พบผลลัพธ์ทั้งหมด 153 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3642/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายและสิทธิเรียกร้องให้โอนกรรมสิทธิ์เมื่อชำระราคาครบถ้วน แม้ฟ้องเรื่องครอบครอง ศาลไม่ถือว่าเป็นการพิพากษานอกฟ้อง
คำฟ้องของโจทก์นอกจากจะบรรยายว่า โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาททั้งสองแปลงโดยการครอบครองแล้ว ยังบรรยายฟ้องด้วยว่า ตามสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับ บ. มีข้อตกลงว่า เมื่อโจทก์ชำระราคาที่ดินครบถ้วนแล้ว บ. จะไปจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินให้แก่โจทก์และมีคำขอท้ายฟ้องว่า ให้จำเลยทั้งหกในฐานะทายาทของ บ. ร่วมกันไปจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงนั้นให้แก่โจทก์อีกด้วย ดังนี้ แม้คดีจะฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท แต่โจทก์นำสืบฟังได้ว่า โจทก์ชำระราคาที่ดินตามสัญญาให้ บ. ครบถ้วนแล้ว ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจวินิจฉัยว่า สัญญาระหว่างโจทก์กับ บ. เป็นสัญญาจะซื้อจะขาย และพิพากษาให้จำเลยทั้งหกซึ่งเป็นทายาทของ บ. โอนที่ดินพิพาททั้งสองแปลงนั้นให้แก่โจทก์ตามสัญญาดังกล่าวได้ ไม่เป็นการพิพากษานอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถูกตัดสิทธิรับมรดกจากพินัยกรรม
แม้ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายและเป็นผู้ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย แต่เมื่อผู้ตายได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้คัดค้านแล้ว ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1608 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาล ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมตัดมรดก: ทายาทโดยธรรมถูกตัดสิทธิในการจัดการมรดก
แม้ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายและเป็นผู้ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย แต่เมื่อผู้ตายได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้คัดค้านแล้ว ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1608 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาล ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมตัดมรดก: ทายาทโดยธรรมถูกตัดสิทธิจากการรับมรดกตามพ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์
แม้ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายและเป็นผู้ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย แต่เมื่อผู้ตายได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้คัดค้านแล้ว ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามป.พ.พ. มาตรา 1608 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อหาผู้จัดการนิติบุคคล ไม่ถือเป็นการจับกุม จึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัลตาม พ.ร.บ.บำเหน็จปราบปราม
โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดต่อ พ.ร.บ. ศุลกากรฯ คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดให้ปรับจำเลยและให้จ่ายรางวัลร้อยละ 20 ของเงินค่าปรับแก่เจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุม ดังนี้กรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยต้องดำเนินการตาม ป.วิ.อ.มาตรา 7 ซึ่งกำหนดให้ออกหมายเรียกผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆของนิติบุคคลนั้น ให้ไปยังพนักงานสอบสวนหรือศาลแล้วแต่กรณีถ้า ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกจะออกหมายจับมาก็ได้ แต่จะขังหรือปล่อยชั่วคราว ผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นไม่ได้ เพราะนิติบุคคลไม่อยู่ในสภาพที่จะให้จับกุมได้ คงให้ใช้วิธีออกหมายเรียกผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคลมาเพื่อการสอบสวนหรือพิจารณาแล้วแต่กรณีการที่ผู้ร้องที่ 1 ออกหมายเรียกกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยมาแล้วแจ้งข้อหาว่าบริษัทจำเลยกระทำความผิด จึงไม่เป็นการจับกุมและผู้ร้องที่ 1 มิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมจำเลย ผู้ร้องที่ 1 จึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัลตาม พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิดฯ มาตรา 7 และ 8.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อหาบริษัทและการไม่มีสิทธิได้รับรางวัลเนื่องจากไม่มีการจับกุมจริง
กรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไม่มีการจับกุมนิติบุคคลนั้น เพราะนิติบุคคลไม่อยู่ในสภาพที่จะให้จับกุมได้ คงให้ใช้วิธีออกหมายเรียกผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลมาเพื่อสอบสวนหรือพิจารณาแล้วแต่กรณี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7 การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้จัดการบริษัทจำเลยให้ไปพบ แล้วแจ้งข้อหาว่าบริษัทจำเลยกระทำความผิดนั้น ไม่เป็นการจับกุม ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7, 8
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อหาบริษัท ไม่ถือเป็นการจับกุม ไม่มีสิทธิรับรางวัล
กรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไม่มีการจับกุมนิติบุคคลนั้น เพราะนิติบุคคลไม่อยู่ในสภาพที่จะให้จับกุมได้คงให้ใช้ วิธีออกหมายเรียกผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลมาเพื่อสอบสวนหรือพิจารณาแล้วแต่กรณี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7 การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้จัดการบริษัทจำเลยให้ไปพบแล้วแจ้งข้อหาว่าบริษัทจำเลยกระทำความผิดนั้น ไม่เป็นการจับกุมผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้ รับรางวัลตาม พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 78.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3048/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอขยายระยะเวลาสาบานตัวในคดีอนาถา จำเป็นต้องมีเหตุผลพิเศษและชัดเจน
โจทก์ลืมเสียค่าอ้างเอกสารระหว่างพิจารณาและศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้โจทก์จัดการชำระค่าอ้างเอกสาร การที่โจทก์ทราบภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วและโจทก์ได้จัดการชำระค่าอ้างเอกสาร ขณะโจทก์ยื่นคำแก้ อุทธรณ์ก็นับว่าโจทก์ได้จัดการแก้ไขข้อหลงลืมแล้ว ไม่ทำให้การรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ถึงกับเสียไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3048/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าอ้างเอกสารที่ค้างชำระไม่ทำให้การรับฟังพยานเอกสารเสียไป หากมีการแก้ไขก่อนยื่นอุทธรณ์
โจทก์ลืมเสียค่าอ้างเอกสารและศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้โจทก์จัดการชำระค่าอ้างเอกสารนั้น การที่โจทก์ทราบภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วและโจทก์ได้จัดการชำระค่าอ้างเอกสารขณะโจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์ นับว่าโจทก์ได้จัดการแก้ไขข้อหลงลืมแล้ว ไม่ทำให้การรับฟังพยานเอกสารของโจทก์เสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3048/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าอ้างเอกสารล่าช้า ไม่กระทบการรับฟังพยานหลักฐาน หากมีการแก้ไขก่อนยื่นอุทธรณ์
โจทก์ลืมเสียค่าอ้างเอกสารและศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้โจทก์จัดการชำระค่าอ้างเอกสารนั้น การที่โจทก์ทราบภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วและโจทก์ได้จัดการชำระค่าอ้างเอกสารขณะโจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์ นับว่าโจทก์ได้จัดการแก้ไขข้อหลงลืมแล้ว ไม่ทำให้การรับฟังพยานเอกสารของโจทก์เสียไป.