พบผลลัพธ์ทั้งหมด 382 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้เถื่อน: การมีส่วนร่วมและเจตนาของผู้ครอบครอง
ก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะเข้าจับกุมไม้แปรรูปและมิได้แปรรูปของกลาง เจ้าพนักงานสืบสวนแล้วทราบว่าบริเวณโรงสีของจำเลยที่ 2 ที่เกิดเหตุเป็นแหล่งลักลอบขนไม้เถื่อน จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและดำเนินกิจการเกี่ยวกับโรงสีทุกอย่างในเมื่อจำเลยที่ 2ไม่อยู่ หากจำเลยที่ 1 มิได้มีส่วนร่วมในการมีไม้ของกลางไว้ในครอบครอง ก็ไม่มีเหตุอันใดที่จำเลยที่ 1 จะปล่อยให้รถบรรทุกไม้จำนวนถึง 13 คันคลุมด้วยผ้าใบเข้าไปจอดในบริเวณโรงสีซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด บางคันซุกซ่อนอยู่ในโกดังโดยจำเลยที่ 1 ไม่ตรวจสอบ และเมื่อถูกจับกุมจำเลยที่ 1 ก็ให้การว่าเคยพบเห็นรถบรรทุกในลักษณะนี้เข้ามาจอดในโรงสีหลายครั้งแล้ว จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของโรงสีถ้ามิได้มีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำผิดด้วยแล้วก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะยินยอมให้รถบรรทุกไม้ของกลางเข้ามาจอดในโรงสีของตนได้เช่นนั้น จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นตัวการมีไม้แปรรูปและมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาซี่ลวดรถจักรยานยนต์ผิดพลาด และสิทธิในการอุทธรณ์ภาษีการค้า/บำรุงเทศบาล
แม้โจทก์ได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าแล้ว แต่ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคืนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการกักยึดสินค้าเพื่อดำเนินคดีอาญา
สินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นซี่ลวดและหัวซี่ลวด รถจักรยานยนต์แต่การที่โจทก์คัดค้านโดยขอสงวนสิทธิโต้แย้งราคาและอัตรากำไรแสดงว่าโจทก์ยังยืนยันว่าสินค้าที่นำเข้าเป็นซี่ลวดและตัวซี่ลวดรถจักรยาน อันเป็นมูลเหตุให้ดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ฐานสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องการเสียภาษีอากรได้ จำเลยย่อมมีอำนาจยึดสินค้าไว้ได้จนกว่าคดีอาญาจะถึงที่สุด การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยประเมินราคาของเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้คำนวณตามราคาแท้จริงในท้องตลาดในเวลาที่โจทก์นำเข้าสำเร็จ และคำนวณอากรขาเข้าจากราคาดังกล่าวจึงเป็นการประเมินที่ไม่ชอบ จำเลยจึงต้องประเมินอากรขาเข้าใหม่ให้ถูกต้อง และคืนอากรขาเข้าเฉพาะส่วนที่เกินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยของจำนวนที่ต้องคืนโดยไม่คิดทบต้น ส่วนภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลนั้น แม้โจทก์จะได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าแล้ว ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีดังกล่าวคืนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากรและภาษีที่ถูกต้อง การอุทธรณ์ภาษี และการกักยึดสินค้า
แม้โจทก์ได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าแล้ว แต่ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม ประมวลรัษฎากรมาตรา 30 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคืนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในคดีอาญาขึ้นอยู่กับผู้เสียหายที่แท้จริงและหลักการแทนกันได้ทางแพ่ง
บ.โอนเงินจำนวน 500,000 บาท ให้แก่โจทก์ร่วมโดยผ่านทางธนาคาร โจทก์ร่วมมีเพียงหน้าที่เบิกเงินดังกล่าวมามอบให้แก่จำเลยตามคำสั่งของนายบ.เท่านั้น โจทก์ร่วมจึงเป็นเพียงตัวแทนของบ. หาได้เป็นผู้รับฝากเงินดังกล่าวจากนายบ.ไม่ เมื่อโจทก์ร่วมมอบเงินให้แก่จำเลยรับไปตามคำสั่งของนายบ.แล้ว ความรับผิดชอบในเงินจำนวนดังกล่าวของโจทก์ร่วมในฐานะตัวแทนก็หมดหน้าที่และความรับผิดชอบต่อนายบ. ตัวการ แม้จำเลยไม่ได้นำเงินไปมอบให้แก่ ป.ต่อไป โจทก์ร่วมก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อ บ. เกี่ยวกับเงินจำนวนดังกล่าว โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์กรณีนี้ผู้ได้รับความเสียหายคือ บ. คดีความผิดอันยอมความได้เมื่อไม่ปรากฏว่า บ.ได้ร้องทุกข์แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในคดีอาญา: ตัวแทนไม่ใช่ผู้เสียหายเมื่อส่งมอบเงินตามคำสั่ง
เงินที่บ.โอนมาให้โจทก์ร่วมโดยผ่านทางธนาคารเพื่อให้นำไปชำระราคาซื้อที่ดินแก่ป.นั้น โจทก์ร่วมมีหน้าที่เพียงเบิกจากธนาคารมามอบให้แก่จำเลยตามคำสั่งของบ.เท่านั้น โจทก์ร่วมจึงจึงเป็นเพียงตัวแทนของบ. หาได้เป็นผู้รับฝากเงินจากบ.ไม่เมื่อโจทก์ร่วมได้มอบเงินให้แก่จำเลยรับไปตามคำสั่งแล้วโจทก์ร่วมก็หมดหน้าที่และความรับผิดชอบในเงินดังกล่าวต่อบ.ตัวการแม้จำเลยจะยักยอกเงินนั้นเสียไม่ได้นำไปมอบให้แก่ป.โจทก์ร่วมก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อบ.เกี่ยวกับเงินนี้ โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจร้องทุกข์ กรณีนี้ผู้เสียหายคือบ. เมื่อเป็นคดีอันยอมความได้และไม่ปรากฏว่าบ.ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ, สัญญาเช่าซื้อ, อายุความฟ้องเรียกทรัพย์คืน, เบี้ยปรับ, ความเสียหายจากอุบัติเหตุ
สำเนาภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ให้ผู้อื่นลงชื่อเป็นผู้ให้เช่าซื้อแทน โดยมีเจ้าหน้าที่รับรองถึงความถูกต้องเพราะต้นฉบับได้มีการอ้างส่งไว้ในสำนวนคดีของศาล และจำเลยก็มิได้คัดค้านว่าสำเนาไม่ถูกต้อง กรณีนี้จึงไม่จำต้องใช้ต้นฉบับก็รับฟังได้ และหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือมอบอำนาจทั่วไป ไม่จำต้องระบุว่าจะให้ผู้รับมอบอำนาจทำสัญญากับผู้ใด สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่ทำขึ้นก็ไม่เป็นโมฆะ สัญญาเช่าซื้อมีข้อตกลงว่าในกรณีที่รถเสียหายทั้งสิ้น หรือถูกทำลายสิ้นเชิงหรือไม่สามารถซ่อมแซมดังเดิมได้ ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระค่าเช่าซื้อส่วนที่ค้างทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อนั้น ข้อกำหนดดังกล่าวใช้บังคับได้ โดยมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ หากพฤติการณ์ปรากฏว่าสูงเกินส่วน ศาลอาจลดลงได้ การฟ้องขอให้คืนทรัพย์ที่เช่าซื้อ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น เป็นการที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์คืนจึงมีอายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ.มาตรา 164 มิใช่มีอายุความ6 เดือนหรือ 2 ปี ตามมาตรา 562,563 หรือ มาตรา 165(6).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำความผิดชิงทรัพย์ ข่มขืนใจ และการยอมความที่ไม่สมบูรณ์
จำเลยกระทำผิดไปด้วยอารมณ์โกรธแค้นที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดโดยมิได้มุ่งประสงค์ต่อผลในการแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวโดยแท้จริง จึงเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาในการที่จะมุ่งกระทำการลักเข็มขัดของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แต่การที่จำเลยขู่เข็ญผู้เสียหายให้ส่งเข็มขัดให้ย่อมเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้กระทำตามที่จำเลยประสงค์ โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก ผู้เสียหายเบิกความและยื่นคำร้องฝ่ายเดียวต่อศาลว่าการกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาที่จะทำการชิงทรัพย์เพราะเป็นการเข้าใจผิด รู้เท่าไม่ถึงการณ์และจำเลยเป็นนักศึกษา ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความใด ๆ กับจำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความแต่พอถือได้ว่าเป็นคำแถลงที่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยและขอให้ศาลปราณีเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาชิงทรัพย์: การกระทำด้วยอารมณ์โกรธแค้น ไม่เข้าข่ายความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นการข่มขืนใจ
จำเลยกับผู้เสียหายเป็นนักศึกษาต่างสถาบัน นักศึกษาของสถาบันทั้งสองเคยมีเรื่องวิวาทชกต่อยกันเป็นประจำ จำเลยเคยถูกนักศึกษาสถาบันเดียวกับผู้เสียหายทำร้ายด้วยมีดได้รับบาดเจ็บ และเคยถูกถีบตกลงจากรถยนต์โดยสาร การที่จำเลยกระชากคอเสื้อและพูดขู่ผู้เสียหายให้ถอดเข็มขัดของผู้เสียหายให้จำเลยเมื่อพบกันในศูนย์การค้าโดยเข็มขัดดังกล่าวมีหัวเข็มขัดที่นักศึกษาสถาบันการศึกษาของผู้เสียหายใช้เท่านั้น และมีราคาเพียง 30 บาท ซึ่งจำเลยไม่สามารถนำไปใช้หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินได้ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปด้วยอารมณ์โกรธแค้น มิได้ประสงค์ต่อผลในการแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวโดยแท้จริงจึงเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาลักทรัพย์ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แต่การที่จำเลยขู่เข็ญให้ผู้เสียหายส่งเข็มขัดให้แก่จำเลย เป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้กระทำตามที่จำเลยประสงค์ โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่อเสรีภาพตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยข้อหาชิงทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดินอันไม่อาจยอมความได้ การที่ผู้เสียหายเบิกความและยื่นคำร้องแต่ฝ่ายเดียวว่า การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาที่จะชิงทรัพย์ เพราะเป็นการเข้าใจผิดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และจำเลยเป็นนักศึกษาอยู่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลย ถือได้แต่เพียงว่าเป็นคำแถลงที่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยและขอให้ศาลปรานีจำเลยเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายกับจำเลยยอมความกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากรต้องใช้ราคาที่แท้จริงในท้องตลาดและคำนึงถึงปริมาณสินค้า
เมื่อโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินที่ชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคืน เมื่อราคาสินค้าที่โจทก์ซื้อและสำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าของโจทก์เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดการประเมินของจำเลยที่กำหนดราคาสินค้าเพิ่มขึ้นจึงเป็นการไม่ชอบจำเลยต้องคืนอากรขาเข้าที่เรียกเก็บไว้เกินให้แก่โจทก์