คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมศักดิ์ วิธุรัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 781 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมั้นต้องเป็นกิจจะลักษณะและเปิดเผย การสู่ขออย่างเดียวไม่ถือเป็นการหมั้นตามกฎหมาย
แม้กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ขณะมีการหมั้นจะมิได้บัญญัติว่า การหมั้นจะต้องมีของหมั้น แต่การหมั้นก็ควรจะต้องกระทำกันเป็นกิจจะลักษณะและเปิดเผยให้เป็นที่รับรู้ของบุคคลทั่วไป การสู่ขอกันไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการหมั้นกันตามกฎหมาย ดังนี้จำเลยผิดข้อตกลงโจทก์จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ค้างจ่ายเกิน 5 ปี ทำให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมาย
โจทก์แถลงขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลสั่งคืน ศาลมีคำสั่งอนุญาต แต่โจทก์ไม่มารับ แสดงว่าเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลสั่งอนุญาตให้คืนแก่โจทก์ยังค้างจ่ายอยู่ในศาล โจทก์มาแถลงขอรับเงินดังกล่าวอีกเมื่อพ้นกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่ศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์รับไป เงินดังกล่าวจึงตกเป็นของแผ่นดินไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินค่าฤชาธรรมเนียมค้างจ่ายเกิน 5 ปี ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมาย
โจทก์แถลงขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลสั่งคืน ศาลมีคำสั่งอนุญาต แต่โจทก์ไม่มารับ แสดงว่าเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ ศาลสั่งอนุญาตให้คืนแก่โจทก์ยังค้างจ่ายอยู่ในศาล โจทก์มาแถลง ขอรับเงินดังกล่าวอีกเมื่อพ้นกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่ศาลสั่งอนุญาต ให้โจทก์รับไป เงินดังกล่าวจึงตกเป็นของแผ่นดินไปแล้วตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 323.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ค้างจ่ายเกิน 5 ปี ทำให้ตกเป็นของแผ่นดิน
โจทก์แถลงขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลสั่งคืนตามคำพิพากษาตามยอม ศาลมีคำสั่งอนุญาต แต่โจทก์ไม่มารับ จึงเป็นเงินที่ยังค้างจ่ายอยู่ในศาล โจทก์มาแถลงขอรับอีกครั้งเมื่อพ้นกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่ศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์รับไป เงินดังกล่าวจึงตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 323

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินค่าฤชาธรรมเนียมค้างรับเกิน 5 ปี ตกเป็นของแผ่นดิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้คืนค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์15,000 บาท และได้สั่งอนุญาตให้โจทก์รับเงินค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวไปตามคำแถลงขอรับเงินของโจทก์ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม2524 แล้ว แต่โจทก์ไม่มารับ แสดงว่าเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้คืนแก่โจทก์ยังค้างจ่ายอยู่ในศาลเมื่อโจทก์เพิ่งมาขอรับเงินดังกล่าวในวันที่ 27 มิถุนายน 2533 ซึ่งพ้นกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์รับไป เงินดังกล่าวจึงตกเป็นของแผ่นดินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 323.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม: เหตุบรรเทาโทษและการรอการลงโทษ
แม้ป่าไม้จะเป็นทรัพยากรธรรมชาติสำคัญที่ประชาชนควรจะร่วมกันบำรุงรักษาป้องกันไว้ และพื้นที่ป่าที่จำเลยกระทำความผิดจะมีเนื้อที่มากถึง 62 ไร่เศษก็ตาม แต่ตามหลักฐานต่าง ๆ ของจำเลยในสำนวนซึ่งโจทก์มิได้โต้แย้งปรากฏว่าพื้นที่ป่าที่จำเลยกระทำความผิดมีสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม มีผู้อื่นได้รับสัมปทานทำเหมืองแร่มาก่อน บริเวณใกล้เคียงมีราษฎรเข้าไปจับจองทำกินอยู่เป็นจำนวนมาก หลังเกิดเหตุแล้วทางการก็ดำเนินการปักปัน แนวเขตเตรียมการจะให้เป็นที่ทำกินของราษฎร พฤติการณ์แห่งคดีการกระทำความผิดของจำเลยเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนัก มีเหตุอันควรปรานีที่จะรอการลงโทษให้จำเลย ตามป.อ. มาตรา 56.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้คู่ความอีกฝ่าย
ศาลมีคำสั่งในวันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ว่า "รับอุทธรณ์สำเนาให้โจทก์ ให้จำเลยนำส่งให้โจทก์ภายใน 7 วันมิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์" และตามแบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ซึ่งทนายจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้อุทธรณ์มีข้อความว่า"ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาอุทธรณ์ โดยข้อความถูกต้องอย่างเดียวกันมาด้วย 1 ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอให้ ถือว่าทราบแล้ว" จึงถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่ง ของศาลแล้วเมื่อจำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ ภายในเวลาที่กำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบด้วยมาตรา 246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุใหม่นอกเหนือคำแถลงเดิม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยทั้งสามยื่นคำแถลงขอขยายระยะเวลาการนำส่งสำเนาอุทธรณ์โดยอ้างว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงในหลักการที่จะให้จำเลยชำระหนี้โจทก์ แต่ทนายโจทก์ต้องไปขออนุญาตตัวความก่อน ปรากฏว่าศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งว่าจำเลยทั้งสามทิ้งอุทธรณ์ การที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่าวันที่ครบกำหนดให้แถลงนั้นตรงกับวันหยุดราชการ และในวันที่ศาลเปิดทำการจำเลยก็เดินทางไปต่างจังหวัดรถเสียกลางทางจึงเดินทางมาศาลไม่ทันกำหนดจึงไม่มีเจตนาทิ้งอุทธรณ์นั้น เป็นการที่จำเลยทั้งสามยกเรื่องนอกเหนือจากข้ออ้างที่อ้างไว้ในคำแถลงที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อเอื้อประโยชน์ในการออกใบอนุญาต ถือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
จำเลยเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานคร ตำแหน่งเจ้าหน้าที่อนามัยมีหน้าที่ตรวจโรงงานและมีอำนาจเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาว่าจะออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพหรือไม่ จำเลยไปตรวจโรงงานของผู้เสียหายพบว่ามีข้อบกพร่องในการขอออกใบอนุญาตประกอบกิจการค้าดังกล่าว ต่อมาจำเลยรับเงินจากผู้เสียหาย 2,000 บาท เป็นค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาต 1,000 บาท ส่วนที่เกินเป็นเงินที่จำเลยเรียกร้องเอาเป็นค่าตอบแทนในการทำเรื่องเพื่อออกใบอนุญาตถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการพิจารณาว่าจะออกใบอนุญาตให้แก่บุคคลใดในการประกอบกิจการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร การที่จำเลยเรียกร้องเงินจากผู้เสียหายเป็นการตอบแทนในการดำเนินการออกใบอนุญาตดังกล่าว จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อออกใบอนุญาตเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
จำเลยมีหน้าที่ออกตรวจพื้นที่มีอำนาจที่จะเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชา ให้ออกหรือไม่ให้ออกใบอนุญาตก็ได้ ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการพิจารณาว่าจะออกใบอนุญาตให้แก่บุคคลใดในการประกอบกิจการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครการที่จำเลยเรียกร้องเงินจากผู้เสียหายเป็นการตอบแทนในการดำเนินการออกใบอนุญาตดังกล่าว จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
of 79