คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประจักษ์ พุทธิสมบัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 382 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีอากร, อายุความทางภาษีอากร, และอำนาจฟ้องคดีภาษีการค้า/ภาษีบำรุงเทศบาล
เจ้าพนักงานกรมศุลกากรเรียกให้โจทก์เสียภาษีอากรเพิ่มซึ่งมีทั้งอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล ถือได้ว่ามีการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามประมวลรัษฎากรแล้วหากโจทก์เห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้องก็ชอบที่จะอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30แม้การเรียกเก็บภาษีการค้ากับภาษีบำรุงเทศบาลจะเกี่ยวเนื่องกับการเรียกเก็บภาษีอากรขาเข้า ก็ไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจอุทธรณ์การประเมินต่อกรมศุลกากรแทนได้ การที่โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อกรมศุลกากรจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามประมวลรัษฎากร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การที่พนักงานของจำเลยสั่งให้โจทก์เสียภาษีอากรขาเข้าเพิ่มเติม หากโจทก์เห็นว่าไม่ควรเสียก็ต้องร้องขอคืนเงินอากรที่เสียเพิ่มภายใน 2 ปี นับแต่นำสินค้าเข้า ตาม พ.ร.บ. ศุลกากรฯพ.ศ. 2469 มาตรา 10 วรรคห้า ปรากฏว่าเจ้าพนักงานของจำเลยสั่งให้โจทก์เสียอากรเพิ่มตามใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้ารวม5 ใบ ซึ่งโจทก์นำสินค้าเข้าครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 กันยายน2529 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2531 เกินกว่า 2 ปี คดีจึงขาดอายุความ และเมื่อมีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะแล้วจะนำอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6033/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและความผิดฐานพาอาวุธในที่สาธารณะ ศาลพิจารณาจากหลักฐานการอนุญาตและเหตุผลในการพาอาวุธ
จำเลยพาอาวุธปืนสั้นติดตัวมาในบริเวณหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง และไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวนั้นเป็นอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวไปนั้น เป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย
แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้ก็ตาม แต่ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6033/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลพิจารณาโทษและแก้ไขคำพิพากษา
จำเลยพาอาวุธปืนสั้นติดตัวมาในบริเวณหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง และไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวนั้นเป็นอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวไปนั้น เป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้ก็ตาม แต่ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5981/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเดินสะพัดสิ้นสุดเมื่อครบกำหนด หากไม่มีการต่ออายุ โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นต่อ
จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์มีกำหนดระยะเวลาของสัญญา 12 เดือนตามสัญญานี้โจทก์ยอมให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีและจำเลยต้องนำเงินเข้าบัญชี มีการหักทอนบัญชีกันเป็นระยะ จึงเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดด้วย นับแต่วันสิ้นสุดสัญญาไม่ปรากฏว่าจำเลยได้นำเงินเข้าบัญชีและโจทก์ยอมให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีอีก จึงไม่มีการเดินสะพัดและหักทอนบัญชีกันต่อไปอีก พฤติการณ์แสดงว่าโจทก์ จำเลยไม่ประสงค์จะต่ออายุสัญญาอีกต่อไป ถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดสิ้นสุดลงนับแต่วันที่ตกลงกันกำหนดไว้ในสัญญา ตามนัยป.พ.พ. มาตรา 856 โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นต่อไปอีกนับแต่วันสิ้นสุดสัญญา สิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นคงมีเพียงวันสุดท้ายแห่งบัญชีเดินสะพัดเท่านั้น ตามนัยแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 655 วรรคสอง. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2533)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5981/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเดินสะพัดสิ้นสุดเมื่อครบกำหนดตามสัญญา แม้จะยังมิได้บอกเลิก
จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์มีกำหนดระยะเวลาของสัญญา 12 เดือน ตามสัญญานี้โจทก์ยอมให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชี และจำเลยต้องนำเงินเข้าบัญชี มีการหักทอนบัญชีกันเป็นระยะ จึงเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดด้วย
นับแต่วันสิ้นสุดสัญญาไม่ปรากฏว่าจำเลยได้นำเงินเข้าบัญชีและโจทก์ยอมให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีอีก จึงไม่มีการเดินสะพัดและหักทอนบัญชีกันต่อไปอีก พฤติการณ์แสดงว่าโจทก์ จำเลยไม่ประสงค์จะต่ออายุสัญญาอีกต่อไป ถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดสิ้นสุดลงนับแต่วันที่ตกลงกันกำหนดไว้ในสัญญา ตามนัยป.พ.พ. มาตรา 856 โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นต่อไปอีกนับแต่วันสิ้นสุดสัญญา สิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นคงมีเพียงวันสุดท้ายแห่งบัญชีเดินสะพัดเท่านั้น ตามนัยแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 655 วรรคสอง.
