คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชูชาติ ศรีแสง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 796 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120-3121/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมศาลกับการยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ศาลควรให้โอกาสชำระค่าธรรมเนียมก่อนยกคำร้อง
การร้องคัดค้านการขายทอดตลาดเป็นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนพิจารณาวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองต้องทำเป็นคำร้องและเสียค่าธรรมเนียมศาลตามตาราง2ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งข้อ(3)และ(7)โดยชำระเมื่อยื่นคำขอต่อศาล จำเลยที่2ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นโดยเสียค่าธรรมเนียมศาล50บาทตามที่พนักงานศาลเรียกให้เสียไม่ได้จงใจขัดขืนไม่ยอมเสียค่าธรรมเนียมศาลซึ่งขาดอยู่เพียง20บาทศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งให้เสียให้ครบถ้วนภายในเวลาอันสมควรไม่ควรด่วนยกคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2801/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบหลักฐานนอกประเด็นในคดีซื้อขายที่ดินและการพิพากษาค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำ สัญญาจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยจำเลยจะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จแล้วโอนขายให้โจทก์จำเลยให้การว่าได้ปลูกสร้างอาคารเสร็จแล้วแต่โจทก์ไม่พร้อมที่จะรับโอนประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเสร็จแล้วหรือไม่การที่จำเลยนำสืบว่าเมื่อมีการฉาบปูนเดินท่อประปาเดินสายไฟทาสีติดบานประตูหน้าต่างแล้วถือว่าจำเลยก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จตามข้อตกลงในสัญญาเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากคำให้การจึงเป็นการนำสืบนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2686/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีเหนือทรัพย์สินที่ถูกยึดก่อน: สิทธิจากการบังคับตามคำพิพากษา vs. สิทธิของผู้มีสิทธิบังคับตามกฎหมาย
แม้โจทก์ได้นำยึดที่ดินพิพาทไว้ก่อนแต่เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยที่1จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องก็ถือว่าผู้ร้องมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1300โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทผู้ร้องย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา287ร้องขอให้เพิกถอนการยึดของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2532/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: ศาลไม่ต้องผูกพันข้อเท็จจริงจากคดีอาญา และมีอำนาจแก้ไขค่าทนายความ
ในคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ปัญหาว่าคดีแพ่งต้องถือตามข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับคดีอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 หรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การในเรื่องนี้ไว้ก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคสอง
การที่โจทก์ที่ 3 ยอมให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับในข้อหาขับรถยนต์ด้วยความประมาททำให้คดีอาญาระงับ แต่ผลของการเปรียบเทียบปรับดังกล่าวไม่ใช่คำพิพากษาในคดีส่วนอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 การพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตาม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดค่าทนายความให้จำเลยทั้งหกใช้แทนโจทก์เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ตามตาราง 6 ท้าย ป.วิ.พ. แม้จำเลยทั้งหกจะไม่ได้ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดใหม่ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน และการพิสูจน์การลวงขายเพื่อเรียกค่าเสียหาย
จำเลยไม่ได้ให้การสู้คดีข้อใดไว้แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดข้อนั้นเป็นประเด็นข้อพิพาทก็หาก่อให้เกิดมีประเด็นข้อพิพาทขึ้นมาไม่ต้องถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่าAdmiralและรูปประดิษฐ์สำหรับสินค้าจำพวกที่38โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนสำหรับสินค้าจำพวกดังกล่าวโจทก์จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ต่อเมื่อโจทก์พิสูจน์ได้ว่าจำเลยเอาสินค้าของจำเลยไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของโจทก์แต่โจทก์หาได้มีพยานหลักฐานใดมาแสดงว่าจำเลยได้ทำการลวงขายสินค้าไม่โจทก์จึงไม่อาจเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา29วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ.2474อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดข้อพิพาทได้ทั้งไม่อาจฟ้องขอให้ห้ามจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของจำเลยเพื่อป้องกันการล่วงสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนได้เพราะต้องห้ามตามมาตรา29วรรคแรกแห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีเครื่องหมายการค้ายังไม่ได้จดทะเบียน และประเด็นการยกข้อไม่ขึ้นว่ากันในศาล
