พบผลลัพธ์ทั้งหมด 499 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเป็นเจตนาหลังศาลชั้นต้นพิพากษา
                        
                        โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251 และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 ได้
                                    แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251 และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจสอบสวนของตำรวจสันติบาล - การรับฟังพยานหลักฐาน - การฎีกา
                        
                        การที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟังว่านายตำรวจสันติบาลผู้ทำการสอบสวนคดีหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจสอบสวน เนื่องจากโจทก์มีแต่คำนายตำรวจผู้สอบสวนคนเดียวมาเบิกความว่าตำรวจสันติบาลมีตำแหน่งหน้าที่สอบสวนคดีได้ทั่วราชอาณาจักร โดยมิได้อ้างเหตุว่าอาศัยบทกฎหมายข้อบังคับหลักฐานอันใดมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้และพิพากษายกฟ้องนั้นเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ย่อมฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิฎีกาในคดีอาญา: ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์มีสิทธิฎีกาเพื่อลงโทษจำเลยตามเดิมได้
                        
                        โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบกันฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา  249,  63  แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา  251  ก็ยังเป็นการยืนยันว่า  จำเลยได้กระทำผิดในคดีที่โจทก์ฟ้องนี้  ฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า  จำเลยบางคนไม่มีความผิด  คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่มีความผิดนั้น  ได้ชื่อว่าศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น  โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ศาลอุทธรณ์ปล่อยไปนั้น  ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา  249  ได้  ไม่ต้องห้ามตามป.ม.วิ.อาญามาตรา  219
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2495)
                                    (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาบางจำเลยในคดีอาญา
                        
                        โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบกันฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249,63 แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 251 ก็ยังเป็นการยืนยันว่า จำเลยได้กระทำผิดในคดีที่โจทก์ฟ้องนี้ฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยบางคนไม่มีความผิดคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่มีความผิดนั้นได้ชื่อว่าศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโจทก์จึงมีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ศาลอุทธรณ์ปล่อยไปนั้น ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา 249 ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2495)
                                    (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การกระทำโดยบรรดาลโทสะ ไม่เป็นเหตุป้องกันตัว คดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
                        
                        ผู้ตายกับจำเลยไปช่วยเขาไถนาด้วยกัน  เมื่อไถนาเสร็จแล้วมีการเลี้ยงสุราอาหาร  ผู้ตายกินอิ่มแล้วเดินไปที่จำเลย  ตีศีร์ษะจำเลย  2  ทีแล้ววิ่งหนี  จำเลยวิ่งไล่ไปทันที่คูน้ำข้างถนน  เข้าปล้ำกัน  ปรากฎว่าผู้ตายมีบาดแผลถูกแทง  6  แห่ง  เป็นบาดแผลสาหัส  2  แห่ง  ผู้ตายขาดใจตายในวันนั้น  ดังนี้  เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะ  หาใช่เป็นเรื่องป้องกันไม่
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 15 ปี ลดโทษ-ตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ได้
                                    ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 15 ปี ลดโทษ-ตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การป้องกันตนเองเหนือกว่าบันดาลโทสะ: การกระทำที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
                        
                        ผู้ตายกับจำเลยไปช่วยเขาไถนาด้วยกันเมื่อไถนาเสร็จแล้วมีการเลี้ยงสุราอาหารผู้ตายกินอิ่มแล้วเดินไปที่จำเลย ตีศีรษะจำเลย 2 ทีแล้ววิ่งหนี จำเลยวิ่งไล่ไปทันที่คูน้ำข้างถนน เข้าปล้ำกัน ปรากฏว่าผู้ตายมีบาดแผลถูกแทง 6 แห่ง เป็นบาดแผลสาหัส 2 แห่ง ผู้ตายขาดใจตายในวันนั้น ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะหาใช่เป็นเรื่องป้องกันไม่
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำคุก15 ปี ลดโทษตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุได้
                                    ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำคุก15 ปี ลดโทษตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าคนตายโดยเจตนาเป็นฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา และสิทธิในการฎีกาข้อเท็จจริง
                        
                        โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 251 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโดยไม่เชื่อข้อเท็จจริง ดังนี้ โจทก์ยังมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา 249 ได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฎีกาไม่รับฟังข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลเดิมและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
                        
                        โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าหลักฐานพยานโจทก์ไม่พอฟัง จึงพิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่ฟังว่าจำเลยแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าให้ตายคงพิพากษาว่าผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 251 ดังนี้ คดีจึงเป็นอันว่าในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนานี้ ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
                                    โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฎีกาจำเลยในคดีฆ่าคนตาย: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม เนื่องจากข้อเท็จจริงไม่เปลี่ยนแปลง
                        
                        โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 249 ศาลชั้นต้น
วินัยว่าหลักฐานพะยานโจทย์ไม่พอฟัง จึงพิพากษาฟ้อง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่ฟังว่าจำเลยแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าให้ตาย คงพิจารณาว่าผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 251 ดังนี้ คดีจึงเป็นอันวาในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนานี้ ศาลเดิมและศาลอุทรศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ. อาญามาตรา 219
                                    วินัยว่าหลักฐานพะยานโจทย์ไม่พอฟัง จึงพิพากษาฟ้อง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่ฟังว่าจำเลยแทงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าให้ตาย คงพิจารณาว่าผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 251 ดังนี้ คดีจึงเป็นอันวาในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนานี้ ศาลเดิมและศาลอุทรศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ. อาญามาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2494
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจศาลในการสั่งคืนของกลางหลังยกฟ้องคดีอาญา และการระงับข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิในทางแพ่ง
                        
                        อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญา คือฐานลักทรัพย์ไม่มีคำขอทางแพ่ง ปนมาด้วย  ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแต่ให้คืนของกลางแก่ผู้เสียหายโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 49 แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเรื่องของกลาง จำเลยยังเถียงกรรมสิทธิอยู่ ควรให้ไปว่ากล่าวกันในทางแพ่ง  ส่วนในข้อหาฐานลักทรัพย์คงยกฟ้อง ดังนี้คดีอาญาที่ได้ฟ้อง ได้ถึงที่สุดแล้วโจทก์จำเลยจะฎีกาเฉพาะให้สั่งในเรื่องของกลาง ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้