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2533)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5931/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ต้องพิสูจน์ประกาศกระทรวง
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7(1) บัญญัติว่าเฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง ประเภท 1 แล้ว โจทก์จึงไม่ต้องนำสืบว่ามีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และปิดประกาศให้ประชาชนทราบแล้วอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5931/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามกฎหมายโดยไม่ต้องมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 7 (1) บัญญัติว่าเฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง ประเภท 1 แล้ว โจทก์จึงไม่ต้องนำสืบว่ามีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และปิดประกาศให้ประชาชนทราบแล้วอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5929/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองลิขสิทธิ์งานต่างประเทศ: โจทก์ต้องพิสูจน์การคุ้มครองตามกฎหมายฮ่องกงหรืออังกฤษอย่างชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์งานสร้างสรรค์ประเภทโสตทัศนวัสดุแถบ บันทึกภาพ (วีดีโอ เทป) ภาพยนตร์มีชื่อภาษาไทยว่า คิงคอง ภาค 2 ของบริษัทอินเตอร์คอนติเนนตัลฟิล์มดิสตริบิวเตอร์ส์ (ฮ่องกง) จำกัดผู้เสียหายซึ่งเป็นนิติบุคคล เป็นงานมีลิขสิทธิ์ตามกฎหมายฮ่องกง ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์และประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย กฎหมายของประเทศฮ่องกงได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆ แห่งอนุสัญญาดังกล่าวเป็นคำบรรยายฟ้องที่มีข้อความสำคัญแสดงให้เห็นว่า แถบ บันทึกภาพยนตร์ของผู้เสียหายตามฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มีข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการบรรยายฟ้องแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5719/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: การกระทำเร่งรีบรื้อย้ายคอกหมูเมื่อถูกทักท้วง แสดงพิรุธรับรู้ว่าไม้เป็นของที่ได้มาโดยมิชอบ
ไม้ของกลางของผู้เสียหายได้หายไป ผู้เสียหายพบว่าไม้ที่หายถูกนำไปใช้ทำคอกหมูของจำเลย จึงขอคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ขณะผู้เสียหายไปแจ้งความจำเลยรีบรื้อคอกหมูและขนย้ายไม้ดังกล่าวของผู้เสียหายไป แสดงว่าจำเลยรับไม้ดังกล่าวไว้จากคนร้ายโดยรู้ว่าเป็นไม้ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5719/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: พฤติการณ์เร่งรื้อย้ายไม้หลังแจ้งความเป็นเหตุให้เชื่อว่าจำเลยรู้ว่าเป็นของลักมา
ไม้ของกลางของผู้เสียหายได้หายไป ผู้เสียหายพบว่าไม้ที่หายถูกนำไปใช้ทำคอกหมูของจำเลย จึงขอคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ขณะผู้เสียหายไปแจ้งความจำเลยรีบรื้อคอกหมูและขนย้ายไม้ดังกล่าวของผู้เสียหายไป แสดงว่าจำเลยรับไม้ดังกล่าวไว้จากคนร้ายโดยรู้ว่าเป็นไม้ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร.
of 39