พบผลลัพธ์ทั้งหมด 661 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์อายุผู้เสียหายเป็นสำคัญในความผิดเกี่ยวกับเด็ก หากโจทก์ไม่นำสืบหลักฐานยืนยันอายุ ศาลต้องลดโทษ
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 282 วรรคสอง และความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามมาตรา 319 นั้น อายุของผู้เสียหายมีความสำคัญเพราะเป็นองค์ประกอบความผิด โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่า ผู้เสียหายมีอายุไม่เกิน 18 ปี ศาลจึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้ แต่การนำสืบของโจทก์คงมีแต่เพียงผู้เสียหายเบิกความว่า เกิดวันที่เท่าไร เดือนใดปีใด โจทก์ไม่ได้นำสืบหลักฐานที่น่าเชื่อถือ เช่น ใบสูติบัตรทะเบียนบ้านหรือบัตรประจำตัวประชาชนให้เห็นว่าผู้เสียหายมีวันเดือน ปีเกิดตามที่กล่าวอ้าง ทั้งปรากฎว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายมีสามีและได้เลิกกับสามีแล้ว ประกอบกับจำเลยนำสืบว่าผู้เสียหายมีอายุประมาณ 20 ปี เป็นการโต้แย้งว่าผู้เสียหายไม่ใช่มีอายุ 17 ปีตามที่กล่าวอ้าง กรณีจึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 282 วรรคสอง ไม่ได้จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 282 วรรคหนึ่งและจำเลยไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 18 ปี ตามมาตรา 319.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหุ้นโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน เพิกถอนได้หากผู้รับโอนรู้ถึงฐานะหนี้สินของผู้โอน
การที่ผู้คัดค้านที่ 1 อ้างว่าให้จำเลยกู้ยืมเงินครั้งละ500,000 บาท รวม 4 ครั้ง และผู้คัดค้านที่ 2 อ้างว่าให้จำเลย กู้ยืมเงินรวม 3 ครั้ง เป็นเงิน 1,300,000 บาท โดยไม่มีหลักฐาน การจ่ายเงินหรือหลักฐานการกู้ยืมเงิน และไม่มีหลักประกันใด ๆ ทั้งที่เงินที่ให้กู้ยืมก็มีจำนวนมาก และผู้คัดค้านที่ 1 ก็เป็น ผู้ประกอบการค้าน่าจะมีบัญชีเงินฝากในธนาคารซึ่งสามารถนำสืบถึง หลักฐานการจ่ายเงินให้กู้ได้ การที่ผู้คัดค้านที่ 1 นำสืบว่าให้ กู้ไปแล้วได้รับชำระหนี้เป็นหุ้นกู้จึงทำลายหลักฐานการกู้ยืมรวม ทั้งเช็คที่จำเลยจ่ายให้ ส่วนผู้คัดค้านที่ 2 อ้างเพียงว่าให้ จำเลยกู้ยืมเงิน โดยไม่มีพยานหลักฐานใด มาสืบสนับสนุนข้ออ้าง จึง ไม่น่าเชื่อว่าผู้คัดค้านทั้ง สองได้ให้จำเลยกู้ยืมเงินจริง ทั้ง ในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านทั้งสองให้การว่าผู้คัดค้านทั้งสองรู้จักสนิทสนมกับ ช.กรรมการผู้จัดการบริษัทท. มานานแล้ว การรับโอนหุ้นของจำเลย ก็โอนมาจากบริษัทดังกล่าว นี้ ดังนั้น ผู้คัดค้านทั้งสองจึงน่าจะรู้ถึงฐานะและการมีหนี้สิน ของจำเลยดี และรู้ถึงการที่จำเลยถูกโจทก์ฟ้องและถูกบังคับคดี การที่ผู้คัดค้านทั้งสองรับโอนหุ้นของจำเลยไว้จึงเป็นการรับโอนไว้โดย ไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน การเพิกถอนการโอนหุ้นเป็นไปโดยผลของคำพิพากษา ตราบใดที่ยัง ไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอนก็ยังถือเป็นการโอน โดย ชอบอยู่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอน เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้แต่งทนายความแก้ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากการเพิกถอนการโอนหุ้นเริ่มนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอน ไม่ใช่แต่วันยื่นคำร้อง
การเพิกถอนการโอนหุ้นเป็นไปโดยผลของคำพิพากษา ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน ก็ยังถือเป็นการโอนโดยชอบอยู่ ถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้องอันจะเป็นเหตุให้ผู้รับโอนต้องรับผิดในเรื่องดอกเบี้ยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6535/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อเลิกแล้ว ทรัพย์สินยังเป็นของผู้ให้เช่า ไม่ถือเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลาย
