พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3939/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งรับฟ้องก่อนการชำระค่าขึ้นศาลเป็นเหตุให้คำสั่งและกระบวนการพิจารณาต่อมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ในคดีที่โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องในเวลายื่นคำฟ้องนั้น หากศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องของโจทก์และกำหนดระยะเวลาให้โจทก์แถลงเกี่ยวกับกรณีที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้อีกฝ่ายไม่ได้ทั้ง ๆ ที่โจทก์ยังมิได้เสียค่าขึ้นศาล และศาลยังมิได้กำหนดระยะเวลาให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาล คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งรับฟ้องโจทก์ตลอดจนกระบวนพิจารณาต่อจากนั้นจนถึงคำสั่งจำหน่ายคดีย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ (2)(ก)กำหนดให้เรียกค่าขึ้นศาลเรื่องละ 200 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิปิดกิจการโรงแรมและการละเมิดสิทธิเช่าสถานที่
จำเลยได้ให้โจทก์เช่าสถานที่ซึ่งอยู่ที่ชั้นสองและเป็นส่วนการค้าของโรงแรมเพื่อประกอบกิจการตัดผมสุภาพบุรุษ อาบ อบ นวด จำเลยปิดกิจการโรงแรมชั่วคราวเพื่อปรับปรุงและปิดประตูใหญ่ภายหลังจากที่โจทก์ปิดกิจการร้านของโจทก์แล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะจำเลยปิดประตูใหญ่ โจทก์ยังมีสิทธิการเช่าอยู่ก็ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์ จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าสถานที่ค้า การบอกเลิกสัญญาเช่า ค่าเสียหายจากการหยุดประกอบการ และการปรับปรุงโรงแรม
โจทก์เป็นเจ้าของกิจการร้านบาร์เบอร์ช้อบ ตั้งอยู่ในบริเวณที่ตั้งร้านค้าของโรงแรม ร.โดยเช่าจากบริษัทร. จำกัด โดยไม่มีกำหนดเวลา ต่อมาบริษัท ร. จำกัด ขายทรัพย์สินทั้งหมดให้จำเลยมีข้อตกลงว่าจำเลยต้องรับโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าเดิมที่โจทก์มีกับบริษัท ร. จำกัด มาด้วย การที่จำเลยได้ปิดกิจการโรงแรมโดยปิดประตูใหญ่ด้านหน้าโรงแรม อันเป็นเวลาภายหลังจากที่โจทก์ปิดกิจการร้านของโจทก์แล้ว ในขณะที่โจทก์ยังมีสิทธิการเช่าอยู่ ก็ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ สัญญาเช่ากำหนดว่าโจทก์จะต้องออกจากสถานที่เช่าเมื่อจำเลยบอกกล่าวแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน ดังนี้เมื่อจำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ขอให้ส่งมอบสถานที่เช่าอ้างว่าโจทก์ค้างชำระค่าเช่า แม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยปิดกิจการเพื่อจะปรับปรุงโรงแรม โดยปิดประตูใหญ่ เสีย ก็อนุโลมได้ว่าจำเลยแจ้งให้โจทก์ส่งมอบสถานที่เช่าเพื่อปรับปรุงอาคารของโรงแรมตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าแล้ว โจทก์จะต้องย้ายออกจากสถานที่เช่าเมื่อพ้นกำหนด 60 วัน นับแต่ได้รับหนังสือของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดกิจการโรงแรมชั่วคราวไม่ถือเป็นการละเมิดสัญญาเช่า หากเป็นการกระทำที่ชอบธรรมและแจ้งให้เช่าทราบตามสัญญา
