คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชุม สุกแสงเปล่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และขอบเขตความรับผิดของนายงานต่อการกระทำของคนงาน
เหตุเพลิงใหม้ เกิดจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของพนักงานหรือคนงานของจำเลยที่ 1 ในขณะปฏิบัติงานตามหน้าที่ แม้พนักงานหรือคนงานผู้ทำละเมิดอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพนักงานหรือคนงานดังกล่าวต่างปฏิบัติงานให้จำเลยที่ 1 ด้วยกัน จึงอยู่ในฐานะนายงานกับคนงานเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีส่วนผิดในการออกคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานจนเกิดความเสียหายขึ้น จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย
แม้ไม่ได้ความว่าผู้ทำละเมิดเป็นใคร แต่เมื่อฟังได้ว่าผู้ทำละเมิดเป็นพนักงานหรือคนงานของจำเลยที่ 1 ได้ทำละเมิดในขณะปฏิบัติการงานของจำเลยที่ 1 ตามหน้าที่ที่รับมอบหมาย พนักงานดังกล่าวถือได้ว่าเป็นผู้แทนอื่น ๆ ของจำเลยที่ 1 เมื่อก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และขอบเขตความรับผิดของจำเลยอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง
ผู้ทำละเมิดเป็นพนักงานหรือคนงานของจำเลยที่ 1 ได้ทำละเมิดในขณะปฏิบัติการงานของจำเลยที่ 1 ตามหน้าที่ที่รับมอบหมายพนักงานหรือคนงานดังกล่าวถือได้ว่าเป็นผู้แทนอื่น ๆ ของจำเลยที่ 1เมื่อก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 แม้พนักงานหรือคนงานผู้ทำละเมิดเป็นผู้อยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพนักงานหรือคนงานดังกล่าวต่างก็เป็นพนักงานหรือคนงานของจำเลยที่ 1 และต่างปฏิบัติหน้าที่ให้จำเลยที่ 1 ด้วยกัน จึงอยู่ในฐานะนายงานกับคนงานเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีส่วนผิดในการออกคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานจนเกิดความเสียหายขึ้น จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และขอบเขตความรับผิดของนายงานกับคนงาน
เหตุเพลิงใหม้ เกิดจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของพนักงานหรือคนงานของจำเลยที่ 1 ในขณะปฏิบัติงานตามหน้าที่แม้พนักงานหรือคนงานผู้ทำละเมิดอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 2และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพนักงานหรือคนงานดังกล่าวต่างปฏิบัติงานให้จำเลยที่ 1 ด้วยกัน จึงอยู่ในฐานะนายงานกับคนงานเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีส่วนผิดในการออกคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานจนเกิดความเสียหายขึ้น จำเลยที่ 2 และที่ 3ไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย แม้ไม่ได้ความว่าผู้ทำละเมิดเป็นใคร แต่เมื่อฟังได้ว่าผู้ทำละเมิดเป็นพนักงานหรือคนงานของจำเลยที่ 1 ได้ทำละเมิดในขณะปฏิบัติการงานของจำเลยที่ 1 ตามหน้าที่ที่รับมอบหมาย พนักงานดังกล่าวถือได้ว่าเป็นผู้แทนอื่น ๆ ของจำเลยที่ 1 เมื่อก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 76.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง: หลักการแทนกันและขอบเขตความรับผิด
ผู้ทำละเมิดเป็นพนักงานหรือคนงานของจำเลยที่ 1 ได้ ทำ ละเมิดในขณะปฏิบัติการงานของจำเลยที่ 1 ตาม หน้าที่ที่รับ มอบหมาย พนักงานหรือคนงานดังกล่าวถือ ได้ ว่าเป็นผู้แทนอื่น ๆ ของจำเลยที่ 1เมื่อก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ก็ต้อง รับผิดใช้ ค่าสินไหมทดแทนตาม ที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 76 แม้พนักงานหรือคนงานผู้ทำละเมิดเป็นผู้อยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แต่ จำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพนักงานหรือคนงานดังกล่าวต่าง ก็เป็นพนักงานหรือคนงานของจำเลยที่ 1 และต่างปฏิบัติหน้าที่ให้จำเลยที่ 1 ด้วย กัน จึงอยู่ในฐานะ นายงานกับคนงานเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีส่วนผิดในการออกคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานจนเกิดความเสียหายขึ้น จำเลยที่ 2 และที่ 3จึงไม่ต้องร่วม รับผิดด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแทนสมาคม: ต้องเป็นผู้จัดการหรือผู้แทนที่จดทะเบียนแล้ว
การเปลี่ยนตัวบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการสมาคมต้องแจ้งแก่นายทะเบียนเพื่อจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้เปลี่ยนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1284 แม้โจทก์ที่ 2 ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 แต่ก็ยังไม่ได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงให้โจทก์ที่ 2 เป็นนายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 จึงไม่ใช่ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของโจทก์ที่ 1 และแม้โจทก์ที่ 2 จะเป็นสมาชิกของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2ก็ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 ในฐานะสมาชิกสมาคมโจทก์ที่ 1 ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดที่กระทำต่อสมาคมโจทก์ที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีในความผิด ดังกล่าวในนามของตนเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการสมาคมต้องแจ้งจดทะเบียน จึงจะมีอำนาจฟ้องแทน สมาชิกสมาคมไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
