พบผลลัพธ์ทั้งหมด 135 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4944/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและการห้ามฎีกา: ผลของการวินิจฉัยฟ้องซ้ำในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
แม้ในการวินิจฉัยปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำของศาลชั้นต้นจะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายก่อนมีคำพิพากษา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267ก็ตาม แต่ผลจากคำวินิจฉัยในเรื่องฟ้องซ้ำนั้นย่อมทำให้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาดังกล่าวอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่าจำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาดังกล่าวซึ่งไม่ถูกต้องก็ตาม ก็มีผลเท่ากับเป็นการยกฟ้องโจทก์ ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4933/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถยนต์: สัญญาซื้อขายเด็ดขาด แม้มีเงื่อนไขยึดคืน ผู้ซื้อสุจริตได้กรรมสิทธิ์
สัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาท มีเงื่อนไขเฉพาะวิธีการชำระราคาให้ชำระเป็นเช็ค 2 งวด หากผิดเงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้โดยไม่ได้ระบุว่าให้กรรมสิทธิ์โอนไปเมื่อผู้ขายได้รับชำระราคาครบถ้วนแล้ว เช่นนี้เป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาดกรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่วันทำสัญญา เงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้เป็นเพียงข้อกำหนดวิธีการบังคับเมื่อเกิดกรณีผิดสัญญาเท่านั้นโจทก์ผู้ซื้อรถยนต์พิพาทจากผู้ซื้อเดิมโดยสุจริตย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4933/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ตกเป็นของผู้ซื้อทันทีเมื่อซื้อขายสำเร็จ แม้มีเงื่อนไขให้ผู้ขายยึดคืนได้หากผิดสัญญา สิทธิของผู้ซื้อโดยสุจริตย่อมได้รับการคุ้มครอง
สัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาท มีเงื่อนไขเฉพาะวิธีการชำระราคาให้ชำระเป็นเช็ค 2 งวด หากผิดเงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้โดยไม่ได้ระบุว่าให้กรรมสิทธิ์โอนไปเมื่อผู้ขายได้รับชำระราคาครบถ้วน แล้ว เช่นนี้เป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาดกรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่วันทำสัญญา เงื่อนไขยอมให้ผู้ขายยึดรถคืนได้เป็นเพียงข้อกำหนดวิธีการบังคับเมื่อเกิดกรณีผิดสัญญาเท่านั้นโจทก์ผู้ซื้อรถยนต์พิพาทจากผู้ซื้อเดิมโดยสุจริตย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4875/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพมีผลต่อการลดโทษ และอำนาจศาลฎีกาแก้ไขบทลงโทษที่ศาลล่างใช้ผิด
จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยมิได้ลดโทษให้ จำเลยมิได้อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องในความผิดฐานนี้ คงเพียงแต่อุทธรณ์ขอให้ลดโทษให้จำเลยเมื่อศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยความผิดของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 และพิพากษายืน จำเลยจะฎีกาขอให้ยกฟ้องในความผิดฐานนี้อีกไม่ได้ เพราะความผิดฐานนี้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 245 แล้วทั้งยังขัดต่อคำรับสารภาพของจำเลย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แม้เฮโรอีนของกลางมีปริมาณมาก แต่จำเลยให้การรับสารภาพตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุมทำให้การพิจารณาวินิจฉัยคดีเป็นไปโดยสะดวกนับเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ถือได้ว่ามีเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมาย ความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตนั้น ศาลชั้นต้นมิได้ระบุวรรคในตัวบทมาตราที่ใช้ปรับบทลงโทษและศาลอุทธรณ์มิได้แก้ไขแม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4875/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีและอำนาจแก้ไขบทลงโทษของศาลฎีกา
จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยมิได้ลดโทษให้ จำเลยมิได้อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องในความผิดฐานนี้ คงเพียงแต่อุทธรณ์ขอให้ลดโทษให้จำเลยเมื่อศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยความผิดของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 และพิพากษายืน จำเลยจะฎีกาขอให้ยกฟ้องในความผิดฐานนี้อีกไม่ได้ เพราะความผิดฐานนี้ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 245 แล้วทั้งยังขัดต่อคำรับสารภาพของจำเลย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้เฮโรอีนของกลางมีปริมาณมาก แต่จำเลยให้การรับสารภาพตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุมทำให้การพิจารณาวินิจฉัยคดีเป็นไปโดยสะดวกนับเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ถือได้ว่ามีเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมาย
ความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตนั้น ศาลชั้นต้นมิได้ระบุวรรคในตัวบทมาตราที่ใช้ปรับบทลงโทษและศาลอุทธรณ์มิได้แก้ไขแม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้.
