คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จองทรัพย์ เที่ยงธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 653 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1690/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: ไม่อุทธรณ์วิธีบังคับคดี ย่อมไม่อุทธรณ์ผลการขายทอดตลาด
คำร้องของจำเลยมิได้อ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีดังกล่าวแต่ประการใด กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง จำเลยจะมาขอยกเลิกการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี หรือรื้อฟื้นให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่ โดยอ้างว่าขายได้ราคาต่ำกว่าราคาที่จำเลยจำนองทรัพย์สินดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1690/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องพิสูจน์การฝ่าฝืนกฎหมายลักษณะการบังคับคดี การอ้างราคาต่ำกว่าจำนองไม่เพียงพอ
คำร้องของจำเลยมิได้อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีดังกล่าวแต่ประการใดกรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองจำเลยจะมาขอยกเลิกการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือรื้อฟื้นให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่โดยอ้างว่าขายได้ราคาต่ำกว่าราคาที่จำเลยจำนองทรัพย์สินดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียน หากไม่จดทะเบียน สัญญาบังคับคดีได้เพียง 3 ปี
โจทก์ทำหนังสือ สัญญาเช่าอาคารพร้อมที่ดินกับจำเลยมีกำหนด8ปี6เดือน5วันตกลงกันว่าจะไป จดทะเบียนการเช่าต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนด6เดือนดังนี้โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยจดทะเบียนการเช่าตามที่ตกลงกันหาได้ไม่มิฉะนั้นจะเท่ากับว่ายอมให้ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ระหว่างกันเองให้มีผลผูกพันเกินกว่าสามปีได้โดยไม่จำต้องให้มีการ จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าบำเหน็จนายหน้าเกิดขึ้นเมื่อมีการทำสัญญาซื้อขายสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์
จำเลยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ที่2และที่3ที่ชี้ช่องจนจำเลยสามารถขายที่ดินแก่โจทก์ที่1ได้เมื่อจำเลยกับโจทก์ที่1ได้เข้าทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันจำเลยทั้งสองรับผิดใช้ค่าบำเหน็จนายหน้าให้แก่โจทก์ที่2และที่3แม้ต่อมาสัญญาจะซื้อขายเป็นอันเลิกกันด้วยเหตุใดจำเลยก็ต้องชำระค่าบำเหน็จนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา845

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าบำเหน็จนายหน้าเกิดเมื่อทำสัญญาซื้อขายสำเร็จ แม้ยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์
จำเลยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ที่ 2 และที่ 3ที่ชี้ช่องจนจำเลยสามารถขายที่ดินแก่โจทก์ที่ 1 ได้เมื่อจำเลยกับโจทก์ที่ 1 ได้เข้าทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันจำเลยต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จนายหน้าให้แก่โจทก์ที่ 2และที่ 3 แม้ต่อมาสัญญาจะซื้อขายเป็นอันเลิกกันด้วยเหตุใดจำเลยก็ต้องชำระค่าบำเหน็จนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1467/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าจ้าง, การรับผิดส่วนตัวจากการจ้าง, และการชำระหนี้บางส่วนทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
จำเลยที่2ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่าจำเลยที่1และที่2ไม่ได้ว่าจ้างให้โจทก์ทำงานตกแต่งห้องชุดมิได้ให้การว่าโจทก์มิได้ทำงานให้ตามรายการหนึ่งรายการใดคดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ทำงานครบถ้วนตามรายการหรือไม่การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้เพราะไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาโดยชอบในศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว