พบผลลัพธ์ทั้งหมด 781 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดิน/ตึก: จำเลยผิดสัญญาเมื่อไม่บอกกล่าวก่อนบอกเลิกสัญญาส่วนโจทก์ต้องชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ย
สัญญาจะซื้อขายที่ดินและตึกแถวระบุว่าชำระเงินดาวน์และเงินที่เหลือภายในกำหนดไว้ในสัญญา แต่ผู้ซื้อชำระเงินดาวน์เกินกำหนดเวลาตามสัญญาตลอดมาทุกงวด จำเลยก็ยินยอมรับไว้โดยมิทักท้วงถือว่าผู้ขายไม่ถือเอากำหนดเวลาชำระเงินดาวน์และราคาที่ดินพร้อมตึกแถวตามสัญญาเป็นสาระสำคัญ หากผู้ขายประสงค์จะเลิกสัญญาต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 คือต้องบอกกล่าวกำหนดระยะเวลาพอสมควรให้ผู้ซื้อชำระเงินดาวน์ที่ค้างชำระอยู่ก่อน ต่อเมื่อผู้ซื้อไม่ชำระเงินดาวน์ที่ค้างชำระอยู่ภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ ผู้ขายจึงจะบอกเลิกสัญญาแก่ผู้ซื้อได้เมื่อผู้ขายมิได้บอกกล่าวกำหนดระยะเวลาพอสมควรให้ผู้ซื้อชำระเงินดาวน์ที่ค้างก่อน ผู้ขายจึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญากับผู้ซื้อได้สัญญาจะซื้อขายยังไม่เลิกกัน ผู้ซื้อฟ้องบังคับให้ผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลมีอำนาจตรวจสอบลายมือชื่อเองได้ และไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเสมอไป การโต้แย้งคำวินิจฉัยต้องชัดเจน
การวินิจฉัยลายมือชื่อในเอกสารว่าเป็นลายมือชื่อปลอมหรือไม่ไม่มีกฎหมายบังคับว่าศาลต้องฟังข้อพิสูจน์เป็นหลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญก่อนแต่อย่างใดและสิ่งใดที่บุคคลธรรมดาอาจตรวจเห็นได้แล้ว ศาลก็ย่อมตรวจเห็นเองได้ ดังนั้นศาลจึงมีอำนาจตรวจสอบลายมือชื่อของโจทก์ในเอกสารหลายฉบับในสำนวนเปรียบเทียบกันเพื่อวินิจฉัยชี้ขาดว่าลายมือชื่อเจ้าของรถในคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์ไม่ใช่ลายมือชื่อของโจทก์ได้ เมื่อข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยไม่ตรงตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์โดยชัดแจ้งศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ควบคุมการรื้อถอนอาคารที่ผิดแบบและประมาทเลินเล่อจนเกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกาย
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ควบคุมดูแลการรื้อถอนอาคาร ถือได้ว่าเป็นผู้จัดให้มีการรื้อถอนอาคารที่เกิดเหตุ เมื่อฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการรื้อถอนอาคารอันอาจจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522มาตรา 31 วรรคแรกแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมงานในความหมายตามมาตรา 4 จึงไม่มีความผิดตามมาตรา 31 วรรคสองอีกเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดให้มีการรื้อถอนอาคารที่เกิดเหตุได้ดำเนินการรื้อถอนโดยทุบพื้นคอนกรีตทุกชั้นก่อนเพื่อให้วัสดุที่รื้อถอนหล่นลงมาข้างล่างตามช่องพื้นที่ทุบไว้ และเศษอิฐเศษปูนที่ไม่สามารถผ่านช่องพื้นที่ทุบไว้ได้คงค้างอยู่จนพื้นชั้นที่ 6 รับน้ำหนักไม่ไหว เป็นเหตุให้อาคารที่กำลังรื้อถอนอยู่นั้นพังลงมาทับคนงานที่กำลังรื้อถอนอาคารอยู่ถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายแก่กาย เป็นการรื้อถอนที่ผิดไปจากแบบแปลนและเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดและเป็นการกระทำโดยประมาท จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291,390และพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 31,70
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการพิจารณาคดีเนื่องจากจำเลยไม่ทราบเรื่องฟ้องคดี การส่งหมายที่ภูมิลำเนาเดิมหลังขายทรัพย์สิน
จำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องเพราะจำเลยขายบ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมให้แก่ ช. ไป และได้ย้ายไปอยู่บ้านของภรรยาแล้ว และไม่ได้รับการติดต่อ จาก ช. เรื่องที่จำเลยถูกฟ้อง เนื่องจาก ช. ไม่ทราบที่อยู่ใหม่ของจำเลย และจำเลยไม่ได้ไปที่ บ้านเดิมอีกเลย กรณีถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา คำร้องของ จำเลยระบุว่า การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์ รวมทั้งคำบังคับ เนื่องจากโจทก์นำไปส่งที่บ้าน ที่จำเลยขายไปแล้ว ถือได้ว่าคำขอของจำเลย แสดงเหตุแห่งการล่าช้าอันเนื่องมาจากพฤติการณ์ นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจรู้ได้ ทำให้ไม่สามารถยื่น คำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาเนื่องจากจำเลยไม่ทราบที่อยู่ใหม่หลังขายบ้าน
จำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องเพราะจำเลยขายบ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมให้แก่ ช.ไป และได้ย้ายไปอยู่บ้านของภรรยาแล้ว และไม่ได้รับการติดต่อจาก ช. เรื่องที่จำเลยถูกฟ้อง เนื่องจาก ช.ไม่ทราบที่อยู่ใหม่ของจำเลย และจำเลยไม่ได้ไปที่บ้านเดิมอีกเลย กรณีถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
คำร้องของจำเลยระบุว่า การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์รวมทั้งคำบังคับ เนื่องจากโจทก์นำไปส่งที่บ้านที่จำเลยขายไปแล้ว ถือได้ว่าคำขอของจำเลยแสดงเหตุแห่งการล่าช้าอันเนื่องมาจากพฤติการณ์นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจรู้ได้ ทำให้ไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลย
คำร้องของจำเลยระบุว่า การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์รวมทั้งคำบังคับ เนื่องจากโจทก์นำไปส่งที่บ้านที่จำเลยขายไปแล้ว ถือได้ว่าคำขอของจำเลยแสดงเหตุแห่งการล่าช้าอันเนื่องมาจากพฤติการณ์นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจรู้ได้ ทำให้ไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยมีเหตุป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การช่วยเหลือภริยาจากการถูกโจทก์กอดปล้ำ
โจทก์กอดปล้ำภริยาจำเลย จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ 1 ครั้งเพื่อช่วยภริยาจำเลยมิให้โจทก์ใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำภริยาจำเลยต่อไป เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้ความรุนแรงเพื่อช่วยเหลือภริยาจากการถูกทำร้าย
โจทก์กอดปล้ำภริยาจำเลย จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์เพื่อช่วยภริยาจำเลยมิให้โจทก์ใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำภริยาจำเลยต่อไปเพียง1 ครั้ง เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 720/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ศาลฎีกาลดโทษจากพฤติการณ์ช่วยเหลือการตรวจค้น
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดโทษจำคุกจำเลยหนักเกินไปหากศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่เหมาะสมตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีย่อมกำหนดโทษใหม่ได้ เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นบ้านจำเลยเพื่อหาเฮโรอีน การที่จำเลยได้นำเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นบริเวณบ้านดังกล่าวย่อมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุลดโทษ ศาลฎีกาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินพิพาท: การครอบครองปรปักษ์และหลักฐานการซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์
บิดาโจทก์ตกลงซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลย และจำเลยได้ใช้เชือกวัดและปักหลักเขตที่ดินพิพาทให้ทั้งสี่มุมตั้งแต่ในวันตกลงซื้อขายบิดาโจทก์ได้ล้อมรั้วและปรับที่ดินพิพาทพร้อมที่จะปลูกบ้านอยู่อาศัยได้เป็นเวลานานหลายปีมาแล้วจำเลยไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท ต่อมาบิดาโจทก์ยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ และโจทก์ได้เข้าครอบครองตลอดมา โจทก์จึงได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อในคดีอาญา: การรับสารภาพของผู้ต้องหาต่อหน้าศาลชั้นต้นมีผลผูกพันในการนับโทษ
เมื่อปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 5463/2532,5524/2532 และคดีดำที่ 2497/2532,3145/2532 และ 5904/2532ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาให้นับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ 5463/2532,5524/2532,6066/2532(ดำที่ 3145/2532),6100/2532(ดำที่ 2497/2532) และ 1752/2532(ดำที่ 5904/2532) ของศาลชั้นต้นได้.