คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จองทรัพย์ เที่ยงธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 653 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4243/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความใบเสร็จรับเงิน การสืบอธิบายความหมายเอกสารไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ใบเสร็จรับเงินที่ออกในการรับชำระหนี้กู้ยืมเงินระบุแต่เพียงว่าได้รับเงิน โดยไม่ระบุแยกแยะว่าเป็นเงินอะไรบ้าง การนำสืบความหมายของใบเสร็จดังกล่าวว่าเป็นการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยอย่างใดสามารถทำได้ เพราะเป็นการสืบอธิบายข้อความในเอกสาร มิใช่สืบเปลี่ยนแปลงแก้ไข ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 94 (ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4243/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความใบเสร็จรับเงินชำระหนี้ การสืบพยานหลักฐานเพื่ออธิบายความหมายของเอกสาร และการพิสูจน์การชำระหนี้
ใบเสร็จรับเงินที่ออกในการรับชำระหนี้กู้ยืมเงินระบุแต่เพียงว่าได้รับเงิน โดยไม่ระบุแยกแยะว่าเป็นเงินอะไรบ้างการนำสืบความหมายของใบเสร็จดังกล่าวว่าเป็นการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยอย่างใดสามารถทำได้ เพราะเป็นการสืบอธิบายข้อความในเอกสาร มิใช่สืบเปลี่ยนแปลงแก้ไข ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4110/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย: ข้อโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริงข่มขืนกระทำชำเรา และการยอมรับสมัครใจของผู้เสียหายในข้อหาพรากผู้เยาว์
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามคู่ความมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ส่วนความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายสมัครใจไปกับจำเลยเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4058/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างต้องรับผิดต่อการกระทำของผู้ขับรถในขณะปฏิบัติหน้าที่ แม้จะนอกเหนือจากระเบียบ
จำเลยที่ 1 เริ่มต้นโดยการขับรถยนต์ตามหน้าที่ตราบใดที่ยังไม่นำรถเข้าเก็บถือว่าการปฏิบัติหน้าที่ยังไม่เสร็จสิ้น แม้ว่าจำเลยที่ 1 จะขับรถไปเที่ยวดื่มสุรากับเพื่อน ๆ ก็ต้องถือว่าอยู่ในระหว่างทำงานในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างจะปัดความรับผิดของตนโดยอ้างระเบียบข้อบังคับในการทำงานของจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 1 ฝ่าฝืนมาใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3969/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุน หากอ้างฉ้อฉลแต่ไม่นำสืบ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบ
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยอ้างว่าฝ่ายโจทก์ฉ้อฉล ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงในสำนวนยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยคดีตามฎีกาโจทก์ได้จึงมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่จำเลยและโจทก์กล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ แต่จำเลยมิได้นำพยานหลักฐานมาสืบตามที่อ้างไว้ในคำฟ้องอุทธรณ์ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องมีการฉ้อฉลตามที่อ้างไม่เข้าเหตุที่จะอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138(1) ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยมาจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3969/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างฉ้อฉล หากไม่มีพยาน ศาลไม่รับวินิจฉัย
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งฉ้อฉล ศาลฎีกาสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวน จำเลยมิได้นำพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นตามที่อ้างไว้ในคำฟ้องอุทธรณ์ จึงมิใช่เรื่องการฉ้อฉลตามที่อ้าง ไม่เข้าเหตุที่จะอุทธรณ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3911/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายร่วมกัน: ฟ้องระบุรายละเอียดพอสมควรแล้วไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กับพวกฝ่ายหนึ่ง และจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกอีกฝ่ายหนึ่ง ได้สมัครใจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันใช้มีดปลายแหลมและท่อนไม้เป็นอาวุธแทง ฟันและตีกับใช้กำลังกายชกต่อยเตะทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกหลายครั้งส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกร่วมกันใช้เก้าอี้นั่งและเหล็กแป๊บเป็นอาวุธตี