คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมศักดิ์ วิธุรัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 781 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อออกใบอนุญาตเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้ออกตรวจสถานประกอบการค้ามีอำนาจหน้าที่เสนอต่อผู้บังคับบัญชาให้ออกหรือไม่ให้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบกิจการค้าถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการพิจารณาออกใบอนุญาต จำเลยเรียกร้องเงินเป็นการตอบแทนการออกใบอนุญาต จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค: การฟ้องคดีแรกแล้วยกฟ้อง ไม่ทำให้ระยะเวลาอายุความสะดุดหยุดลง
แม้โจทก์จะยื่นฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คในคดีก่อนภายในอายุความก็ตาม แต่เมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง ย่อมถือไม่ได้ว่าการฟ้องคดีดังกล่าวเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง อายุความ และสิทธิของเจ้าของเดิมที่มีต่อที่ดิน
จำเลยได้ครอบครองปลูกบ้านและทำประโยชน์ในที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเรื่อยมานับแต่บิดามารดาจำเลยยังมีชีวิตเป็นเวลานานหลายสิบปีที่พิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครอง แม้โจทก์จะจดทะเบียนการได้มา ซึ่งที่พิพาทโดยการครอบครองตามคำสั่งศาล โจทก์ก็ไม่มีสิทธิดีกว่าอันจะเป็นเหตุให้มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์: เจตนาเป็นเจ้าของ ความต่อเนื่อง และระยะเวลา
จำเลยครอบครองปลูกบ้านและทำประโยชน์ในที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนดด้วยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเรื่อยมาเป็นเวลานานหลายสิบปี ที่พิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองตามกฎหมาย แม้โจทก์จะจดทะเบียนการได้มาซึ่งที่พิพาทโดยการครอบครองตามคำสั่งศาลไปก่อนแล้ว โจทก์ก็หามีสิทธิดีกว่าอันจะเป็นเหตุให้มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยไม่ เพราะโจทก์มิใช่ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินตามคำพิพากษาตามยอม การซื้อขายที่ดินส่วนของผู้อื่นเป็นโมฆะ
ศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ที่ 1ที่ 2 และ ร. สามีโจทก์ที่ 3 ที่ตายไปแล้วกับจำเลยที่ 1 ให้แบ่งที่ดินมรดกระหว่างกัน ได้มีการตกลงแบ่งเขตที่ดินกันเป็นส่วนสัดแล้ว จึงตกเป็นของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ร. และจำเลยที่ 1ตามส่วนที่ได้รับแบ่งมา แม้จำเลยที่ 1 จะได้นำที่ดินพิพาททั้งหมดไปออกโฉนดเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียวเต็มทั้งแปลงก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในส่วนของโจทก์ที่ 1 ที่ 2และ ร. จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิที่จะยกที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และ ร.ให้แก่พ. คงมีสิทธิที่จะยกส่วนของตนให้ พ.เท่านั้นเมื่อพ. ตาย จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยาผู้รับมรดกของ พ.จึงไม่มีสิทธิดีไปกว่าพ. การที่จำเลยที่ 2 ขายที่ดินพิพาททั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 3 แต่จำเลยที่ 2มีสิทธิขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของตนที่ได้รับมาให้แก่จำเลยที่ 3เท่านั้น ไม่มีสิทธิขายที่ดินพิพาททั้งหมดซึ่งเป็นส่วนของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และ ร. รวมอยู่ด้วยให้แก่จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเพียงเฉพาะส่วนที่จำเลยที่ 1 ได้รับแบ่งมรดกและต่อมาตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 เท่านั้น แต่ศาลพิพากษาเพิกถอนการซื้อขายที่ดินพิพาททั้งแปลงไม่ได้ คงเพิกถอนได้เฉพาะการซื้อขายที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และ ร.เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินหลังแบ่งแยก: ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยที่ 1 แบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และ ร. สามีโจทก์ที่ 3 และคู่ความในคดีได้ตกลงแบ่งเขตที่ดินกันครอบครองเป็นส่วนสัดแล้ว โจทก์ทั้งสามจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามส่วนที่แบ่งกัน แม้จำเลยที่ 1จะนำเอาที่ดินพิพาททั้งหมดไปออกโฉนดเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียว ก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ทั้งสาม และไม่ใช่การแย่งการครอบครอง จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิที่จะยกที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ทั้งสามให้แก่ พ. คงมีสิทธิยกให้เฉพาะส่วนของตนเท่านั้น เมื่อ พ. ตาย จำเลยที่ 2 ภรรยาผู้รับมรดกของ พ.ก็ไม่มีสิทธิดีกว่าพ. จึงไม่มีสิทธิขายที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ทั้งสามให้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหมดทั้งแปลง คงได้เฉพาะส่วนที่จำเลยที่ 1ได้รับแบ่งตามคำพิพากษาตามยอมและต่อมาตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 เท่านั้น เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานนอกประเด็นข้อพิพาท ศาลมีสิทธิไม่อนุญาตได้ แม้จะเป็นประเด็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ศาลไม่ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบในประเด็นดังกล่าวเพราะจะเป็นการนำสืบนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเพิกถอนพินัยกรรม: ทายาทมีสิทธิฟ้องหากพินัยกรรมทำโดยข่มขู่หรือฉ้อฉล
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบุตร ของ ส.ซึ่งมีสิทธิได้รับทรัพย์คนละส่วนตามข้อกำหนดในพินัยกรรมของส.กับพินัยกรรมมีข้อกำหนดให้ทรัพย์อีกส่วนหนึ่งตกได้แก่ผู้ทำบุญ อุทิศให้แก่ ส.เมื่อส.ถึงแก่กรรมอันเป็นเจตนาของส. จำเลยที่ 3ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ยื่นเรื่องขอจดทะเบียนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมต่อนายอำเภอ คดีนี้ เมื่อโจทก์เห็นว่าพินัยกรรมไม่ถูกต้อง เป็นโมฆะทำขึ้นโดย มีการบังคับขู่เข็ญหรือฉ้อฉลไม่เป็นไปตามเจตนาเดิมของ ส. โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะทายาทของ ส. ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมดังกล่าวได้ตามป.พ.พ. มาตรา 1708 และมาตรา 1709.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเพิกถอนพินัยกรรม: ทายาทมีสิทธิฟ้องหากพินัยกรรมทำด้วยการข่มขู่หรือฉ้อฉล
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบุตรของ ส. เจ้ามรดก ร่วมกับจำเลยที่ 3 พา ส.ไปทำพินัยกรรมที่ที่ว่าการอำเภอต่อมาส.ถึงแก่กรรมลง จำเลยที่ 3 ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมต่อนายอำเภอ โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในฐานะบุตรซึ่งเป็นทายาทของส. จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมที่ทำเพราะการข่มขู่หรือกลฉ้อฉลนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1708 และ 1709

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีแพ่งหลังคดีอาญา ยกฟ้อง: ประเมินจากวันที่รู้ถึงการละเมิด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคท้ายถ้าโจทก์ได้ฟ้องคดีอาญาและศาลได้พิพากษายกฟ้องจนคดีเด็ดขาดแล้วก่อนที่ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง สิทธิของผู้เสียหายจะฟ้องคดีแพ่งย่อมมีอายุความตามหลักทั่วไปในเรื่องอายุความแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 วรรคแรก ซึ่งขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด
of 79