จำเลยไม่ได้ให้การสู้คดีข้อใดไว้ แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดข้อนั้นเป็นประเด็นข้อพิพาท ก็หาก่อให้เกิดมีประเด็นข้อพิพาทขึ้นมาไม่ ต้องถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่าAdmiral และรูปประดิษฐ์สำหรับสินค้าจำพวกที่ 38 โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนสำหรับสินค้าจำพวกดังกล่าว โจทก์จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ต่อเมื่อโจทก์พิสูจน์ได้ว่า จำเลยเอาสินค้าของจำเลยไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของโจทก์ แต่โจทก์หาได้มีพยานหลักฐานใดมาแสดงว่าจำเลยได้ทำการลวงขายสินค้าไม่ โจทก์จึงไม่อาจเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 29 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ.2474 อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดข้อพิพาทได้ ทั้งไม่อาจฟ้องขอให้ห้ามจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของจำเลยเพื่อป้องกันการล่วงสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนได้ เพราะต้องห้ามตามมาตรา 29 วรรคแรกแห่ง พ.ร.บ. เดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนราคาที่ดิน: ข้อจำกัดเมื่อคดีอาญาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมากับคดีอาญาซึ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกเงินที่ได้จากการขายที่ดิน และมีคำขอมให้คืนหรือใช้ราคาที่ดิน แต่คดีดังกล่าวถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยกับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคา แม้คดีนี้จะมีมูลกรณีเดียวกัน แต่เมื่อศาลฎีกาฟังว่า จำเลยยักยอกที่ดินไม่ได้ยักยอกเงินที่ได้จากการขายที่ดิน และโจทก์คดีนี้ก็ไม่ได้มีคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาที่ดิน ดังนั้น ศาลฎีกาจึงไม่อาจสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาที่ดินแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์สินของนิติบุคคลที่ก่อตั้งจากพินัยกรรม การพิพากษาลงโทษและการคืนราคาที่ดิน
คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมากับคดีอาญาซึ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกเงินที่ได้จากการขายที่ดินและมีคำขอให้คืนหรือใช้ราคาที่ดินแต่คดีดังกล่าวถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยกับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาแม้คดีนี้จะมีมูลกรณีเดียวกันแต่เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยยักยอกที่ดินไม่ได้ยักยอกเงินที่ได้จากการขายที่ดินและโจทก์คดีนี้ก็ไม่ได้มีคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาที่ดินดังนั้นศาลฎีกาจึงไม่อาจสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาที่ดินแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเครื่องหมายการค้า: การเพิกถอนทะเบียนและการห้ามใช้เครื่องหมายการค้าเมื่อใช้สิทธิมาตรา 41(1)
โจทก์อ้างในคำฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า NACO ดีกว่าจำเลยผู้ได้จดทะเบียนไว้ โจทก์ขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย อันเป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 มาตรา 41 (1) ที่ใช้บังคับในขณะเกิดข้อพิพาทแม้นายทะเบียนจะวินิจฉัยไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอของโจทก์โดยเห็นว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่จำเลยได้รับการจดทะเบียนแล้วและโจทก์มิได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่อง-หมายการค้าตามมาตรา 16 วรรคสอง ก็ไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิที่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 41 (1) ดังกล่าว ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับที่นายทะเบียนวินิจฉัย โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยได้
โจทก์เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายประตูหน้าต่าง หน้าต่างบานเกล็ด-เหล็กและอะลูมิเนียมโดยใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า NACO มาก่อนจำเลยจะยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า NACO ถึง 20 ปีเศษ โจทก์จึงมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย เมื่อจำเลยนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าวไปจดทะเบียน โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้
แม้โจทก์จะมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลยแต่เครื่องหมายการค้าของโจทก์ยังไม่ได้รับการจดทะเบียน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ห้ามไม่ให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวและจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่อง-หมายการค้านั้นอันเป็นการฟ้องคดีเพื่อป้องกันการล่วงสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ยังไม่ได้รับการจดทะเบียน ทั้งนี้ เพราะต้องห้ามตามมาตรา 29 วรรคแรก แห่งพ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 กรณีจึงไม่อาจบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ให้ห้ามจำเลยดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2312/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีที่ดิน: การโต้แย้งสิทธิโดยไม่ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ครอบครองตลอดมา โจทก์ยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดิน จำเลยทั้งสองโต้แย้งคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินไม่ยอมออกโฉนดที่ดินพิพาทให้ ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยหาจำต้องปฏิบัติตาม ป.ที่ดิน มาตรา 60 ไม่ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะเจ้าพนักงานผู้ออกโฉนดที่ดิน
of 80