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์พิพาท ที่ผู้ร้องยอมให้รถยนต์พิพาทอยู่ในครอบครองใช้สอยของจำเลยเกิดจากสัญญาเช่าซื้อ เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อจนมีผลให้สัญญาเช่าซื้อเลิกกัน จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนแก่ผู้ร้องโดยพลัน ถ้าไม่ส่งมอบถือว่าครอบครองไว้โดยมิชอบตามสัญญาเช่าซื้อ การที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายและก่อนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะยึดรถยนต์พิพาท อีกทั้งผู้ร้องก็ได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยชำระหนี้ มิฉะนั้น ผู้ร้องจะดำเนินคดีกับจำเลย แสดงว่า ผู้ร้องมิได้ยินยอมให้จำเลยครอบครองรถยนต์พิพาทนับแต่วันที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกัน ทั้งผู้ร้องก็เตรียมจะฟ้องจำเลยแล้วจะถือว่ารถยนต์พิพาทอยู่ในครอบครองของจำเลยด้วยความยินยอม อนุญาตของผู้ร้องหาได้ไม่ จึงยังถือไม่ได้ว่ารถยนต์พิพาท เป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 109(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6474/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บุกรุกที่ดินราชการได้โดยชอบ และไม่ต้องรับผิดในความเสียหาย
กองทัพบกเป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินหวงห้ามเพื่อประโยชน์ในราชการทหารตาม พ.ร.ฎ.กำหนดเขตหวงห้ามที่ดินและระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการปกครองและวิธีการจัดการที่ดิน (ฉบับที่ 2) จำเลยทั้งสามเป็นนายทหารสังกัดมณฑลทหารบกที่ 2 กองทัพบก ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการตามกฎหมายกับโจทก์ เมื่อพบว่าโจทก์กับพวกทำการขุดดินในที่ดินของกระทรวงกลาโหม จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 นำตัวโจทก์มาที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมมณฑลทหารบกที่ 2เพื่อสอบถามและให้โจทก์ชี้แจงแล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป การที่โจทก์ถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจเป็นดุลพินิจและอำนาจของพนักงานสอบสวน ไม่ใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยทั้งสามการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6442/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน การล้มละลาย และการพิพากษาคดี
จำเลยรับว่าในการขายหุ้นหรือทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินให้บุคคลทั่วไปนั้น จำเลยตกลงทยอยซื้อคืนโดยแบ่งเงินค่าหุ้นหรือสัญญาซื้อขายบ้านออกเป็น 24 งวด ให้ประชาชนขายคืนจำเลยเดือนละงวด จำเลยจะให้กำไรเป็นเงิน 2 เท่าของจำนวนที่ขายคืนในแต่ละงวดตลอดไปจนครบ 24 งวด จำเลยดำเนินกิจการดังกล่าว1 ปีเศษแล้วหยุดกิจการเพราะถูกจับ มีประชาชนทำสัญญากับจำเลย5,850 ราย เป็นเงินรวม 601,790,000 บาท จำเลยซื้อคืนจากประชาชนจำนวน 149,873,500 บาท เหลือเงินที่จำเลยยังมิได้ซื้อคืน441,916,500 บาท ดังนี้ การที่ประชาชนซื้อหุ้นหรือทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินกับจำเลยนั้นประชาชนมุ่งที่จะขายคืนเป็นรายเดือนเพื่อที่จะได้กำไรเป็น 2 เท่าของจำนวนที่ขายคืนโดยไม่ต้องร่วมในการขาดทุนด้วย จึงหาใช่เป็นการซื้อหุ้นของบริษัทเพื่อร่วมลงทุนในกิจการด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้นในรูปของเงินปันผลซึ่งจะต้องร่วมกันในการขาดทุนด้วยดังบริษัททั่วไปหรือการทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินที่ผู้ซื้อมุ่งจะได้บ้านและที่ดินจากจำเลยทั้งสองไม่การกระทำของจำเลยเป็นการรับเงินโดยผู้กู้ยืมเงินจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนหรือตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน