คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม มั่งมีดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 940 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินพิพาทและการวินิจฉัยคดีตามคำท้า หากการรังวัดไม่สามารถระบุขอบเขตได้ ศาลต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
โจทก์และจำเลยแถลงต่อพิพากษาขอให้สั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ไปรังวัดทำแผนที่พิพาท หากทำแผนที่พิพาทแล้วปรากฏว่าหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีความเห็นว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 8049หรืออยู่นอกเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 8033 แล้ว โจทก์ยอมแพ้ แต่ถ้าอยู่ในเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 8033 แล้วจำเลยยอมแพ้ โดยคู่ความไม่ติดใจสืบพยานกันต่อไป ดังนั้น เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจแผนที่พิพาทกับระวางที่ดินตามรูปโฉนดเดิมแล้วแถลงว่า ไม่สามารถให้ความเห็นได้ว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดที่ดินแปลงใดแน่ เนื่องจากไม่สามารถรังวัดปูโฉนดได้เพราะที่ดินตามโฉนดเดิมไม่มีระวางโยงยึดและหมุดหลักที่แน่นอน ดังนี้ จึงถือไม่ได้ว่า ปรากฏว่าหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีความเห็นว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของฝ่ายใดตามตกลงท้ากัน และศาลจะตรวจดูแผนที่พิพาทเปรียบเทียบกับระวางแผนที่เสียเองก็ไม่ได้ ศาลจึงไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดคดีให้เป็นไปตามคำท้าได้คำท้าเป็นอันตกไป ศาลชั้นต้นต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทั้งโจทก์และจำเลย ศาลพิจารณาเหตุแห่งความเสียหายและลดค่าเสียหายตามสมควร
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อข้ามทางรถไฟแล้วถูกรถไฟเฉี่ยวชนด้านหน้ารถยนต์เสียหายเล็กน้อยแต่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งนั่งห้อยเท้าอยู่ริมประตูตู้ขนสัมภาระถูกรถยนต์ของจำเลยชนขาหักทั้งสองข้างแม้ในขณะเกิดเหตุขบวนรถไฟจะมีผู้โดยสารแน่จนไม่มีที่นั่งโจทก์กับผู้โดยสารหลายคนจึงต้องนั่งตรงริมประตูตู้ขนสัมภาระยังไม่ถึงกับจะรับฟังได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อซึ่งจะทำให้ค่าเสียหายเป็นพับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถไฟ ศาลลดค่าเสียหายจากความเสี่ยงที่ผู้โดยสารนั่งในที่อันตราย
จำเลยขับรถยนต์เก๋งโดยประมาทเลินเล่อข้ามทางรถไฟในขณะที่มีรถไฟแล่นผ่านจึงถูกรถไฟเฉี่ยวชนด้านหน้ารถยนต์เก๋งเสียหายเล็กน้อย แต่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งนั่งห้อยเท้าอยู่ริมประตูตู้รถไฟถูกรถยนต์เก๋งของจำเลยชนได้รับอันตรายสาหัสถึงกับขาหักทั้งสองข้างดังนี้ แม้ในขณะเกิดเหตุขบวนรถไฟดังกล่าวจะมีผู้โดยสารแน่นจนไม่มีที่นั่ง โจทก์กับผู้โดยสารหลายคนจึงต้องนั่งตรงริมประตูขึ้นลงของตู้ขนสัมภาระก็ตามก็ถือได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วย จึงควรลดค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาลงบ้าง แต่ข้อเท็จจริงยังไม่ถึงกับจะรับฟังได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อไม่ยิ่งหย่อนกว่าจำเลยซึ่งจะทำให้เสียค่าเสียหายเป็นพับดังที่จำเลยฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2540 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร: การพิพากษาค่าเสียหายกรณีถูกชนจากรถยนต์ขณะนั่งริมประตูรถไฟ
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อข้ามทางรถไฟแล้วถูกรถไฟเฉี่ยวชนด้านหน้ารถยนต์เสียหายเล็กน้อย แต่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งนั่งห้อยเท้าอยู่ริมประตูตู้ขนสัมภาระถูกรถยนต์ของจำเลยชนขาหักทั้งสองข้าง แม้ในขณะเกิดเหตุขบวนรถไฟจะมีผู้โดยสารแน่จนไม่มีที่นั่ง โจทก์กับผู้โดยสารหลายคนจึงต้องนั่งตรงริมประตูตู้ขนสัมภาระ ยังไม่ถึงกับจะรับฟังได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อซึ่งจะทำให้ค่าเสียหายเป็นพับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถไฟ: การลดค่าเสียหายจากเหตุรถชน
