คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 219

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 499 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4389/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม กรณีโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วในคดีบุกรุกป่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 3 ปีแต่ให้ลงโทษปรับ 10,000 บาท แม้คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองจะสั่งให้จำเลยและบริวารออกไปจากป่าก็มิใช่โทษที่ลงแก่จำเลย แต่เป็นการสั่งไปตามที่พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 72 ตรีให้อำนาจไว้ คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 219 ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเข้ายึดถือครอบครองที่ดินจำนวน 19 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา แต่เป็นที่ดินมี ส.ค.1มาก่อนแล้วร่วม 3 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา ส่วนที่ดินที่เหลืออีก 16 ไร่ 20 ตารางวา จำเลยไม่มีเอกสารสิทธิที่ดินหรือผู้มีสิทธิคนเดิมมาแสดง จึงเป็นที่ป่าตามความหมายในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4(1) เมื่อจำเลยครอบครองที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดินอันเป็นที่ป่า จำเลยจึงมีความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54,72 ตรี การที่จำเลยฎีกาว่าที่ดินที่จำเลยครอบครองอยู่ทั้งหมดมีผู้อื่นครอบครองทำประโยชน์อยู่ก่อนแล้วและเป็นที่ดินที่มีส.ค. 1 แล้วทั้งหมด จำเลยเพียงแต่ซื้อมาจากเจ้าของเดิมและสืบสิทธิครอบครองต่อ ไม่ใช่เป็นการเข้าครอบครองที่ป่าเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3831/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้โทษจำคุกแต่ยังไม่เกิน 1 ปี แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน และปรับ2,500 บาท ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย 2 เดือน ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ และไม่จ่ายสินบนนำจับก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3576/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่มิถึงขั้นบุกรุก พยายามชิงทรัพย์ และการพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์4 เดือน และลดโทษให้หนึ่งในสาม แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุก 2 เดือน โทษจำให้รอไว้ 2 ปี ความผิดฐานดังกล่าวก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 คืนเกิดเหตุ ข. ร่วมกับ ค. และ จ. เป็นเจ้ามือเล่นการพนันไฮโล โดยมีจำเลยเข้าร่วมเล่นด้วย เมื่อเลิกเล่นแล้วระหว่างเดินกลับบ้านมาถึงบ้าน ข. จำเลยได้ขอเงินไปซื้อของกินข.รับปากจะให้ แต่ขอแบ่งเงินระหว่างเจ้ามือกันก่อนและให้จำเลยตามไปเอาบนบ้าน จำเลยจึงเดินตาม ข. ขึ้นไปบนบ้าน ข.เช่นนี้ เป็นการที่ ข.อนุญาตให้จำเลยขึ้นไปบนบ้านได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก จำเลยเล่นการพนันกับ ข. และเล่นเสียจนหมดตัวจึงตามมาที่บ้าน ข. แล้วขอเงินคืนจาก ข.ส่วนหนึ่งอ้างว่าเพื่อจะนำไปซื้อของกินกับผู้เข้าเล่นการพนันคนอื่น ๆ เมื่อ ข. ให้เงิน20 บาท จำเลยต้องการจะเอาอีก ข. ไม่ยอมให้ จำเลยจึงแย่งจะเอาเงินจากกระเป๋าเสื้อของ ข. แต่แย่งไม่ได้ จำเลยถูก ข.ตีศอกถูกที่ศีรษะหลายครั้งจนศีรษะแตก แต่จำเลยก็มิได้โต้ตอบด้วยการทำร้าย ข.ให้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อมีคนร้องห้ามปรามจำเลยก็จากไป ลักษณะการกระทำของจำเลยเป็นการถือวิสาสะหาได้กระทำไปโดยเจตนาที่จะใช้กำลังประทุษร้าย ข. ไม่ ทั้งการกระทำของจำเลยก็มิได้ถือไม่ได้ว่ามีเจตนาทุจริต เพราะจำเลยได้กระทำการดังกล่าวบนบ้าน ข. ซึ่งเป็นสารวัตรกำนันต่อหน้าคนหลายคนเป็นการผิดวิสัยของคนร้ายที่จะมาชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3225/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นข้อเท็จจริงใหม่ที่ไม่ได้ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ แม้จะได้รับอนุญาตให้ฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแต่โทษจำคุกรอการลงโทษโจทก์ร่วมฝ่ายเดียวอุทธรณ์ไม่ให้รอการลงโทษ และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่รอการลงโทษ จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันและโจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหาย ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้าน เพิ่งมายกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้ฎีกา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3225/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่ไม่ได้ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ แม้ได้รับอนุญาตให้ฎีกา และยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่รอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแต่โทษจำคุกรอการลงโทษโจทก์ร่วมฝ่ายเดียวอุทธรณ์ไม่ให้รอการลงโทษ และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่รอการลงโทษ จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันและโจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหาย ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้าน เพิ่งมายกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้ฎีกา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2816/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษโดยไม่รอการลงโทษ และการรับสารภาพขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ฎีกา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 2,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน สถานเดียวโดยไม่รอการลงโทษจำคุกแม้เป็นการแก้ไขมากก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ ข้อเท็จจริงต้องฟังตามที่โจทก์บรรยายฟ้องจำเลยฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นเพียงลูกค้าผู้เล่นเท่านั้น ดังนี้เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงให้ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลย และเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลล่างทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม กรณีโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปี แม้ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 3 กระทง ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 6เดือนปรับ 1,500 บาท ฐานมีเครื่องกระสุนปืน ปรับ 2,500 บาท ฐานมีวัตถุระเบิดจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 1,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปีกรณียังถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงเกินหนึ่งปีแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้โทษทั้ง 3 กระทง โดยบางกระทงแก้จากโทษปรับเป็นให้จำคุกสถานเดียวและไม่รอการลงโทษอันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่โทษแต่ละกระทงศาลอุทธรณ์ยังคงให้จำคุกไม่เกินหนึ่งปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ. มาตรา 219.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แม้มีการเปลี่ยนแปลงการรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือนและปรับ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้ กรณีถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับ อันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และประเด็นรอการลงโทษเป็นดุลยพินิจ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือนและปรับ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้ กรณีถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับ อันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2683/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม, การรอการลงโทษ, เงินสินบนนำจับ: ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและหลักเกณฑ์การจ่ายสินบน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกในความผิดฐานมีไม้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุกสถานเดียวโดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ ก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยให้จำคุกแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้าม
ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2483 มาตรา 74 จัตวา ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับ ก็ต้องยกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับด้วย
of 50