อันเป็นการกู้ยืมเงินตามความหมายในพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เมื่อจำเลยเป็นหนี้จำนวน 451,916,500 บาท ซึ่งจำเลยจะต้องใช้คืนประชาชนผู้ให้กู้ยืมเงิน เป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน ไม่ว่าหนี้นั้นจะถึงกำหนดชำระโดยพลันหรือในอนาคตตามมาตรา 10 แห่งพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และจำเลยมีสินทรัพย์หักแล้วต่ำกว่าหนี้สินถึง 429,814,215.60 บาท จำเลยจึงมีสินทรัพย์ไม่พอชำระหนี้ได้เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวศาลชอบที่จะสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6442/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและการล้มละลายเมื่อมีหนี้สินล้นพ้นตัว
การที่จำเลยขายหุ้นหรือทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินให้บุคคลทั่วไป โดยตกลงทยอยซื้อคืนเป็นงวดรายเดือนและให้กำไรเป็นเงินสองเท่า เป็นการซื้อหรือทำสัญญาที่มุ่งจะขายคืนเพื่อต้องการกำไรเป็นสองเท่าโดยไม่ต้องร่วมในการขาดทุน หาใช่เป็นการซื้อหุ้นเพื่อร่วมลงทุนในกิจการด้วยประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำในรูปของเงินปันผล ซึ่งจะต้องร่วมในการขาดทุนด้วย ดังบริษัททั่วไป หรือทำสัญญาเพื่อมุ่งจะได้บ้านและที่ดินจากจำเลยไม่ ดังนั้นการขายหุ้นและทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินของจำเลยก็คือการรับเงินโดยผู้กู้ยืมจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนหรือตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ยืมอันเป็นการกู้ยืมเงินตามความหมายใน พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ. 2527 และเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน พนักงานอัยการโจทก์ดำเนินคดีเองโดยมิได้แต่งตั้งทนายความศาลย่อมไม่กำหนดค่าทนายความให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6438/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้สู้ราคาที่ถูกตัดสิทธิโดยไม่ชอบในการขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนระเบียบ
ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า ผู้ร้องเป็นผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดที่ดินของเจ้าพนักงานบังคับคดี การขายทอดตลาดไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับและไม่สุจริต เท่ากับผู้ร้องอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ที่ดินซึ่งขายทอดตลาดนั้น และมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทได้ ตามมาตรา 296 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6438/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้สู้ราคาถูกตัดสิทธิโดยมิชอบ กรณีการขายทอดตลาดไม่เป็นธรรม ผู้สู้ราคามีสิทธิร้องเพิกถอนได้
ผู้ร้องเป็นผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า การขายทอดตลาดไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับและไม่สุจริต เท่ากับผู้ร้องกล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยไม่ชอบ เป็นการตัดสิทธิผู้ร้องที่จะสู้ราคาได้ตามกฎหมาย ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6438/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุคคลภายนอกคัดค้านการขายทอดตลาดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า ผู้ร้องเป็นผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดที่ดินของเจ้าพนักงานบังคับคดี การขายทอดตลาดไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับและไม่สุจริต เท่ากับผู้ร้องอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายผู้ร้องจึงเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ที่ดินซึ่งขายทอดตลาดนั้น และมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทได้ ตามมาตรา 296วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง