คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุดม มั่งมีดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 940 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8033-8037/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะนิติบุคคลของมิซซังโรมันคาทอลิกตามกฎหมายพิเศษและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
พระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาดหลวงโรมันคาทอลิคในกรุงสยามตามกฎหมายร.ศ.128ข้อ1และข้อ2วรรคหนึ่งและวรรคสองระบุให้มิสซังมีฐานะเป็นบริษัทมิสซังโรมันคาทอลิคกรุงเทพมหานครจึงเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา65,66ที่ได้ตรวจชำระใหม่ไม่ได้บัญญัติให้ยกเลิกมัสซังโรมันคาธอลิคว่าไม่เป็นนิติบุคคลแต่อย่างใดแต่ได้บัญญัติรับรองไว้ว่านิติบุคคลจะมีขึ้นได้ก็แต่ด้วยอาศัยอำนาจแห่งกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นและนิติบุคคลย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นภายในขอบอำนาจแห่งหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ดังได้บัญญัติหรือกำหนดไว้ในกฎหมายข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งเมื่อโจทก์เป็นมิสซังโรมันคาธอลิคเป็นนิติบุคคลอยู่ก่อนแล้วตามพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาดหลวงโรมันคาธอลิคในกรุงสยามตามกฎหมายร.ศ.128ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษยังใช้บังคับจนปัจจุบันนี้พระราชบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นกฎหมายอื่นฉบับหนึ่งตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา65โจทก์จึงย่อมมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายอยู่ต่อไป ข้อที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่ใช่บริษัทจำคุกตามความในบรรพ3ลักษณะ22หมวด4จึงไม่เป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ1หมวด2นั้นปัญหาข้อนี้แม้จะวินิจฉัยให้ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงถือว่าไม่เป็นสาระแก่คดีศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7953/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิปรับรายวันตามสัญญาซื้อขาย: เงื่อนไขการบอกเลิกสัญญาและการเรียกค่าปรับ
ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 4 ระบุไว้ว่า "เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามข้อตกลงแล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของซึ่งตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบตามจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกข้อตกลงได้ ในกรณีเช่นนี้ผู้ขายยอมชดใช้ค่าปรับ กรณีผิดข้อตกลงในอัตราร้อยละ 10 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่ง แล้วแต่กรณี ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันเลิกข้อตกลง ผู้ขายต้องรับผิดชอบชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่ตกลงซื้อไว้
หากผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกข้อตกลง ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2)วันถัดจากวันครบกำหนดในใบสั่งซื้อนี้ จนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน
ในระหว่างที่มีการปรับตามวรรคสอง ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามข้อตกลงต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกข้อตกลง และในกรณีเช่นนี้ผู้ขายยอมชดใช้ค่าปรับกรณีผิดข้อตกลงในอัตราร้อยละ 10 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในข้อ 4 วรรคแรกนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกข้อตกลงด้วยก็ได้"
ตามข้อสัญญาดังกล่าว การที่โจทก์มีสิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 4 วรรคสอง นั้น เป็นกรณีที่เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว โจทก์ยังไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา หากแต่ยังคงให้สัญญามีผลผูกพันต่อไปโดยยินยอมให้เวลาจำเลยส่งมอบสิ่งของภายหลังจากครบกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วได้ จึงเรียกค่าปรับเป็นรายวันได้นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยส่งมอบสิ่งของถูกต้องครบถ้วน ส่วนการที่จะมีสิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 4 วรรคสาม นั้น เป็นกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับตามสัญญาข้อ 4 วรรคสอง แล้ว กล่าวคือ โจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาข้อ 4 วรรคสองและเรียกให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันแล้ว จากนั้นหากยังเห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้แล้วจึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา เช่นนี้จึงจะมีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันได้จนถึงวันบอกเลิกสัญญา คดีนี้เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ภายในกำหนดตามสัญญา โจทก์ยังไม่บอกเลิกสัญญาทันทีโดยได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของต่อไปและสงวนสิทธิในการปรับ แต่การสงวนสิทธิในการปรับนี้ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เรียกให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันแล้ว เมื่อต่อมาโจทก์เห็นว่าจำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ได้จึงบอกเลิกสัญญา ดังนั้น จึงไม่ใช่การบอกเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับเป็นรายวันอันจะมีสิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันได้ดังที่กำหนดไว้ตามสัญญาข้อ 4 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7953/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการปรับเป็นรายวันตามสัญญาซื้อขาย: เงื่อนไขการบอกเลิกสัญญาและการเรียกค่าปรับ
