดำเนินการดังกล่าวแล้ว การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงไม่ถูกต้องจริง ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองและย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9655/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนเวลาส่งมอบสินค้าทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าปรับ แม้จะส่งมอบไม่ทันตามกำหนดเดิม
โจทก์ได้ผ่อนเวลาการส่งมอบของตามที่กำหนดไว้ในสัญญาดังนั้นการที่จำเลยที่1ไม่ได้ส่งมอบของตามสัญญาในระยะเวลาที่ยังไม่ล่วงเลยวันที่ได้ผ่อนเวลาออกไปย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยที่1ผิดสัญญาโจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่1ชำระค่าปรับตามข้อความที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายข้อ10วรรคหนึ่งที่โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่1ชำระค่าปรับจึงไม่มีผลเป็นการเรียกร้องให้จำเลยที่1ชำระค่าปรับต่อมาเมื่อจำเลยที่1แล้วอันเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาซื้อขายข้อ9โดยไม่ได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่1ชำระค่าปรับตามที่ระบุไว้ในข้อ10วรรคหนึ่งของสัญญาดังกล่าวและเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ9แล้วโจทก์ย่่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่1ชำระค่่าปรับตามสัญญาข้อ10วรรคหนึ่งอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9655/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนเวลาส่งมอบของและการใช้สิทธิเรียกร้องค่าปรับตามสัญญาซื้อขาย
โจทก์ได้ผ่อนเวลาการส่งมอบของตามที่กำหนดไว้ในสัญญาดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ส่งมอบของตามสัญญาในระยะเวลาที่ยังไม่ล่วงเลยวันที่ได้ผ่อนเวลาออกไป ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าปรับตามข้อความที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขาย ข้อ 10วรรคหนึ่ง ที่โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าปรับ จึงไม่มีผลเป็นการเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าปรับ ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบของให้แก่โจทก์ภายในวันที่ผ่อนเวลาออกไป และโจทก์บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 แล้วอันเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาซื้อขาย ข้อ 9 โดยไม่ได้ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1ชำระค่าปรับตามที่ระบุไว้ในข้อ 10 วรรคหนึ่ง ของสัญญาดังกล่าว และเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 9 แล้วโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1ชำระค่าปรับตามสัญญาข้อ 10 วรรคหนึ่ง อีก