จำเลยที่2มิได้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่1ในขณะทำสัญญาว่าจ้างโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่2จ้างโจทก์ในนามของจำเลยที่1จึงผูกพันจำเลยที่2เป็นส่วนตัวดังนั้นการที่ศาลพิพากษาให้จำเลยที่2รับผิดเป็นส่วนตัวจึงไม่เป็นการพิพากษานอกประเด็นเพราะฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันว่าจ้างโจทก์ สิทธิเรียกร้องค่าจ้างอายุความ2ปีโดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่โจทก์ทำงานแล้วเสร็จและส่งมอบงานในกำหนดการที่จำเลยที่2ชำระค่าจ้างบางส่วนให้แก่โจทก์ภายในกำหนดอายุความจึงเป็นเหตุให้ อายุความสะดุดหยุดลงและ เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันดังกล่าวเมื่อวันครบกำหนดอายุความเป็น วันหยุดราชการ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องคดีในวันที่เริ่มทำงานใหม่ดังนั้นคดีจึงหาขาดอายุความไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือในเอกสารทางกฎหมาย: ความถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9
ในเอกสารส่งมอบการครอบครองหมายล.12มีลายมือชื่อของ ว.ลงไว้ว่าเป็นผู้รับมอบและในช่องพยานก็มีลายมือชื่อ ป. และลายมือชื่อเซ็นไว้อ่านไม่ออกอีกคนหนึ่งนอกจากนี้ยังมีลายมือชื่อน. ผู้เขียนอีกคนหนึ่งลงไว้จึงถือได้ว่าบุคคลที่ลงลายมือชื่อดังกล่าวเป็นพยานผู้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือของ ม. ไว้ครบจำนวนสองคนเป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา9วรรคสองแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองลายพิมพ์นิ้วมือโดยพยาน: ความถูกต้องตามกฎหมาย
ในเอกสารส่งมอบการครอบครองหมาย ล.12 มีลายมือชื่อของ ว. ลงไว้ว่าเป็นผู้รับมอบ และในช่องพยานก็มีลายมือชื่อ ป. และลายมือชื่อเซ็นไว้อ่านไม่ออกอีกคนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีลายมือชื่อ น. ผู้เขียนอีกคนหนึ่งลงไว้จึงถือได้ว่าบุคคลที่ลงลายมือชื่อดังกล่าวเป็นพยานผู้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือของ ม. ไว้ครบจำนวนสองคนเป็นการถูกต้อง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 9 วรรคสอง แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอาศัยระงับเมื่อตาย แต่สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งอาจตกทอดเป็นมรดกได้ หากทายาทไม่เข้ามาเป็นคู่ความคดีอาจจำหน่ายได้
แม้สิทธิอาศัยเป็นสิทธิเฉพาะตัวเมื่อโจทก์ผู้ได้รับสิทธิอาศัยถึงแก่ความตายสิทธิอาศัยเป็นอันระงับลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1404แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้โจทก์มีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลยนอกเหนือจากที่ให้ขับไล่นั้นมีลักษณะเป็นทรัพย์สินที่อาจเป็นมรดกตกทอดให้แก่ทายาทของโจทก์ได้ตามมาตรา1599มิใช่สิทธิเฉพาะตัวอันทำให้ความมรณะของคู่ความฝ่ายโจทก์ยังให้คดีไม่มีประโยชน์ต่อไปแต่เมื่อล่วงเลยกำหนดเวลา1ปีหลังจากโจทก์ถึงแก่ความตายแล้วทายาทหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกหรือบุคคลอื่นใดที่ปกครองทรัพย์มรดกของโจทก์มิได้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ทั้งจำเลยและจำเลยร่วมก็มิได้มีคำขอให้ศาลเรียกบุคคลดังกล่าวเข้ามาเป็นคู่ความแทนการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา42วรรคสองประกอบมาตรา132(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยืมเงินเพื่อประโยชน์ราชการ ไม่เป็นผู้ยืมตาม ป.พ.พ. ทำให้หนังสือรับสภาพหนี้ไม่มีผล
โจทก์ยืมเงินจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นกรณีที่โจทก์ปฏิบัติตามหน้าที่ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการและเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการเท่านั้นหาใช่ทำในฐานะส่วนตัวไม่ การคืนเงินยืมดังกล่าวก็เพียงแต่นำใบสำคัญที่คณะกรรมการจ่ายเงินได้จ่ายไปนำไปเบิกจากงบประมาณแผ่นดิน แล้วนำไปชำระแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด หาจำต้องนำเงินส่วนตัวมาชำระคืนไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ยืมตาม ป.พ.พ.มาตรา 650 เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้ยืมเงิน โจทก์กับจำเลยจึงไม่มีหนี้ต่อกัน หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยทำไว้แก่โจทก์จึงไม่มีผลบังคับ
of 66