ตามสัญญาเอกสารหมายจ.4ข้อ4ระบุไว้ว่า"เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามข้อตกลงแล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของซึ่งตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบตามจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกข้อตกลงได้ในกรณีเช่นนี้ผู้ขายยอมชดใช้ค่าปรับกรณีผิดข้อตกลงในอัตราร้อยละ10ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบและถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันเลิกข้อตกลงผู้ขายต้องรับผิดชอบชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่ตกลงซื้อไว้ หากผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกข้อตกลงผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง(0.2)วันถัดจากวันครบกำหนดในใบสั่งซื้อนี้จนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับตามวรรคสองถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฎิบัติตามข้อตกลงต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกข้อตกลงและในกรณีเช่นนี้ผู้ขายยอมชดใช้ค่าปรับผิดข้อตกลงในอัตราร้อยละ10ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในข้อ4วรรคแรกนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกข้อตกลงด้วยก็ได้" ตามข้อสัญญาดังกล่าวการที่โจทก์มีสิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ4วรรคสองนั้นเป็นกรณีที่เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วโจทก์ยังไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหากแต่ยังคงให้สัญญามีผลผูกพันต่อไปโดยยินยอมให้เวลาจำเลยส่งมอบสิ่งของภายหลังจากครบกำหนดเวลาตามสัญญาแล้วได้จึงเรียกค่าปรับเป็นรายวันได้นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยส่งมอบสิ่งของถูกต้องครบถ้วนส่วนการที่จะมีสิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ4วรรคสามนั้นเป็นกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับตามสัญญาข้อ4วรรคสองแล้วกล่าวคือโจทก์ได้ปฎิบัติตามสัญญาข้อ4วรรคสองและเรียกให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันแล้วจากนั้นหากยังเห็นว่าจำเลยไม่อาจปฎิบัติตามสัญญาต่อไปได้แล้วจึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่นนี้จึงจะมีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันได้จนถึงวันบอกเลิกสัญญาคดีนี้เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ภายในกำหนดตามสัญญาโจทก์ยังไม่บอกเลิกสัญญาทันทีโดยได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยส่งมอบสิ่งของต่อไปและสงวนสิทธิในการปรับแต่การสงวนสิทธิในการปรับนี้ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เรียกให้จำเลยชำระค่าปรับเป็นรายวันแล้วเมื่อต่อมาโจทก์เห็นว่าจำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ได้จึงบอกเลิกสัญญาดังนั้นจึงไม่ใช่การบอกเลิกสัญญาในระหว่างที่มีการปรับเป็นรายวันอันจะมีสิทธิปรับจำเลยเป็นรายวันได้ดังที่กำหนดไว้ตามสัญญาข้อ4วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7855/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน: สัญญาแยกต่างหากจากสัญญาจะซื้อจะขาย มีอายุความ 10 ปี
โจทก์เป็นผู้ชี้ช่องให้ ม. กับจำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโดยจำเลยตกลงจะจ่ายค่านายหน้าแก่โจทก์อัตราร้อยละ 3 ของราคาที่ซื้อขายกัน แม้ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาและ ม. ต้องฟ้องบังคับจำเลยก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมโอนที่ดินให้แก่ ม.หรือบุคคลที่ ม. ประสงค์จะให้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ศาลพิพากษาตามยอม จำเลยได้ปฏิบัติตามโดยทำหนังสือจดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่บริษัท ช. ที่ ม. ประสงค์มีผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อจะขาย โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่านายหน้าจากจำเลย สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาที่แยกต่างหากจาก สัญญาจะซื้อจะขาย แม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายจะได้บันทึกเรื่องที่จำเลยตกลงให้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ไว้ก็หาทำให้สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาจะซื้อจะขายไม่ โจทก์ฟ้องเรียกร้องเอาค่าบำเหน็จนายหน้าและไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7855/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าบำเหน็จนายหน้าสืบเนื่องจากสัญญาประนีประนอมยอมความที่เชื่อมโยงกับสัญญาจะซื้อจะขาย
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทระหว่าง ม. กับจำเลยเกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาและ ม.ฟ้องจำเลยแต่จำเลยก็ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมโอนที่ดินพิพาทให้นาย ม.หรือบุคคลที่ ม.ประสงค์ ศาลพิพากษาตามยอม ภายหลังจำเลยได้ปฏิบัติตามโดยโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่บริษัท ช. ที่ ม.ประสงค์ ซึ่งตรงกับราคาที่ระบุในสัญญาจะซื้อจะขาย ดังนี้สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวจึงมีผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมก็ย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ด้วย โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลย
สัญญานายหน้าเป็นสัญญาที่แยกต่างหากจากสัญญาจะซื้อจะขายแม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายจะบันทึกเรื่องที่จำเลยตกลงให้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ไว้ก็หาทำให้สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาจะซื้อจะขายไม่ โจทก์ฟ้องเรียกเอาบำเหน็จนายหน้าไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงมีอายุความ 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7855/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่านายหน้าจากการชี้ช่องทำสัญญา แม้มีสัญญาประนีประนอมยอมความก็ยังมีผล
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทระหว่างม.กับจำเลยเกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาและ ม.ฟ้องจำเลยแต่จำเลยก็ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมโอนที่ดินพิพาทให้นายม.หรือบุคคลที่ ม.ประสงค์ ศาลพิพากษาตามยอม ภายหลังจำเลยได้ปฏิบัติตามโดยโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่บริษัทช.ที่ม.ประสงค์ ซึ่งตรงกับราคาที่ระบุในสัญญาจะซื้อจะขายดังนี้สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวจึงมีผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมก็ย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ด้วย โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลย สัญญานายหน้าเป็นสัญญาที่แยกต่างหากจากสัญญาจะซื้อจะขายแม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายจะบันทึกเรื่องที่จำเลยตกลงให้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ไว้ก็หาทำให้สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาจะซื้อจะขายไม่ โจทก์ฟ้องเรียกเอาบำเหน็จนายหน้าไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงมีอายุความ 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7795/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนเด็กหญิงโดยบิดาเลี้ยง: อำนาจปกครองทางกฎหมายและบทบัญญัติอาญามาตรา 285
จำเลยมิใช่บิดาเด็กหญิงม. โดยเด็กหญิงม. เป็นบุตรติดป. มาแล้วป. อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลยฉะนั้นอำนาจปกครองเด็กหญิงม. จึงตกอยู่แก่ป. มารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1568หาใช่อยู่ในความปกครองของจำเลยซึ่งเป็นบิดาเลี้ยงไม่และคำว่า"ผู้อยู่ในความปกครอง"ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา285หมายถึงความปกครองตามที่กฎหมายบัญญัติไว้มิใช่เป็นความปกครองโดยพฤตินัยจำเลยกระทำชำเราเด็กหญิงม.จึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา285

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7795/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองเด็กและการข่มขืนโดยบิดาเลี้ยง: การตีความ 'ผู้อยู่ในความปกครอง' ตามมาตรา 285
จำเลยมิใช่บิดาเด็กหญิง ม. โดยเด็กหญิง ม. เป็นบุตรติด ป. มาแล้ว ป. อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลยฉะนั้น อำนาจปกครองเด็กหญิง ม. จึงตกอยู่แก่ ป.มารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1568 หาใช่อยู่ในความปกครองของจำเลยซึ่งเป็นบิดาเลี้ยงไม่ และคำว่า"ผู้อยู่ในความปกครอง" ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 285 หมายถึงความปกครองตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ มิใช่เป็นความปกครองโดยพฤตินัย จำเลยกระทำชำเราเด็กหญิง ม.จึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7795/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานและการตีความอำนาจปกครองในคดีอาญา
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเป็นพยานบอกเล่าจะรับฟังดังเช่นคำเบิกความของพยานในชั้นพิจารณาหาได้ไม่ แต่อาจรับฟังว่าผู้เสียหายได้ให้การเช่นนั้นไว้ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อวิเคราะห์สอดส่องถึงข้อเท็จจริงในคดีได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนบันทึกคำให้การของผู้เสียหายไว้โดยไม่ถูกต้อง และคำให้การของผู้รู้เห็นเหตุการณ์ในชั้นสอบสวนก็ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังประกอบพยานอื่นดังนั้น ศาลพิจารณาคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานประกอบพยานหลักฐานอื่นลงโทษจำเลยได้
คำว่า "ผู้อยู่ในความปกครอง" ตาม ป.อ. มาตรา 285ต้องตีความโดยเคร่งครัด จำเลยมิใช่บิดาของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเป็นเพียงบุตรติดนาง ป.มา แล้วนาง ป.อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลย อำนาจปกครองของผู้เสียหายจึงตกแก่นาง ป. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1568 จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตาม ป.อ. มาตรา 285

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7704/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด (เฮโรอีน) เป็นกรรมเดียว ศาลพิพากษาลงโทษฐานจำหน่าย
จำเลยนำเฮโรอีนของกลางทั้งหมดไปจำหน่ายให้แก่สายลับใน คราวเดียวกัน ไม่มีเฮโรอีนจำนวนอื่นเหลืออยู่ที่จำเลยอีก การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนอันเป็นกรรมเดียวเป็น ความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐาน จำหน่ายเฮโรอีน
of 94