และใช้กำลังกายชกต่อยเตะทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1 กับพวกหลายครั้งเช่นกัน ย่อมแสดงว่าจำเลยสองฝ่ายต่างสมัครใจทำร้ายซึ่งกันและกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายมีพวกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ได้ร่วมกันเป็นตัวการกระทำความผิดในการทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นการบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ที่เกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยแต่ละฝ่ายเข้าใจข้อหาได้ดี ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3911/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาทำร้ายร่างกาย: การบรรยายฟ้องถึงพวกของผู้กระทำผิดและรายละเอียดการทำร้าย ไม่ถือว่าฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กับพวกฝ่ายหนึ่ง และจำเลยที่ 2และที่ 3 กับพวกอีกฝ่ายหนึ่ง ได้สมัครใจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดยจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันใช้มีดปลายแหลมและท่อนไม้เป็นอาวุธแทงฟันและตีกับใช้กำลังกายชกต่อยเตะทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 และที่ 3กับพวกหลายครั้ง ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกร่วมกันใช้เก้าอี้นั่งและเหล็กแป๊บเป็นอาวุธตี และใช้กำลังกายชกต่อยเตะทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1 กับพวกหลายครั้งเช่นกัน ย่อมแสดงว่าจำเลยสองฝ่ายต่างสมัครใจทำร้ายซึ่งกันและกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายมีพวกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ได้ร่วมกันเป็นตัวการกระทำความผิดในการทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเป็นการบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ที่เกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยแต่ละฝ่ายเข้าใจข้อหาได้ดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3317/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายที่ไม่ชัดเจนในฟ้อง: ศาลไม่รับวินิจฉัย
ค่าบริการ 200 เปอร์เซ็นต์ นอกจากค่าเสียหายอื่น ๆ ที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องจากจำเลยนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องกล่างมาในฟ้องโดยแจ้งชัดว่าหมายถึงค่าอะไร โจทก์เพิ่งจะมากล่าวรายละเอียดแห่งค่าบริการในชั้นฎีกา จำเลยทั้งสองก็ให้การต่อสู่คดีไว้ว่าไม่ทราบว่าเป็นค่าอะไร และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย ป.พ.พ. มาตรา 438 วรรคแรกที่บัญญัติว่า ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดทางพิจารณาจะต้องได้ความเสียก่อนว่าเป็นค่าอะไร เป็นค่าเสียหายโดยตรงที่เกิดขึ้นจากการกระทำละเมิดของจำเลยหรือไม่เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบพิสูจน์ไว้ให้ศาลเห็น ศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจให้ถูกต้อง และเหมาะสมได้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่กำหนด ค่าเสียหายในเรื่องนี้จึงถูกต้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3317/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการละเมิดต้องมีรายละเอียดชัดเจน ศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจหากไม่ทราบค่าเสียหายที่แท้จริง
ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดที่ให้ศาล วินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 นั้น ทางพิจารณาจะต้องได้ความเสียก่อนว่าค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์ขอมาเป็นค่าอะไร เป็นค่าเสียหายโดยตรงที่เกิดขึ้นจากการกระทำละเมิดของจำเลยหรือไม่ ถ้าไม่ทราบว่าเป็นค่าอะไรแล้วศาลย่อมใช้ดุลพินิจให้ถูกต้องและเหมาะสมไม่ได้ ศาลจึงไม่กำหนดค่าเสียหายในส่วนนั้นให้ โจทก์เพิ่งมากล่าวรายละเอียดในฎีกาว่า ค่าบริการคือค่าใช้จ่ายโรงงานที่เป็นต้นทุนการผลิต ส่วนที่นอกเหนือจากค่าเสียหายและค่าแรงอันประกอบด้วยเงินเดือนของหัวหน้าควบคุมงานรวมทั้งพนักงานธุรการด้วย ผลประโยชน์ของพนักงานโจทก์ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายในสำนักงานของโจทก์ค่าบำรุงรักษาเครื่องมือเครื่องใช้ในสำนักงาน ค่าเสื่อมราคาครั้งหนึ่งของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในสำนักงานนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่มีการนำสืบต้องห้ามมิให้รับฟัง ทั้งเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 66