พบผลลัพธ์ทั้งหมด 940 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6350/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย: ประเด็นต่างกันระหว่างฟ้องเดิมและฟ้องแย้ง
ฟ้องแย้งของจำเลยตั้งประเด็นว่า โจทก์กระทำการล่าช้าอันเป็นการผิดข้อตกลงต่อจำเลย ทำให้บริษัทโซล่าการ์ด จำกัดแห่งประเทศสหรัฐ-อเมริกาเลิกสัญญากับบริษัทโซล่ากรุ๊ป จำกัด ที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องโจทก์ที่ตั้งประเด็นว่า จำเลยผิดสัญญากู้และสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับขอให้บังคับจำนอง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม เป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6350/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม การฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทเดิมจึงจะชอบ
ฟ้องแย้งของจำเลยตั้งประเด็นว่าโจทก์กระทำการล่าช้าอันเป็นการผิดข้อตกลงต่อจำเลยทำให้บริษัทโซล่าการ์ดจำกัดแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเลิกสัญญากับบริษัทโซล่ากรุ๊ปจำกัดที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องโจทก์ที่ตั้งประเด็นว่าจำเลยผิดสัญญากู้และสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับขอให้บังคับจำนองฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมเป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6333/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ ศาลมีอำนาจชั่งน้ำหนักตามพยานหลักฐานอื่นประกอบได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 117 วรรคสองมิได้บัญญัติให้มีผลถึงว่า หากยังถามค้านพยานคนใดไม่เสร็จสิ้นแล้วก็ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานดังกล่าวเลยไม่ศาลจึงมีอำนาจที่จะนำคำพยานดังกล่าวที่ตอบคำซักถามของทนายโจทก์และตอบคำถามค้านทนายจำเลยแล้วบางส่วนมารับฟังประกอบพยานเอกสารของโจทก์และจำเลยที่ยื่นประกอบคำซักถามพยานปากนี้ได้ ส่วนจะรับฟังได้มากน้อยเพียงใดก็เป็นดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6333/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องชัดเจนไม่เคลือบคลุม ศาลมีอำนาจรับฟังพยานประกอบเอกสาร แม้ยังซักค้านไม่เสร็จ
คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงสภาพแห่งข้อหาว่าจำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ให้ทำของรวม 3 รายการ เป็นเงิน 750,000 บาท โดยได้บรรยายรายละเอียดว่าในแต่ละรายการมีอะไรบ้าง และคิดค่าแรงงานตลอดจนค่าวัสดุอุปกรณ์รวมเป็นเงินเท่าไร แม้ในส่วนของการชำระค่าจ้างโจทก์จะได้บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยได้ชำระค่าจ้างให้โจทก์ประมาณ 4 ถึง 6 ครั้ง แต่ก็ได้ระบุมาด้วยว่าจำเลยยังคงค้างค่าจ้างอยู่เท่าใด ซึ่งจำเลยเองก็ได้ให้การต่อสู้ว่าไม่มีหนี้ค้างชำระต่อโจทก์ ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ รวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นครบถ้วนแล้ว ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสองฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ป.วิ.พ.มาตรา 117 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่กำหนดถึงวิธีการซักถามพยานของคู่ความเพียงว่า เมื่อคู่ความฝ่ายที่อ้างพยานได้ซักถามพยานของฝ่ายตนเสร็จแล้ว ก็ให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งถามค้านพยานนั้นได้เท่านั้น มิได้บัญญัติให้มีผลถึงว่าหากยังถามค้านพยานคนใดไม่เสร็จสิ้นแล้วก็ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานดังกล่าวเลยแต่อย่างใดไม่ ศาลจึงมีอำนาจที่จะนำคำพยานดังกล่าวที่ตอบคำซักถามของทนายโจทก์และตอบคำถามค้านทนายจำเลยแล้วบางส่วนมารับฟังประกอบพยานเอกสารของโจทก์และจำเลยที่ยื่นประกอบคำซักถามพยานปากนี้ได้ ส่วนจะรับฟังได้มากน้อยเพียงใดนั้นก็เป็นดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยาน
ป.วิ.พ.มาตรา 117 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่กำหนดถึงวิธีการซักถามพยานของคู่ความเพียงว่า เมื่อคู่ความฝ่ายที่อ้างพยานได้ซักถามพยานของฝ่ายตนเสร็จแล้ว ก็ให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งถามค้านพยานนั้นได้เท่านั้น มิได้บัญญัติให้มีผลถึงว่าหากยังถามค้านพยานคนใดไม่เสร็จสิ้นแล้วก็ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานดังกล่าวเลยแต่อย่างใดไม่ ศาลจึงมีอำนาจที่จะนำคำพยานดังกล่าวที่ตอบคำซักถามของทนายโจทก์และตอบคำถามค้านทนายจำเลยแล้วบางส่วนมารับฟังประกอบพยานเอกสารของโจทก์และจำเลยที่ยื่นประกอบคำซักถามพยานปากนี้ได้ ส่วนจะรับฟังได้มากน้อยเพียงใดนั้นก็เป็นดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6229/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียว ความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภทเดียวกัน ศาลฎีกายกขึ้นแก้ไขได้
จำเลยกระทำผิดเพราะมีเมทแอมเฟตามีนและมีอีเฟดรีนของกลางซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทเดียวกันในวันเวลาเดียวกัน ความผิดของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6229/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภทเดียวกันในวันเวลาเดียวกัน ถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยกระทำผิดเพราะมีเมทแอมเฟตามีนและมีอีเฟดรีนของกลางซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทเดียวกันในวันเวลาเดียวกันความผิดของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาในปัญหานี้ศาลฎีกาก็ยกขึ้นแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6189/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่านาต้องเป็นไปตามเงื่อนไข พ.ร.บ.การเช่าที่ดินฯ การบอกเลิกก่อนกำหนดหรือขาดเหตุผลตามกฎหมายไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตามบทบัญญัติในมาตรา 26 และมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 เห็นได้ว่า เมื่อสิ้นระยะเวลาการเช่านาตามมาตรา 26 วรรคหนึ่งแล้ว ถ้าผู้ให้เช่านามิได้บอกเลิกการเช่านาตามมาตรา37 และผู้เช่านายังทำนาในที่นานั้นต่อไป ให้ถือว่าได้มีการเช่านานั้นต่อไปอีกคราวละหกปี และการบอกเลิกการเช่านาต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา 37 โดยผู้ให้เช่านาต้องบอกเลิกเป็นหนังสือให้ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีก่อนจะครบกำหนดการเช่านาและผู้ให้เช่านาจะบอกเลิกการเช่านาได้ก็ด้วยเหตุตามที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 37
การเช่านาระหว่างโจทก์และจำเลยจะครบกำหนดในวันที่ 20ตุลาคม 2532 แต่โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2532การบอกเลิกการเช่านาดังกล่าวจึงเป็นการบอกเลิกก่อนครบกำหนดการเช่าเพียง8 เดือนเท่านั้น และตามหนังสือบอกกล่าวก็มิได้ระบุเหตุแห่งการบอกเลิกการเช่านาไปยัง คชก.ตำบล ตามที่ พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 37 กำหนดไว้ การบอกเลิกการเช่านาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การเช่านาระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงยังไม่สิ้นสุดลง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
การเช่านาระหว่างโจทก์และจำเลยจะครบกำหนดในวันที่ 20ตุลาคม 2532 แต่โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2532การบอกเลิกการเช่านาดังกล่าวจึงเป็นการบอกเลิกก่อนครบกำหนดการเช่าเพียง8 เดือนเท่านั้น และตามหนังสือบอกกล่าวก็มิได้ระบุเหตุแห่งการบอกเลิกการเช่านาไปยัง คชก.ตำบล ตามที่ พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 37 กำหนดไว้ การบอกเลิกการเช่านาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การเช่านาระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงยังไม่สิ้นสุดลง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6189/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินทำนา ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข พ.ร.บ.เช่าที่ดินฯ การบอกเลิกก่อนกำหนดและไม่แจ้งเหตุต่อ คชก.ตำบล ทำให้สัญญาเช่ายังมีผล
ตามบทบัญญัติในมาตรา26และมาตรา37แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524เห็นได้ว่าเมื่อสิ้นระยะเวลาการเช่านาตามมาตรา26วรรคหนึ่งแล้วถ้าผู้ให้เช่านามิได้บอกเลิกการเช่านาตามมาตรา37และผู้เช่านายังทำนาในที่นานั้นต่อไปให้ถือว่าได้มีการเช่านานั้นต่อไปอีกคราวละหกปีและการบอกเลิกการเช่านาต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา37โดยผู้ให้เช่านาต้องบอกเลิกเป็นหนังสือให้ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีก่อนจะครบกำหนดการเช่านาและผู้ให้เช่านาจะบอกเลิกการเช่านาได้ก็ด้วยเหตุตามที่บัญญัติไว้ตามมาตรา37 การเช่านาระหว่างโจทก์และจำเลยจะครบกำหนดในวันที่20ตุลาคม2532แต่โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าเมื่อวันที่20กุมภาพันธ์2532การบอกเลิกการเช่านาดังกล่าวจึงเป็นการบอกเลิกก่อนครบกำหนดการเช่าเพียง8เดือนเท่านั้นและตามหนังสือบอกกล่าวก็มิได้ระบุเหตุแห่งการบอกเลิกการเช่านาไปยังคชก.ตำบลตามที่พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา37กำหนดไว้การบอกเลิกการเช่านาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายการเช่านาระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงยังไม่สิ้นสุดลงโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6189/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่านา ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข พ.ร.บ.เช่าที่ดินฯ หากไม่ครบถ้วน สัญญาเช่ายังมีผล
พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯมาตรา 26,37 กำหนดให้ผู้ให้เช่านาต้องบอกเลิกการเช่านาด้วยเหตุตามมาตรา 37 โดยทำเป็นหนังสือให้ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีก่อนจะครบกำหนดการเช่านา เมื่อโจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่านาไปยังจำเลยก่อนครบกำหนดการเช่าเพียง 8 เดือน และตามหนังสือบอกกล่าวก็มิได้ระบุเหตุการบอกเลิกการเช่านาไปยัง คชก.ตำบล ตามที่มาตรา 37 กำหนดไว้เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย การเช่านายังไม่สิ้นสุดลง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6012/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้หักเงินค่าเช่าซื้อเป็นค่าปรับมีผลผูกพันลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การที่ลูกหนี้ทำหนังสือยินยอมให้เจ้าหนี้นำเงินไปชำระหนี้รายใดก่อนเป็นการแสดงเจตนาเพื่อชำระหนี้ของลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา328วรรคแรกกระทำเพียงฝ่ายเดียวก็สมบูรณ์ผูกพันลูกหนี้