การเปลี่ยนตัวบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการสมาคม ต้องแจ้งแก่นายทะเบียนเพื่อจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้เปลี่ยนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1284 เมื่อผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมยังมิได้จดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงผู้ที่ได้รับเลือกดังกล่าวย่อมไม่ใช่ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของสมาคมซึ่งเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 5(3) สมาชิกของสมาคมไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดที่กระทำต่อสมาคม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของนายกสมาคมที่ยังมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง
โจทก์ที่ 2 ได้ รับ เลือกเป็นนายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 แต่ ยังไม่ได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงให้โจทก์ที่ 2 เป็น นายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1284 โจทก์ที่ 2 จึงมิใช่ผู้จัดการ หรือผู้แทนอื่น ๆ ของโจทก์ที่ 1 ซึ่ง เป็นนิติบุคคลดังนั้น โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ในฐานะ สมาชิกสมาคมก็ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดที่กระทำต่อ สมาคมโจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องในนามส่วนตัวเช่นเดียว กัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการสมาคมต้องจดทะเบียนเพื่อให้มีอำนาจฟ้องคดีแทนสมาคม สมาชิกสมาคมไม่มีอำนาจฟ้องแทน
การเปลี่ยนตัวบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการสมาคมต้องแจ้งแก่นายทะเบียนเพื่อจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้เปลี่ยนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1284 เมื่อผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมยังมิได้จดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงผู้ที่ได้รับเลือกดังกล่าวย่อมไม่ใช่ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของสมาคมซึ่งเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 5(3) สมาชิกของสมาคมไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดที่กระทำต่อสมาคม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม พิจารณาความผิดกรรมเดียวและบทหนัก
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า การที่จำเลยปลอมขึ้นซึ่ง ดวงตราของ กระทรวงการต่างประเทศ แล้วนำไปประทับในหนังสือเดินทางให้เกิดรอยตรา ที่ประทับเหมือนของจริง จึงเป็นการปลอมหนังสือเดินทางสำเร็จบริบูรณ์สมเจตนาของจำเลยแล้ว การกระทำของจำเลยส่วนนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อ กฎหมายหลายบท ตาม ป.อ. มาตรา 265 กับมาตรา 251 ซึ่ง เป็นบทหนักกระทงหนึ่ง ส่วนการที่จำเลยนำหนังสือเดินทางปลอมซึ่ง มีรอยตรา ปลอมประทับดังกล่าวไปใช้ แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจ ประทับตราเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรนั้น การกระทำของจำเลยส่วนหลังนี้จึงเป็นการใช้เอกสารปลอมและรอยตรา ปลอมในขณะเดียว กัน เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 265 และมาตรา 252 ประกอบด้วย มาตรา 251 ต้องลงโทษตาม มาตรา 252 ซึ่ง เป็นบทหนัก แต่ ตาม มาตรา 263 กำหนดว่าผู้กระทำผิดตาม มาตรา 251 หากกระทำผิดตาม มาตราอื่นในหมวดนี้อันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดจากการกระทำความผิดนั้นด้วย ให้ลงโทษตาม มาตรา251 เพียงกระทงเดียว ดังนี้ จึงต้อง ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 251 ประกอบด้วย มาตรา 263 เพียงกระทงเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฐานะบริวารในคดีขับไล่ แม้มีคำพิพากษาเรื่องกรรมสิทธิ์ร่วม ก็ไม่เปลี่ยนแปลงฐานะเดิม
ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยขายฝากกับโจทก์ และศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีนี้มาแล้วว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้ร้องสอดซึ่งมรณะในคดีที่ผู้ร้องสอดฟ้องจำเลย และต่อมาศาลอุทธรณ์จะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีดังกล่าวให้ลงชื่อผู้ร้องสอดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้ภายหลังศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีนี้แล้วก็ตาม ก็หามีผลเปลี่ยนแปลงฐานะในคดีของผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้รับมรดกความและผู้จัดการมรดกของผู้ร้องสอดผู้มรณะในคดีนั้นให้พ้นจากฐานะบริวารจำเลยในคดีนี้ไม่ เพราะผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความโดยตรงและประเด็นข้อพิพาทก็ต่างกันกับคดีนี้ จึงยังต้องถือว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ดังที่ศาลฎีกาวินิจฉัยมาแล้ว คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้ร้องด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1).
of 47