พบผลลัพธ์ทั้งหมด 499 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจากปรับเป็นจำคุก ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองปรับ 2,400 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำคุกจำเลย 1 ปีสถานเดียว จึงต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีกระสุนปืนเล็กกลจำนวน 23 นัดอันเป็นเครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 11ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ.2490 ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองของจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องโจทก์จำเลยจะฎีกาโต้เถียงว่าไม่มีเจตนาครอบครองกระสุนปืนเล็กกลของกลางดังกล่าวหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว
ฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีกระสุนปืนเล็กกลจำนวน 23 นัดอันเป็นเครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 11ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ.2490 ซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองของจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้องโจทก์จำเลยจะฎีกาโต้เถียงว่าไม่มีเจตนาครอบครองกระสุนปืนเล็กกลของกลางดังกล่าวหาได้ไม่ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว
ฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาโทษจำคุกที่ไม่เกิน 1 ปี ศาลไม่อาจรับฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือนและปรับด้วย แต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด1 ปี ทั้งกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปีแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษซึ่งเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และเป็นการฎีกาเรื่องดุลพินิจการลงโทษ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือนและปรับด้วยแต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด1 ปี ทั้งกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษซึ่งเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการฎีกาดุลพินิจในการลงโทษของศาล เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขบทลงโทษและกำหนดโทษในคดีเด็กและเยาวชน มิใช่การลงโทษ จึงไม่ขัดต่อการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยซึ่งเป็นเยาวชนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก,279 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 277 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนัก ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277วรรคแรก ประกอบกับมาตรา 80 ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี 4 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง กรณีเป็นการแก้บทลงโทษและกำหนดโทษแม้จะเป็นการแก้ไขมากแต่การที่ศาลทั้งสองเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มิใช่การลงโทษ ถือมิได้ว่าศาลทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219ประกอบกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา29.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากจำคุกเป็นส่งตัวไปฝึกอบรมที่สถานพินิจฯ ไม่ถือเป็นการลงโทษจำคุก จึงไม่อยู่ในข้อยกเว้นห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ทั้งบทลงโทษและกำหนดโทษ แม้จะเป็นการแก้ไขมาก แต่ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต่างเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กมิใช่การลงโทษจึงถือมิได้ว่าศาลทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการยุติการสืบพยาน: การโต้เถียงดุลพินิจศาลเป็นเหตุต้องห้ามมิให้ฎีกา
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้วเป็น อันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลวินิจฉัย ว่าพยานที่นำสืบมาเพียงพอยุติได้แล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า ยังไม่ควรยุติเพราะหากศาลเปิดโอกาสให้จำเลยสืบพยานอีก ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ก็จะกระจ่ายชัดขึ้น ทำให้การวินิจฉัยคดี จะได้รับความยุติธรรม จึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาล อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการยุติการสืบพยาน: ดุลพินิจและข้อจำกัดการฎีกา
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้วเป็น อันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลวินิจฉัย ว่าพยานที่นำสืบมาเพียงพอยุติได้แล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า ยังไม่ควรยุติเพราะหากศาลเปิดโอกาสให้จำเลยสืบพยานอีก ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ก็จะกระจ่ายชัดขึ้น ทำให้การวินิจฉัยคดี จะได้รับความยุติธรรม จึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาล อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4613/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 กรณีศาลอุทธรณ์แก้โทษและรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือนและให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ ถือไม่ได้ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกินหนึ่งปี เป็นคดีต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4613/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาแก้โทษจำคุกและรอการลงโทษ ไม่ถือเป็นคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย3เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าลงโทษจำคุก1ปี6เดือนและให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา56ดังนี้ถือไม่ได้ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกินหนึ่งปีเป็นคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา219.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4613/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์โทษจำคุกและการรอการลงโทษ ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีนี้ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือนและให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกินหนึ่งปี เป็นคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219