พบผลลัพธ์ทั้งหมด 153 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6323/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับแนวเขตที่ดินเดิมทำให้การครอบครองปรปักษ์สิ้นสุดลง แม้ครอบครองก่อนแต่สละเจตนาแล้ว
โจทก์ขอออกโฉนดที่ดินของตน ได้ชี้แนวเขตที่ดินด้านที่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยตามหลักเขตที่จำเลยนำชี้ไว้เดิม จำเลยลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ว่าถูกต้อง เชื่อได้ว่าจำเลยยอมรับมาแต่แรกว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ดังนั้น แม้จะฟังตามที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทมาก่อน ก็ถือว่าจำเลยสละเจตนาครอบครองแล้ว การครอบครองที่มีมาก่อนย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 การครอบครองของจำเลยซึ่งเริ่มใหม่หลังจากวันที่จำเลยรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ถึงวันฟ้องยังไม่ครบ 10 ปี จำเลยย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6006/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีต้องมีหนี้ที่หักกลบลบกันได้ วัตถุแห่งหนี้ต้องเหมือนกัน
การที่จำเลยจะมีสิทธิขอให้ศาลมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีต้องเป็นกรณีที่ปรากฏว่าหนี้ที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอื่นในศาลเดียวกันนั้นเป็นหนี้ที่อาจหักกลบลบหนี้กันได้กับหนี้ตามคำพิพากษาในคดีที่จำเลยขอให้งดการบังคับคดีไว้นั้น เมื่อปรากฏว่าคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์นั้นเป็นการฟ้องเรียกให้โจทก์ชำระหนี้เป็นเงินแก่จำเลย ส่วนหนี้ที่ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระให้โจทก์ในคดีนี้เป็นหนี้ให้แบ่งทรัพย์สิน วัตถุแห่งหนี้ในคดีดังกล่าวจึงมิได้มีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันกับหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ หนี้ตามตามคำพิพากษาในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์จึงไม่อาจนำไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ของโจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะขอให้งดการบังคับคดีในคดีนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 293
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5631/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การที่ไม่ชัดเจนถือเป็นปฏิเสธไม่ได้, ข้อเท็จจริงใหม่ไม่อุทธรณ์ได้, หนี้เช็คถึงกำหนดชำระทันที
คำให้การที่ว่า ว.จะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์หรือไม่ไม่ทราบ และไม่รับรองนั้น เป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ถือไม่ได้ว่าเป็นคำให้การปฏิเสธ จึงรับฟังได้ตามฟ้องว่า ว. เป็นกรรมการของโจทก์และมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ ในคำให้การต่อสู้คดีทำนองว่า พนักงานของโจทก์หลอกลวงให้ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันซึ่งยังมิได้กรอกข้อความ แต่ในฎีกากลับอ้างว่าพนักงานของโจทก์กรอกจำนวนเงินในสัญญาค้ำประกันที่จะต้องรับผิดเกินกว่าวงเงินที่ตกลงกันไว้ ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นอ้างในฎีกา จึงไม่ใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้ หนี้ตามเช็คเป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แน่นอนตามวันแห่งปฏิทิน เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้สั่งจ่ายจึงตกเป็นผู้ผิดนัดทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน ตาม ป.พ.พ.มาตรา 204 วรรคสอง และโจทก์มีสิทธิเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้ทันทีโดยมิต้องบอกกล่าวตาม ป.พ.พ. มาตรา 686.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5493/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลฎีกาในการแก้ไขโทษที่สูงเกินไป และขยายผลถึงจำเลยที่ไม่ฎีกา
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าโทษที่ศาลล่างกำหนดมานั้นสูงเกินไปศาลฎีกามีอำนาจกำหนดโทษให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี และให้มีผลไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5493/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลฎีกาแก้ไขโทษที่สูงเกินไป และมีผลถึงจำเลยร่วม
