พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการและความรับผิดในสัญญาซื้อขาย: การเชิดตัวแทนเพื่อซื้อวัสดุ
จำเลยที่ 1 รับจ้างก่อสร้างโรงงานฆ่าสัตว์ให้แก่เทศบาลเมืองระยอง โดยมอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ทำสัญญาจ้างและเป็นผู้รับเงินค่าจ้างและมอบหมายให้ ส.เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างส.สั่งซื้อและรับมอบวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างจากโจทก์นำไปใช้ในการก่อสร้างโรงงานฆ่าสัตว์ดังกล่าว พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เชิดส. ออกแสดงเป็นตัวแทนของตนในการติดต่อซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างไปจากโจทก์ ดังนี้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระค่าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างให้แก่โจทก์ในฐานะเป็นตัวการ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการ-ตัวแทน: การเชิดตัวแทนทำสัญญาซื้อวัสดุก่อสร้าง จำเลยต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ทำสัญญาจ้างและรับเงินค่าจ้างแทนจำเลยที่ 1 และมอบหมายให้ ส. เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ส. เป็นผู้สั่งซื้อและรับมอบวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างจากโจทก์ โดยนำไปใช้ในการก่อสร้างที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับจ้างย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เชิด ส. ออกแสดงเป็นตัวแทนของตนในการติดต่อซื้อวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างดังกล่าวไปจากโจทก์จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในฐานะเป็นตัวการ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษ ลดโทษ และการบวกโทษในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด รวมถึงผลของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน 5 ปีรวมลงโทษจำคุก 10 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 97 คงจำคุกจำเลย 15 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี บวกโทษจำคุก 2 เดือนที่รอการลงโทษไว้ในคดีอื่นของศาลชั้นต้นเข้าด้วยรวมลงโทษ 10 ปี 2 เดือน ศาลชั้นต้นได้คำนวณการเพิ่มและลดโทษถูกต้องตาม ป.อ. มาตรา 54 และได้นำโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีอื่นมาบวกกับโทษในคดีหลังถูกต้องตาม ป.อ. มาตรา 58 วรรคหนึ่งแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร: การกระทำโดยไม่ได้รับความยินยอม และเจตนาพาไปเพื่อร่วมประเวณี
มารดาผู้เสียหายอนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาผู้เสียหายอายุ ๑๖ ปี ไปเดินเที่ยวเมื่อผู้เสียหายจะกลับบ้าน จำเลยทั้งสองไม่ยอมให้กลับ แต่พาผู้เสียหายไปบ้านที่เกิดเหตุเพื่อให้ พ. ร่วมประเวณี เป็นการพรากผู้เยาว์อายุกว่า ๑๕ ปีไปเพื่อการอนาจาร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราและพรากผู้เยาว์: การกระทำร่วมกันของจำเลยและการมีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่ออนาจาร
ส. มารดาผู้เสียหายได้อนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาผู้เสียหายไปเดิน เที่ยวเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายจะกลับบ้านจำเลยทั้งสองไม่ยอมให้กลับ แต่พาผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองทำไปโดยลำพังจะถือว่า ส. รู้เห็นยินยอมไม่ได้จำเลยทั้งสองมีเจตนาพาผู้เสียหายไปบ้านเกิดเหตุเพื่อให้ พ.ร่วมประเวณี การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร ตาม ป.อ. มาตรา 318 วรรคสาม จำเลยทั้งสองได้ช่วย กันจับมือผู้เสียหายไว้ให้ พ. ข่มขืนกระทำชำเรา จำเลยทั้งสองจึงเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: การกระทำของผู้ร่วมกระทำความผิดและการยินยอมของมารดา
มารดาผู้เสียหายอนุญาตให้จำเลยทั้งสองพาผู้เสียหายอายุ 16 ปีไปเดินเที่ยวเมื่อผู้เสียหายจะกลับบ้าน จำเลยทั้งสองไม่ยอมให้กลับแต่พาผู้เสียหายไปบ้านที่เกิดเหตุเพื่อให้ พ. ร่วมประเวณีเป็นการพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การประเมินจากบาดแผลและพฤติการณ์
ผู้เสียหายมีรอยแผลที่เอวยาว 7 ซม. มีสายยางใส่อยู่และแผลเย็บมาแล้วท้องแข็งอืด และเจ็บด้านขวามากกว่าด้านซ้าย เป็นแผลโดนของมีคมและอาจจะโดน อวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งคงต้องผ่าตัดและถ้า ไม่มีปัญหาแทรกซ้อน แผลก็จะหายในเวลา 7-10 วัน โดยไม่ปรากฏว่าของมีคมมีขนาดเท่าใด ผู้เสียหายเบิกความว่าถูกแทงเพียงครั้งเดียวแล้วคนร้ายก็หลบหนีไป ไม่ปรากฏว่ามีการแทงซ้ำหากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็น่าจะแทงซ้ำอีกเพราะไม่มีคนห้าม แม้ ศ. ผู้ตรวจรักษาผู้เสียหายจะเบิกความว่าบาดแผลผู้เสียหายถูกเส้นเลือดใหญ่ หากไม่รักษาอาจถึงตาย ได้เนื่องจากเสียเลือดมาก ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าฟังได้ว่าจำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกาย ตาม ป.อ. มาตรา 295เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนเช็คพิพาทโดยรู้ข้อตกลงจำกัดสิทธิ ทำให้ผู้รับโอนไม่มีอำนาจเรียกร้องเงินจากผู้สั่งจ่าย
ขณะรับโอนเช็คพิพาทโจทก์รู้ข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2อยู่แล้วว่าจำเลยทั้งสองได้ตกลงกันให้เช็คพิพาทเป็นเพียงเช็คค้ำประกันเงินกู้ มิให้นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินและไม่ให้โอนไปยังผู้อื่น การที่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทไว้จากจำเลยที่ 2ทั้ง ๆ ที่ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวเช่นนี้ จึงเท่ากับโจทก์กระทำโดยไม่สุจริต ถือได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คไว้โดยคบคิดกันฉ้อฉลกับจำเลยที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989 โจทก์จึงไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทมาฟ้องเรียกเก็บเงินจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในคดีอัตราโทษประหารชีวิต: ศาลต้องตั้งทนายให้ แม้จำเลยไม่ร้องขอ
คดีซึ่งมีอัตราโทษประหารชีวิต ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 173 ที่แก้ไขใหม่ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ก่อนเริ่มพิจารณา ให้ศาลถาม จำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ถ้า ไม่มีก็ให้ศาลตั้งทนายให้ เป็นคนละกรณีกับวรรคสองของบทมาตราดังกล่าวที่ศาลต้องสอบถามว่าจำเลยต้องการทนายหรือไม่ดังนั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 173 วรรคหนึ่งที่แก้ไขใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนายศาลก็ต้องตั้งทนายให้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยต้องการทนายหรือไม่ เมื่อไม่มีการตั้งทนายให้จำเลย การพิจารณาจึงเป็นการไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในคดีโทษประหาร: ศาลต้องตั้งทนายให้ แม้จำเลยไม่ต้องการ
คดีที่มีโทษประหารชีวิต ถ้าจำเลยไม่มีทนาย ศาลต้องตั้งทนายให้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยต้องการทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้ความคุ้มครองแก่จำเลยในคดีที่มีโทษประหารชีวิตเมื่อศาลตั้งทนายให้แล้วแต่จำเลยไม่ต้องการทนายก็เป็นเรื่องของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นไม่ตั้งทนายให้จำเลยจึงเป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบ