พบผลลัพธ์ทั้งหมด 661 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาตัดสินว่าการกระทำนั้นเล็งเห็นผลถึงความตายได้
จำเลยใช้ไม้หน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 2 นิ้ว ยาว 2 ฟุต 8 นิ้วซึ่งเป็นไม้ขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็งใช้สำหรับทำวงกบประตูหรือหน้าต่าง ตีที่ศีรษะผู้ตายในขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ไม่ได้ระวังตัว เป็นการเลือกตีตามใจชอบและเลือกตีที่สำคัญแม้จะตีเพียงทีเดียว และกะโหลกศีรษะผู้ตายไม่แตกร้าว แต่เมื่อถูกตีแล้วผู้ตายก็ฟุบลงกับโต๊ะทันทีและมีเลือดคั่งในสมองส่วนลึก แสดงว่าจำเลยตีผู้ตายอย่างแรง และปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาพฤติการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
ไม้ของกลางโจทก์ไม่ได้โต้แย้งว่าเจ้าของแท้จริงรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่พิพากษาว่าไม่ริบไม้ของกลาง
ไม้ของกลางโจทก์ไม่ได้โต้แย้งว่าเจ้าของแท้จริงรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่พิพากษาว่าไม่ริบไม้ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาวินิจฉัยเจตนาจากพฤติการณ์การกระทำ
จำเลยใช้ไม้หน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 2 นิ้ว ยาว 2 ฟุต 8 นิ้วซึ่งเป็นไม้ขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็งใช้สำหรับทำวงกบประตูหรือหน้าต่าง ตีที่ศีรษะผู้ตายในขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ไม่ได้ระวังตัว เป็นการเลือกตีตามใจชอบและเลือกตีที่สำคัญแม้จะตีเพียงทีเดียว และกะโหลกศีรษะผู้ตายไม่แตกร้าว แต่เมื่อถูกตีแล้วผู้ตายก็ฟุบลงกับโต๊ะทันทีและมีเลือดคั่งในสมองส่วนลึก แสดงว่าจำเลยตีผู้ตายอย่างแรง และปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาพฤติการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ไม้ของกลางโจทก์ไม่ได้โต้แย้งว่าเจ้าของแท้จริงรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่พิพากษาว่าไม่ริบไม้ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ แม้ระบุชื่อผู้รับเงินผิดพลาด โจทก์ยังคงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ
จำเลยสั่งจ่ายเช็คระบุชื่อ ว. เป็นผู้รับเงินโดยเข้าใจว่าว.เป็นเจ้าของกิจการของโจทก์เพราะว. เป็นผู้ติดต่อค้าขายกับจำเลยตลอดมา นอกจากนี้ ว. ยังเป็นหุ้นส่วนซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนาชำระหนี้ให้โจทก์ แต่ระบุชื่อ ว. เป็นผู้รับเงินแทนโจทก์จำเลยหาได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ ว. ในฐานะส่วนตัวไม่ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีมูลหนี้-ฉ้อฉล: โจทก์-ทายาทสมคบกันฟ้องเรียกหนี้จากจำเลยที่ไม่เคยทำสัญญาซื้อขาย
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาท 2 ฉบับ กับเช็คอื่นอีก 22 ฉบับ เพื่อเป็นค่ามัดจำในการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจาก ซ.แต่ซ.ถึงแก่กรรมเสียก่อนจึงมิได้ทำสัญญาซื้อขายกับจำเลย เช็คพิพาทตกอยู่ในความครอบครองของ ม. บุตรของ ซ. และ ม. ก็ไม่ยอมขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้จำเลย แต่กลับมอบเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาและเป็นคดีนี้การกระทำของโจทก์และ ม. จึงเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลเพื่อทำให้จำเลยไม่สามารถอ้างข้อต่อสู้ที่มีต่อ ซ. และ ม. มายันโจทก์ในคดีนี้ได้ เมื่อความจริงมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้มีอยู่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีบุกรุกที่ดิน: โจทก์ต้องพิสูจน์สิทธิในที่ดินตนเองก่อน
โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่ดินพิพาทส่วนหนึ่งของโฉนดเลขที่ 8912เป็นของโจทก์ ถูกฝ่ายจำเลยบุกรุกเข้าครอบครอง จำเลยทั้งสองปฏิเสธไม่ยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ทั้งยังต่อสู้ว่าเป็นที่ดินตามโฉนดเลขที่ 8437 อันเป็นที่ดินของฝ่ายจำเลยภาระการพิสูจน์จึงตกแก่โจทก์ที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทเป็นส่วนของที่ดินโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 8912 มิใช่ของจำเลยทั้งสองและฝ่ายจำเลยได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงรูปที่ดิน ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 8437 แล้วบุกรุกเข้าครอบครองดังที่กล่าวในฟ้อง ทนายโจทก์คนเดิมแถลงไม่ติดใจสืบพยานและศาลได้สั่งอนุญาตให้งดสืบพยานโจทก์ไว้แล้ว ต่อมาก่อนสืบพยานจำเลยโจทก์แต่งตั้งทนายความคนใหม่และทนายความคนใหม่ของโจทก์ยื่นคำร้องขอสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง แล้วดำเนินการสืบพยานจำเลยต่อไป คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ให้ทนายโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ไม่ถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทนายโจทก์ซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินแทนไม่มีอำนาจรับเงินที่จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษานอกศาลแทนโจทก์การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315 ย่อมไม่ผูกพันโจทก์โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายไม่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์หากไม่ได้รับมอบอำนาจ การชำระหนี้จึงไม่ผูกพันโจทก์
ทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยนอกศาลแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินนั้นแทนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยทนายความไม่มีอำนาจ การชำระหนี้ไม่ผูกพันโจทก์
การที่ทนายโจทก์ได้ รับ ชำระหนี้จากจำเลยนอกศาลโดย ไม่ปรากฏ หลักฐานว่าโจทก์ได้ มอบอำนาจให้ทนายโจทก์รับเงินนั้นแทน ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ เพราะทนายโจทก์ในฐานะ ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินนอกศาลแทนโจทก์ซึ่ง เป็นตัวความ การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์ เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจระงับหนี้ได้เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าวของทนายโจทก์ การชำระหนี้ของจำเลย จึงไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 315 ดังนี้ ถือ ไม่ ได้ว่าจำเลยได้ ชำระหนี้แก่โจทก์ตาม กฎหมายแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยทนายความนอกศาลไม่ผูกพันโจทก์หากไม่ได้รับมอบอำนาจ
ทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยนอกศาลแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินนั้นแทนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากพฤติการณ์ข่มเหง การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ศาลใช้ดุลพินิจลดโทษ
ผู้ตายชอบข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากจำเลย และกลั่นแกล้งจำเลยต่าง ๆ นานา วันเกิดเหตุผู้ตายดึง เอากุญแจรถจักรยานยนต์ของจำเลยไปในขณะที่จำเลยกำลังจะออกไปส่งเนื้อสุกรให้แก่ลูกค้า จำเลยตาม ไปทวงคืน ผู้ตายทำท่าจะยื่นกุญแจรถให้แต่ แล้วกลับต่อย จำเลยก่อนผู้ตายมีลักษณะคล้ายเป็นคนอันธพาลและเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน จำเลยจึงใช้ มีดหั่นเนื้อสุกรฟันและแทงผู้ตาย ดังนี้เป็นการกระทำโดย บันดาลโทสะเพราะถูก ข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วย เหตุไม่ เป็นธรรม ตามป.อ. มาตรา 72.