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าโทษที่ศาลล่างกำหนดมานั้นสูงเกินไป ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดโทษให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี และให้มีผลไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5245/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาค้ำประกันต้องมีเหตุตามสัญญาหรือกฎหมาย การบอกเลิกโดยฝ่ายเดียวเป็นโมฆะ
การจะบอกเลิกสัญญากันได้ต้องอาศัยข้อสัญญาหรือกฎหมายที่มีบทบัญญัติให้เลิกสัญญาได้ ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ไม่ได้กำหนดให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ผู้ค้ำประกันมีสิทธิเลิกสัญญาได้ทั้งข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าฝ่ายโจทก์ได้มีหนังสือตอบปฏิเสธไม่ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 บอกเลิกสัญญาค้ำประกันสัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จึงยังไม่ระงับไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5245/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธการรับมอบเงินกู้ และการบอกเลิกสัญญาค้ำประกัน จำเลยต้องแสดงเหตุผลชัดแจ้งตามกฎหมาย
จำเลยกล่าวในคำให้การว่า ไม่รับรองว่าจะมีการส่งมอบเงินกู้ครบถ้วนจำนวนตามสัญญาหรือไม่ เพราะไม่ปรากฏจำนวนเงินนั้นทางเอกสารใด นอกจากสัญญารูปแบบมาตรฐานที่โจทก์ทำไว้ก่อนมีการลงนาม จำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธให้ชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับเงินกู้ไปตามสัญญา ทั้งมิได้ให้เหตุผลว่าเหตุใด โจทก์จึงไม่ได้ส่งมอบเงินให้จำเลยที่ 1 เหตุแห่งคำให้การปฏิเสธของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบตามข้อกล่าวอ้างของตน การจะบอกเลิกสัญญากันได้นั้น ต้องอาศัยข้อสัญญาหรือกฎหมายที่มีบทบัญญัติให้เลิกสัญญาได้ จะเลิกสัญญาเอาเองโดยไม่มีข้อสัญญายินยอมกันหรือไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เลิกสัญญานั้นไม่ได้ สัญญาค้ำประกันเงินกู้ ไม่ได้กำหนดเป็นข้อสัญญาให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6ฝ่ายผู้ค้ำประกันมีสิทธิเลิกสัญญาได้ และโจทก์ปฏิเสธไม่ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 บอกเลิกสัญญา ดังนี้สัญญาค้ำประกันยังไม่ระงับไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4740/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลอุทธรณ์พิพากษานอกฟ้อง: อำนาจศาลในการวินิจฉัยแม้คู่ความมิได้ฎีกา หากเป็นปัญหาสาธารณะ
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นาย ล.ไม่ได้ยกที่พิพาทให้โจทก์ ที่พิพาทจึงไม่ใช่ของโจทก์โจทก์ไม่ฎีกา ข้อเท็จจริงฟังว่าที่พิพาท ไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้การที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวโดยเมื่อปรากฏว่าบริเวณที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้รื้อนั้นอยู่นอกบริเวณที่พิพาทกัน จึงเป็นการ พิพากษา นอกฟ้องนอกประเด็นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ปัญหาว่าศาลพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกาศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4726/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เสียหายโดยนิตินัยในความผิดเช็ค: เจ้าของเงินกู้ที่แท้จริง
จำเลยกู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย ส่วน ภ. เป็นเพียงตัวแทนของผู้เสียหายในการให้จำเลยกู้ยืมเงิน ดังนั้นความเสียหายที่แท้จริง จึงอยู่ที่ผู้เสียหายผู้เป็นเจ้าของเงินกู้ เมื่อเช็คที่จำเลย สั่งจ่ายถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายย่อมได้รับ ความเสียหาย จึงถือว่าเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4697/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายได้จากการค้าขายอาหารเพียงพอต่อการดำรงชีพ แม้ได้รับส่วนแบ่งจากหญิงค้าประเวณี ไม่ถือเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 286
เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบว่า รายได้ของจำเลยจากการค้าขายอาหารไม่เพียงพอสำหรับดำรงชีพ ดังนั้น แม้จำเลย จะได้รับเงินส่วนแบ่งจากหญิงซึ่งค้าประเวณี การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 286.