แม้เฮโรอีนของกลางมีปริมาณมาก แต่จำเลยให้การรับสารภาพตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุมทำให้การพิจารณาวินิจฉัยคดีเป็นไปโดยสะดวกนับเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ถือได้ว่ามีเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมาย
ความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตนั้น ศาลชั้นต้นมิได้ระบุวรรคในตัวบทมาตราที่ใช้ปรับบทลงโทษและศาลอุทธรณ์มิได้แก้ไขแม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4799/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินจากสัญญาจะซื้อจะขายและการโอนสิทธิที่ดินโดยไม่มีสิทธิ ผู้รับโอนไม่มีสิทธิที่ดีกว่าผู้โอน
คดีเดิมศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า พ. ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกับ ท. ครั้น พ. ถึงแก่กรรม ท. ได้อาศัยสิทธิตามสัญญาดังกล่าว เรียกร้องให้จำเลยที่ 5 ทายาทของ พ. ไปจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทให้แก่ตน แต่เมื่อจำเลยที่ 5ไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนให้ ท. ก็หาได้ใช้สิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 5 โอนให้ไม่ ท. จึงเป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของ พ. จนกว่าจะได้จดทะเบียนโอน สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทยังเป็นของทายาทของ พ. ซึ่งรวมถึงจำเลยที่ 5 อยู่ท. ไม่มีสิทธิยกที่ดินพิพาทให้แก่ ว. ว. จึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท การที่ ว. โอนขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ไม่ทำให้โจทก์ผู้รับโอนมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่า ว. ผู้โอน โจทก์จึงไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ในที่ดินพิพาทของโจทก์ดังโจทก์ฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4799/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินจากการซื้อขายและครอบครอง: ผลของคำพิพากษาฎีกาผูกพันคู่ความ
คดีเดิมศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า พ. ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกับ ท.ครั้นพ.ถึงแก่กรรมท. ได้อาศัยสิทธิตามสัญญาดังกล่าว เรียกร้องให้จำเลยที่ 5 ทายาทของ พ. ไปจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทให้แก่ตน แต่เมื่อจำเลยที่ 5ไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนให้ ท. ก็หาได้ใช้สิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 5 โอนให้ไม่ ท. จึงเป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของ พ. จนกว่าจะได้จดทะเบียนโอน สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทยังเป็นของทายาทของ พ. ซึ่งรวมถึงจำเลยที่ 5 อยู่ท.ไม่มีสิทธิยกที่ดินพิพาทให้แก่ว.ว. จึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท การที่ ว. โอนขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ไม่ทำให้โจทก์ผู้รับโอนมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่า ว. ผู้โอน โจทก์จึงไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ในที่ดินพิพาทของโจทก์ดังโจทก์ฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4791/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าซื้อ กรณีสัญญาเช่าซื้อระบุความรับผิดของผู้เช่าซื้อต่อความเสียหายหรือสูญหายของทรัพย์สิน
ช. ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางกับผู้ร้อง เมื่อช.ผิดสัญญาผู้ร้องก็ให้ช. ทำสัญญาเช่าซื้อใหม่ หลังจากนั้นชง ก็ผิดสัญญาอีก และสัญญาก็ระบุไว้ทำนองว่า ไม่ว่ารถยนต์บรรทุกของกลางจะเกิดความเสียหายหรือสูญหายไปด้วยประการใด ผู้เช่าซื้อก็ต้องชำระหนี้เท่ากับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ แสดงว่าผู้ร้องประสงค์จะได้ค่าเช่าซื้อเท่านั้น ผู้ร้องไม่ประสงค์จะยึดรถยนต์บรรทุกของกลางคืนเมื่อ ช. ผิดสัญญาพฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าผู้ร้องร้องขอคืนของกลางเพื่อประโยชน์ของ ช. แต่ฝ่ายเดียวจึงเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต แม้ขณะเกิดเหตุผู้ร้องยังคงเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลาง แต่ผู้ร้องก็ไม่มีพยานมาสืบว่า ผู้ร้องและ ช. มิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกของกลางกระทำผิด ซึ่งผู้ร้องมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ความดังกล่าวผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืนรถยนต์บรรทุกของกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4791/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญา และประเด็นการรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด
ข. ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางกับผู้ร้อง เมื่อข. ผิดสัญญา ผู้ร้องก็ให้ ข. ทำสัญญาเช่าซื้อใหม่ หลังจากนั้นชง ก็ผิดสัญญาอีก และสัญญาก็ระบุไว้ทำนองว่า ไม่ว่ารถยนต์บรรทุกของกลางจะเกิดความเสียหายหรือสูญหายไปด้วยประการใด ผู้เช่าซื้อก็ต้องชำระหนี้เท่ากับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ แสดงว่าผู้ร้องประสงค์จะได้ค่าเช่าซื้อเท่านั้น ผู้ร้องไม่ประสงค์จะยึดรถยนต์บรรทุกของกลางคืนเมื่อ ข. ผิดสัญญาพฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าผู้ร้องร้องขอคืนของกลางเพื่อประโยชน์ของ ข. แต่ฝ่ายเดียวจึงเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต แม้ขณะเกิดเหตุผู้ร้องยังคงเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลาง แต่ผู้ร้องก็ไม่มีพยานมาสืบว่า ผู้ร้องและ ข. มิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกของกลางกระทำผิด ซึ่งผู้ร้องมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ความดังกล่าวผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืนรถยนต์บรรทุกของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4769/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: การโต้แย้งการประเมินราคาและการมอบหมายให้รองจ่าศาลดำเนินการ
เมื่อจำเลยอ้างว่า การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ในการดำเนินการบังคับคดี กรณีก็ตก อยู่ ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ซึ่งจำเลยจะต้องเสนอเรื่องต่อศาลภายใน 8 วัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืนคือวันที่ยึดทรัพย์ เมื่อจ่าศาลได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีจากศาลแล้วย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายและมีอำนาจที่จะมอบหมายให้รองจ่าศาลไปปฏิบัติหน้าที่แทนได้ในเมื่อตนเองไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้ การมอบหมายดังกล่าวเป็นเรื่องภายในและอยู่ในความรับผิดชอบของจ่าศาลโดยตรง.