พบผลลัพธ์ทั้งหมด 153 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ & การคำนวณค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อ
ปัญหาที่ว่าโจทก์นำรถคันที่เช่าซื้อ ออกขายทอดตลาดโดย ไม่สุจริต ราคาต่ำ กว่าความเป็นจริงนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้าม ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าติดตามรถ แก่โจทก์โดย ที่โจทก์มิได้ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองให้ชำระเงินจำนวนนี้ เป็นการพิพากษาเกินคำขอ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด การคำนวณค่าเสียหายและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ จากโจทก์ในราคา 66,384 บาทผ่อนชำระได้ 22,128 บาท แล้วผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาและติดตามยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนมาได้หลังจากวันทำสัญญาเช่าซื้อแล้วถึง1 ปี 5 เดือนเศษ รถยนต์ คันที่เช่าซื้อ ย่อมทรุดโทรมเสื่อมราคาไปเพราะการใช้ของจำเลยที่ 1 ราคาในขณะที่โจทก์ติดตามยึดคืนมาได้จึงต้องต่ำกว่าขณะทำสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ได้นำออกขายทอดตลาดได้เงิน13,000 บาท เมื่อนำเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระแล้วมารวมกับเงินที่โจทก์ได้จากการขายทอดตลาดแล้วยังต่ำกว่าราคาเช่าซื้อ ประกอบกับตามสัญญาเช่าซื้อระบุให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ตลอดจนค่าเสื่อมราคาเมื่อมีการเลิกสัญญาเช่าซื้อ จึงเห็นได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญา และจำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด การคำนวณค่าเสียหายจากรถยนต์เสื่อมสภาพ และขอบเขตการบังคับชำระหนี้
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ จากโจทก์ในราคา 66,384 บาทผ่อนชำระได้ 22,128 บาท แล้วผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาและติดตามยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อ คืนมาได้ หลังจากวันทำสัญญาเช่าซื้อแล้วถึง1 ปี 5 เดือนเศษ รถยนต์ คันที่เช่าซื้อ ย่อมทรุดโทรมเสื่อมราคาไปเพราะการใช้ของจำเลยที่ 1 ราคาในขณะที่โจทก์ติดตาม ยึดคืนมาได้จึงต้องต่ำกว่าขณะทำสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ได้ นำออกขายทอดตลาดได้เงิน13,000 บาท เมื่อนำเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระแล้วมารวมกับเงินที่โจทก์ได้จากการขายทอดตลาดแล้วยังต่ำ กว่าราคาเช่าซื้อ ประกอบกับตามสัญญาเช่าซื้อระบุให้จำเลยที่ 1 ต้อง รับผิดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆตลอดจนค่าเสื่อมราคาเมื่อมีการเลิกสัญญาเช่าซื้อ จึงเห็นได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญา และจำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ & การพิพากษาเกินคำขอในคดีเช่าซื้อ
ปัญหาที่ว่าโจทก์นำรถคันที่เช่าซื้อออกขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตราคาต่ำกว่าความเป็นจริงนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าติดตามรถแก่โจทก์โดยที่โจทก์มิได้ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวนนี้เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตอุทธรณ์ต้องมีบันทึกเหตุผลชัดเจนตามกฎหมาย
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นผู้มีอำนาจที่จะอนุญาตให้คดีขึ้นสู่ การพิจารณาของศาลสูง จะต้อง บันทึกข้อความลงไว้ให้ครบหลักเกณฑ์ ทั้งสองประการตาม ที่มีกำหนดไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 193 ตรี โดย ชัดเจนคือ จะต้อง บันทึกความเห็นของตน ให้ได้ความว่า ข้อความที่ตัดสินไปเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ประการหนึ่งและอีกประการหนึ่งจะต้อง บันทึกยืนยันด้วย ว่าตน อนุญาตให้อุทธรณ์ได้ การที่สั่งว่า"อนุญาตให้อุทธรณ์" เพียงเท่านี้ ยังถือ ไม่ ได้ว่ามีการอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงโดย ชอบด้วย กฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งที่ดินมรดก: ศาลพิจารณาความเสียหายจากการแบ่งแยก และการครอบครองที่ดินเป็นส่วนสัด
โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทร่วมกันคนละครึ่ง จำเลยครอบครองส่วนด้านทิศเหนือ โจทก์ครอบครองส่วนด้านทิศใต้ โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอแบ่งตาม ความยาวของรูปที่ดินประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 บัญญัติเรื่องการแบ่งที่ดินระหว่างเจ้าของรวมว่า "...ถ้าเจ้าของรวมไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์สินอย่างไรไซร้ เมื่อเจ้าของรวมคนหนึ่งคนใดขอศาลอาจสั่งให้เอาทรัพย์สินนั้นออกแบ่ง..." เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการแบ่งที่ดินพิพาทตามความยาวของรูปที่ดินน่าจะทำให้เกิดความเสียหายมากถึงขนาดต้องรื้อบ้านจำเลย ซึ่งบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นไม่มีความประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น และทั้งโจทก์จำเลยได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทออกครอบครองเป็นส่วนสัดอยู่แล้ว จึงไม่ชอบที่จะแบ่งตามความยาวของรูปที่ดินดังที่โจทก์ขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งที่ดินมรดก เจ้าของร่วมครอบครองแล้ว ศาลไม่อนุมัติแบ่งตามความยาวรูปที่ดินหากเกิดความเสียหาย
โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทร่วมกันคนละครึ่งจำเลยครอบครองส่วนด้าน ทิศเหนือ โจทก์ครอบครองส่วนด้าน ทิศใต้โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอแบ่งตาม ความยาวของรูปที่ดินประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 บัญญัติเรื่องการแบ่งที่ดินระหว่างเจ้าของรวมว่า "...ถ้า เจ้าของรวมไม่ตกลง กันว่าจะแบ่งทรัพย์สินอย่างไรไซร้ เมื่อเจ้าของรวมคนหนึ่งคนใดขอศาลอาจสั่งให้เอาทรัพย์สินนั้นออกแบ่ง..." เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการแบ่งที่ดินพิพาทตาม ความยาวของรูปที่ดินน่าจะทำให้เกิดความเสียหายมากถึง ขนาดต้อง รื้อบ้านจำเลย ซึ่ง บทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นไม่มีความประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น และทั้งโจทก์จำเลยได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทออกครอบครองเป็นส่วนสัดอยู่แล้ว จึงไม่ชอบที่จะแบ่งตาม ความยาวของรูปที่ดินดัง ที่โจทก์ขอ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดีฆ่าเนื่องจากพฤติการณ์ที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา
จำเลยกับ ส. ฝ่ายหนึ่ง และผู้ตาย โจทก์ร่วม กับ ม.อีกฝ่ายหนึ่งได้ ชกต่อยกัน สาเหตุที่ทั้งสองฝ่ายชกต่อยกันเป็นการสมัครใจวิวาทกัน การที่จำเลยให้การยอมรับว่าได้ ใช้ อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง และนำสืบว่าจำเลยเรียก ส. ซึ่ง เป็นหลานของจำเลยให้ออกมาชกต่อยกับโจทก์ร่วม นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาและมิได้เกิดจากการจำนนต่อ พยานหลักฐาน จึงมีเหตุสมควรที่จะลดโทษให้จำเลยตาม ป.อ. มาตรา 78.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินซื้อระหว่างสมรส: การโอนที่ดินให้มารดาจำเลยไม่ทำให้ที่ดินนั้นพ้นจากความเป็นสินสมรส
จำเลยยื่นความจำนง ขอซื้อ ที่ดิน พิพาทจากกองทัพอากาศ และจำเลยยอมให้กองทัพอากาศหัก เงินเดือน ของจำเลยทุกเดือนเป็นการผ่อนชำระราคาที่ดิน เมื่อผ่อนชำระครบถ้วนแล้ว ผู้ขายได้ จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยในระหว่างสมรส ดังนี้ ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ข้ามประเทศ การไม่ปฏิบัติตามสัญญาเนื่องจากเหตุผลทางการเมืองไม่ถือเป็นพ้นวิสัย
จำเลยนำรถยนต์ เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดย จำเลยทำสัญญาไว้ต่อ โจทก์ว่าจะส่งรถยนต์ คันดังกล่าวกลับออกไปภายในเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นจำเลยยอมรับผิดชำระเงินแก่โจทก์ การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม สัญญา อ้างว่าเป็นการพ้นวิสัยเนื่องจากประเทศที่จำเลยจะส่งรถยนต์ กลับออกไปตาม สัญญานั้นเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยใช้ สิทธิการปกครองแตกต่าง กับประเทศไทย จำเลยไม่กล้านำรถยนต์ กลับออกไปยังประเทศดังกล่าว ดังนี้ เป็นเพียงจำเลยไม่กล้านำรถยนต์ กลับออกไปเท่านั้น ไม่ใช่จำเลยกระทำไม่ได้ การชำระหนี้ของจำเลยไม่เป็นการพ้นวิสัย จำเลยต้อง ชำระเงินแก่โจทก์.