จำเลยได้ให้โจทก์เช่าสถานที่ซึ่งอยู่ที่ชั้นสองและเป็นส่วนการค้าของโรงแรมเพื่อประกอบกิจการตัดผมสุภาพบุรุษอาบ อบ นวด จำเลยปิดกิจการโรงแรมชั่วคราวเพื่อปรับปรุงและปิดประตูใหญ่ภายหลังจากที่โจทก์ปิดกิจการร้านของโจทก์แล้วแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าขณะจำเลยปิดประตูใหญ่ โจทก์ยังมีสิทธิการเช่าอยู่ก็ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3893/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทที่ออกภายใต้ข้อตกลงประนีประนอมยอมความที่มีมูลหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยทั้งสองออกให้โจทก์พร้อมกับเช็คฉบับอื่นอีก 37 ฉบับ ในการตกลงประนีประนอมยอมความกันตามหนังสือรับสภาพหนี้ อันมีมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายรวมอยู่ด้วย ดังนี้แม้เช็คพิพาทจะออกให้เพื่อชำระค่าใช้จ่าย ค่าเสียหาย ค่าทนายความแก่โจทก์ แต่ก็เป็นเช็คที่สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ที่เกี่ยวเนื่องกับหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าว หาใช่เป็นเช็คคนละส่วนคนละตอนกับมูลหนี้ตามเช็คทั้ง 37 ฉบับไม่ เมื่อหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้มีมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายรวมอยู่ด้วย หนี้ตามเช็คพิพาทซึ่งเป็นหนี้เกี่ยวเนื่องกันย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยกรณีจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2526/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำสั่งศาลโดยเจตนาของจำเลย และผลของการไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลา
จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2533 เสมียนทนายจำเลยลงชื่อในตรายางซึ่งประทับในฎีกามีความว่า "ให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว" เมื่อศาลชั้นต้นสั่งฎีกาของจำเลยและกำหนดเวลาให้จำเลยส่งสำเนาฎีกาให้อีกฝ่ายหนึ่งภายใน 7 วัน นับแต่ทราบคำสั่ง ในวันรุ่งขึ้นหลังจากจำเลยยื่นฎีกา 1 วันถือว่าเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยยอมรับว่าจะมาฟังคำสั่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2533ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ฉะนั้น แม้จำเลยจะมิได้มาฟังคำสั่ง ก็ถือว่าคำสั่งศาลนั้นได้ส่งให้จำเลยโดยชอบ และจำเลยทราบคำสั่งนั้นแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2533 ระยะเวลาสิ้นสุดที่จำเลยจะต้องนำส่งสำเนาฎีกาตามคำสั่งศาลชั้นต้นคือวันที่ 7 ธันวาคม 2533 แต่ปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2534 ว่าจำเลยมิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาในกำหนดนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: การจดวันเดือนปีที่ไม่สุจริต และความรับผิดของผู้ถือเช็ค
เช็คพิพาทเป็นเช็คผู้ถือที่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังโดยไม่ได้ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายไว้แล้วจำเลยที่ 1 มอบเช็คฉบับดังกล่าวให้แก่ ส. เมื่อปี พ.ศ. 2516ต่อมา ส. ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายเป็นวันที่ 16 เมษายน 2529แล้วจึงมอบเช็คให้โจทก์ ดังนี้ วันที่ในเช็คไม่ใช่วันที่ถูกต้องแท้จริงและไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ยินยอมให้ ส. ทำเช่นนั้นจึงจะถือว่า ส. จดวันเดือนปีที่ออกเช็คพิพาทโดยสุจริตหาได้ไม่โจทก์มีอาชีพทนายความ หากได้รับเช็คพิพาทจาก ส. เป็นค่าว่าความจริง ย่อมจะต้องทราบทันทีว่าเช็คพิพาท ผู้สั่งจ่ายเช็คมิได้ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายเอาไว้ เพราะทั้งลายมือชื่อและสีของน้ำหมึกที่จดวันเดือนปีที่สั่งจ่ายเช็คพิพาทแตกต่างจากลายมือและสีของน้ำหมึกของผู้สั่งจ่ายอย่างเห็นได้ชัด