จำเลยขับรถยนต์เก๋งโดยประมาทเลินเล่อข้ามทางรถไฟในขณะที่มีรถไฟแล่นผ่านจึงถูกรถไฟเฉี่ยวชนด้านหน้ารถยนต์เก๋งเสียหายเล็กน้อยแต่เป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งนั่งห้อยเท้าอยู่ริมประตูตู้รถไฟถูกรถยนต์เก๋งของจำเลยชนได้รับอันตรายสาหัสถึงกับขาหักทั้งสองข้างดังนี้แม้ในขณะเกิดเหตุขบวนรถไฟดังกล่าวจะมีผู้โดยสารแน่นจนไม่มีที่นั่งโจทก์กับผู้โดยสารหลายคนจึงต้องนั่งตรงริมประตูขึ้นลงของตู้ขนสัมภาระก็ตามก็ถือได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วยจึงควรลดค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาลงบ้างแต่ข้อเท็จจริงยังไม่ถึงกับจะรับฟังได้ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อไม่ยิ่งหย่อนกว่าจำเลยซึ่งจะทำให้เสียค่าเสียหายเป็นพับดังที่จำเลยฎีกาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตค่าทดแทนเวนคืน: ราคาที่ดินและไม้ยืนต้นต้องเป็นไปตามที่อุทธรณ์และราคาตลาด
เงินค่าทดแทนที่ดินที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดให้แก่โจทก์ในครั้งสุดท้ายเป็นเงินเต็มตามจำนวนที่โจทก์ขอเพิ่มค่าทดแทนในการอุทธรณ์ครั้งหลัง เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวินิจฉัยกำหนดค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์เต็มจำนวนราคาตามคำอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว จึงไม่มีข้อที่โจทก์จะโต้แย้งได้ว่าจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินที่รัฐมนตรีกำหนดให้นั้นยังไม่เป็นที่พอใจของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนที่ดินเกินกว่าจำนวนที่โจทก์อุทธรณ์ขอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530มาตรา 26 วรรคหนึ่ง
ราคาต้นไม้โจทก์เป็นผู้กำหนดเองและราคาที่กำหนดนี้อาจต่อรองกันได้ และเมื่อจำเลยที่ 1 จ่ายค่าทดแทนให้แล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ได้นำต้นไม้ไปด้วย ยังคงเป็นของโจทก์อยู่ ราคาต้นไม้บางชนิดเป็นราคาที่โจทก์ตั้งขึ้นเองยังสามารถลดราคาลงอีกได้ จึงไม่ใช่ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดตามที่เป็นอยู่ในวันใช้บังคับ พ.ร.ฎ.ลักษณะที่โจทก์เรียกร้องค่าไม้ยืนต้นนั้นเป็นการคาดคะเนโดยรวมเอาเองทั้งสิ้น เมื่อค่าทดแทนไม้ยืนต้นที่จำเลยกำหนดให้แก่โจทก์ได้ดำเนินการไปตามหลักเกณฑ์และระเบียบของทางราชการ ประกอบกับโจทก์มีเวลาถึง 2 ปี ที่จะขุดไม้ยืนต้นในบริเวณที่ดินที่ถูกเวนคืนออกขายได้ทุกต้น ดังนั้นเงินค่าทดแทนไม้ยืนต้นที่โจทก์ได้รับนั้นเป็นธรรมแก่โจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: การประเมินค่าทดแทนที่ดินและทรัพย์สิน การพิจารณาค่าทดแทนที่เหมาะสมตามหลักเกณฑ์
เงินค่าทดแทนที่ดินที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดให้แก่โจทก์ในครั้งสุดท้ายเป็นเงินเต็มตามจำนวนที่โจทก์ขอเพิ่มค่าทดแทนในการอุทธรณ์ครั้งหลังเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวินิจฉัยกำหนดค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์เต็มจำนวนราคาตามคำอุทธรณ์ของโจทก์แล้วจึงไม่มีข้อที่โจทก์จะโต้แย้งได้ว่าจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินที่รัฐมนตรีกำหนดให้นั้นยังไม่เป็นที่พอใจของโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนที่ดินเกินกว่าจำนวนที่โจทก์อุทธรณ์ขอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2530มาตรา26วรรคหนึ่ง ราคาต้นไม้โจทก์เป็นผู้กำหนดเองและราคาที่กำหนดนี้อาจต่อรองกันได้และเมื่อจำเลยที่1จ่ายค่าทดแทนให้แล้วจำเลยที่1ไม่ได้นำต้นไม้ไปด้วยยังคงเป็นของโจทก์อยู่ราคาต้นไม้บางชนิดเป็นราคาที่โจทก์ตั้งขึ้นเองยังสามารถลดราคาลงอีกได้จึงไม่ใช่ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดตามที่เป็นอยู่ในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาลักษณะที่โจทก์เรียกร้องค่าไม้ยืนต้นนั้นเป็นการคาดคะเนโดยรวมเอาเองทั้งสิ้นเมื่อค่าทดแทนไม้ยืนต้นที่จำเลยกำหนดให้แก่โจทก์ได้ดำเนินการไปตามหลักเกณฑ์และระเบียบของทางราชการประกอบกับโจทก์มีเวลาถึง2ปีที่จะขุดไม้ยืนต้นในบริเวณที่ดินที่ถูกเวนคืนออกขายได้ทุกต้นดังนั้นเงินค่าทดแทนไม้ยืนต้นที่โจทก์ได้รับนั้นเป็นธรรมแก่โจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม: การบรรยายฟ้องที่สมบูรณ์และการพิจารณาโทษรอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยได้บรรยายฟ้องว่า "จำเลยทั้งสี่ได้บังอาจร่วมกันทำปลอมหนังสือสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมของห้างหุ้นส่วนจำกัดกิจ พ.ซึ่งมีส.ผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 และที่ 4 เป็นหุ้นส่วนของห้างดังกล่าว โดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันลงลายมือชื่อปลอมของผู้เสียหายในเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมซึ่งมีข้อความว่าให้ผู้เสียหายออกจากการเป็นหุ้นส่วน โดยโอนเงินลงหุ้นจำนวน 200,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 โอนเงินลงหุ้นจำนวน50,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 2 และโอนเงินลงหุ้นจำนวน 150,000 บาทให้แก่จำเลยที่ 3 ทั้งนี้เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเอกสารที่จำเลยทั้งสี่ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับนั้นเป็นเอกสารที่แท้จริง"ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้ระบุชัดแล้วว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันปลอมลายมือชื่อของโจทก์ร่วมในเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมพร้อมทั้งระบุข้อความที่ปลอมนั้นด้วย จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องให้ละเอียดว่าจำเลยคนใดร่วมกันปลอมเอกสารดังกล่าวอย่างไรก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณาได้ จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันมอบหมายให้ ส.นำเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมไปยื่นต่อนายทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดเพื่อจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมจนเป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้ โดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันทำเอกสารดังกล่าว ซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จและลงลายมือชื่อของโจทก์ร่วมปลอมในเอกสารนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นการร่วมกันทำเอกสารปลอมเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเอกสารนั้นทั้งฉบับเป็นเอกสารที่แท้จริงและจำเลยทั้งสี่ได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวนี้ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จำเลยทั้งสี่จึงมีความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยร่วมกันทำเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมที่มีลายมือชื่อปลอม
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยได้บรรยายฟ้องว่า "...จำเลยทั้งสี่ได้บังอาจร่วมกันทำปลอมหนังสือสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมของห้างหุ้นส่วนจำกัดกิจ พ. ซึ่งมี ส.ผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 และที่ 4 เป็นหุ้นส่วนของห้างดังกล่าว โดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันลงลายมือชื่อปลอมของผู้เสียหายในเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมซึ่งมีข้อความว่าให้ผู้เสียหายออกจากการเป็นหุ้นส่วน โดยโอนเงินลงหุ้นจำนวน200,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 โอนเงินลงหุ้นจำนวน 50,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 2 และโอนเงินลงหุ้นจำนวน 150,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 3...ทั้งนี้เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่า เอกสารที่จำเลยทั้งสี่ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับนั้นเป็นเอกสารที่แท้จริง..." ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้ระบุชัดแล้วว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันปลอมลายมือชื่อของโจทก์ร่วมในเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมพร้อมทั้งระบุข้อความที่ปลอมนั้นด้วย จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องให้ละเอียดว่าจำเลยคนใดร่วมกันปลอมเอกสารดังกล่าวอย่างไรก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณาได้
จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันมอบหมายให้ ส.นำเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมไปยื่นต่อนายทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดเพื่อจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมจนเป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้ โดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันทำเอกสารดังกล่าว ซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จและลงลายมือชื่อของโจทก์ร่วมปลอมในเอกสารนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นการร่วมกันทำเอกสารปลอมเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเอกสารนั้นทั้งฉบับเป็นเอกสารที่แท้จริงและจำเลยทั้งสี่ได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวนี้ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จำเลยทั้งสี่จึงมีความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม และการรอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยได้บรรยายฟ้องว่า"จำเลยทั้งสี่ได้บังอาจร่วมกันทำปลอมหนังสือสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมของห้างหุ้นส่วนจำกัดกิจพ. ซึ่งมีส.ผู้เสียหายจำเลยที่1และที่4เป็นหุ้นส่วนของห้างดังกล่าวโดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันลงลายมือชื่อปลอมของผู้เสียหายในเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมซึ่งมีข้อความว่าให้ผู้เสียหายออกจากการเป็นหุ้นส่วนโดยโอนเงินลงหุ้นจำนวน200,000บาทให้แก่จำเลยที่1โอนเงินลงหุ้นจำนวน50,000บาทให้แก่จำเลยที่2และโอนเงินลงหุ้นจำนวน150,000บาทให้แก่จำเลยที่3ทั้งนี้เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเอกสารที่จำเลยทั้งสี่ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับนั้นเป็นเอกสารที่แท้จริง"ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้ระบุชัดแล้วว่าจำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันปลอมลายมือชื่อของโจทก์ร่วมในเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมพร้อมทั้งระบุข้อความที่ปลอมนั้นด้วยจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องให้ละเอียดว่าจำเลยคนใดร่วมกันปลอมเอกสารดังกล่าวอย่างไรก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณาได้ จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันมอบหมายให้ส.นำเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมไปยื่นต่อนายทะเบียนณสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดเพื่อจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมจนเป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้โดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันทำเอกสารดังกล่าวซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จและลงลายมือชื่อของโจทก์ร่วมปลอมในเอกสารนั้นการกระทำของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นการร่วมกันทำเอกสารปลอมเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเอกสารนั้นทั้งฉบับเป็นเอกสารที่แท้จริงและจำเลยทั้งสี่ได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวนี้ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนจำเลยทั้งสี่จึงมีความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม
of 94