ทั้งโจทก์จะต้องทราบข้อกฎหมายว่าผู้ที่จะจดวันเดือนปีที่ออกเช็คพิพาทที่ไม่ได้ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายได้จะต้องกระทำโดยสุจริตและจดลงตามวันที่ถูกต้องแท้จริงโดยเฉพาะเช็คพิพาทโจทก์ก็ทราบว่า เป็นเช็คที่ได้ออกใช้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2516 การที่โจทก์ไม่สงสัยว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ผู้ใดเป็นผู้สั่งจ่าย และผู้ที่จดวันที่สั่งจ่ายเป็นใครนั้น นับว่าเป็นการผิดปกติวิสัยของโจทก์ซึ่งมีอาชีพทนายความ กรณีถือได้ว่าโจทก์ไม่สุจริต คบคิดกับ ส. ฉ้อฉลจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองจึงหาจำต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเก่าลงวันที่ไม่สุจริต โจทก์ทนายความรู้เห็นเป็นใจ ฉ้อฉลจำเลย ศาลไม่รับรอง
จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทอันเป็นเช็คผู้ถือมอบให้ ส. ยึดถือไว้เมื่อปี 2516 มีจำเลยที่ 2 สลักหลังโดยไม่ได้ลงวันที่ออกเช็ค ต่อมาปี 2529 ส. จึงนำเช็คพิพาทมาจดวันเดือนปีที่สั่งจ่าย แล้วมอบให้แก่โจทก์หลังจากที่จำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทให้แล้วเป็นเวลานานกว่า 13 ปี ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1ได้ยินยอมให้ ส.ทำเช่นนั้นจะถือว่าส. ได้จดวันเดือนปีที่ออกเช็คพิพาทโดยสุจริตหาได้ไม่ โจทก์เป็นทนายความ โจทก์อ้างว่าได้รับเช็คพิพาทมาจาก ส.เป็นค่าว่าความและทราบว่าเช็คพิพาทสั่งจ่ายตั้งแต่ปี 2516 เมื่อลายมือชื่อและสีของน้ำหมึกที่จดวันเดือนปีที่สั่งจ่ายเช็คพิพาทแตกต่างจากลายมือชื่อและสีของน้ำหมึกของผู้สั่งจ่ายเห็นได้ชัดโจทก์จะต้องทราบข้อกฎหมายว่าผู้ที่จะจดวันเดือนปีที่ออกเช็คพิพาทที่ไม่ได้ลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายได้จะต้องกระทำโดยสุจริต และจดลงตามวันที่ถูกต้องแท้จริง การที่โจทก์ไม่สงสัยว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ใครเป็นผู้สั่งจ่าย และผู้จดวันที่สั่งจ่ายเป็นใครนั้นเป็นการผิดปกติวิสัยของโจทก์ซึ่งมีอาชีพทนายความ โจทก์รับเช็คพิพาทจาก ส. ไว้โดยรู้ว่าเป็นเช็คที่จำเลยออกมานานกว่า 10 ปีแล้วย่อมถือว่าโจทก์ไม่สุจริตคบคิดกับ ส. ฉ้อฉลจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดวันเดือนปีเช็คหลังออกไปนานกว่า 13 ปี โดยไม่สุจริต และการร่วมกันฉ้อฉลทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คผู้ถือมอบให้ ส.ยึดถือไว้เมื่อปี 2516 มีจำเลยที่ 2 สลักหลังโดยไม่ได้ลงวันที่ออกเช็ค ต่อมาปี 2529 ส. นำเช็คมาจดวันเดือนปีที่ออกเช็คแล้วมอบให้แก่โจทก์หลังจากที่จำเลยที่ 1 ออกเช็คให้แล้วเป็นเวลานานกว่า13 ปี เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ยินยอมให้ ส. ทำเช่นนั้น จะถือว่าส. ได้จดวันเดือนปีที่ออกเช็คโดยสุจริตหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้รถยนต์ของนายจ้างโดยลูกจ้าง การรับผิดในความเสียหายจากการขับรถประมาท และการเป็นตัวแทน
จำเลยที่ 1 เป็นพลทหารเกณฑ์อยู่ใต้บังคับบัญชาของสามีจำเลยที่ 2 ก่อนเกิดเหตุสามีจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 ไปช่วยงานศพบิดาจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปในกิจการของจำเลยที่ 2 ถือได้ว่าจำเลยได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในกิจการนั้น จำเลยที่ 2ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย