พบผลลัพธ์ทั้งหมด 781 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6299/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อแตกต่างสาระสำคัญในฟ้องกับการพิจารณา ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ศาลต้องไม่ลงโทษเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างหรือใช้ผู้มีชื่อให้ฆ่าผู้เสียหาย และผู้มีชื่อนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยว่าจ้าง ร.ไปฆ่าผู้เสียหายแต่ร. ไม่ทำตามที่จำเลยว่าจ้างคนร้ายที่ยิงผู้เสียหายไม่ใช่ผู้ที่จำเลยว่าจ้าง ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้องในสาระสำคัญ ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้และไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6259/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย
ที่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องที่จำเลยขอให้รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า "เห็นว่าคดีนี้มีปัญหาที่ว่าพยานวัตถุอันเป็นพยานเกี่ยวข้องในคดีซึ่งเป็นพยานสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา จึงอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้" นั้น เป็นคำสั่งที่มิได้มีข้อความใดที่แสดงว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 221 ถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบ ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ไม่ได้
ส่วนที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า นาย ส.ผู้ตาย สามีโจทก์ร่วมมีส่วนในการกระทำผิดด้วย โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมนั้น เมื่อศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้เสียแล้ว ย่อมไม่ทำให้ผลของคดีนี้เปลี่ยนแปลงไป ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า นาย ส.ผู้ตาย สามีโจทก์ร่วมมีส่วนในการกระทำผิดด้วย โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมนั้น เมื่อศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้เสียแล้ว ย่อมไม่ทำให้ผลของคดีนี้เปลี่ยนแปลงไป ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6259/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งอนุญาตฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงไม่ชอบตามกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ที่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องที่จำเลยขอให้รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า"เห็นว่าคดีนี้มีปัญหาที่ว่าพยานวัตถุอันเป็นพยานเกี่ยวข้องในคดีซึ่งเป็นพยานสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา จึงอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้" นั้น เป็นคำสั่งที่มิได้มีข้อความใดที่แสดงว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด จึงเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221ถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ไม่ได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า นายส.ผู้ตาย สามีโจทก์ร่วมมีส่วนในการกระทำผิดด้วย โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมนั้น เมื่อศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้เสียแล้ว ย่อมไม่ทำให้ผลของคดีนี้เปลี่ยนแปลงไปฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6259/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงต้องมีเหตุผลตามกฎหมาย การที่โจทก์ร่วมมีอำนาจฟ้องหรือไม่ ไม่กระทบผลคดีหากศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง
คำสั่งของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่มีข้อความใดแสดงว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควร สู่ศาลสูงสุดจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 221 ถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว การที่ โจทก์ร่วมจะเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมหรือไม่ นั้น ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยจึง ไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 15.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6196/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจัดหางาน: แม้มีการดำเนินการบางส่วน แต่เจตนาหลอกลวงเพื่อรับเงินชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องในฐานความผิดฉ้อโกงมีใจความว่าจำเลยกับพวกรับสมัครคนหางานเพื่อส่งไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน หากบุคคลใดต้องการไปทำงาน และเมื่อเสียค่าบริการให้แก่จำเลยกับพวกแล้วจำเลยกับพวกจะส่งบุคคลนั้นไปทำงานยังประเทศไต้หวันตามที่ต้องการซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงจำเลยกับพวก มิได้รับอนุญาตให้จัดหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จำเลยกับพวกไม่มีความสามารถจัดส่งคนงานไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน และไม่มีเจตนาที่จะส่งคนงานไปทำงานที่ประเทศไต้หวันดังที่จำเลยกับพวกกล่าวอ้าง เช่นนี้คำฟ้องของโจทก์ได้ความโดยชัดแจ้งว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจัดหางานให้แก่โจทก์ร่วมกับผู้เสียหาย จำเลยหลอกลวงโจทก์ร่วมและผู้เสียหายว่าจะส่งโจทก์ร่วมและผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศไต้หวันก็เพื่อที่จะได้รับเงินค่าบริการจากโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคแรก จำเลยเป็นผู้ชักชวนโจทก์ร่วมและผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน โดยอ้างว่าเคยส่งคนไปทำงานมาแล้ว และเรียกค่าบริการจากโจทก์ร่วมและผู้เสียหาย จำเลยรับเงินจากโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้โจทก์ร่วมและผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงานตามที่จำเลยพูดรับรองไว้ ทั้งไม่ยอมคืนเงินให้แก่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยร่วมหลอกลวงโจทก์ร่วมและผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ.มาตรา 341.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6168/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดิน: การผิดสัญญาเนื่องจากไม่เร่งรัดจัดสรรขาย และหนังสือมอบอำนาจที่ปิดอากรแสตมป์ช้า
แม้ในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมีข้อความระบุให้จำเลยมีสิทธิชำระเงินส่วนที่เหลือได้เมื่อจัดสรรขายที่ดินหมดแล้วโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา ข้อสัญญาดังกล่าวมีความหมายว่าจำเลยต้องรีบดำเนินการจัดสรรและเร่งรัดขายที่ดินภายในเวลาอันสมควร เมื่อจำเลยปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา หนังสือมอบอำนาจไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำหรือขณะยื่นฟ้องแต่ขณะส่งหนังสือนั้นต่อศาลในวันสืบพยานได้มีการปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้ว หนังสือมอบอำนาจย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6099/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการคัดค้านคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์: การหมดสิทธิเนื่องจากไม่ยื่นคำคัดค้านตามกำหนด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวนคำร้องโดยระบุว่าผู้ใดประสงค์จะคัดค้านให้ยื่นคำร้องคัดค้านก่อนวันนัดไต่สวน ผู้คัดค้านไม่ยื่นคำร้องคัดค้านภายในกำหนด จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องคัดค้าน เพราะล่วงเลยเวลาที่จะยื่นคำร้องคัดค้าน ทั้งมิใช่กรณีคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขาดนัดพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 อันจะขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6099/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ยื่นคำคัดค้านตามกำหนดทำให้เสียสิทธิในการโต้แย้งคำสั่งศาลในคดีครอบครองปรปักษ์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวนคำร้องโดยระบุว่าผู้ใดประสงค์จะคัดค้านให้ยื่นคำร้องคัดค้านก่อนวันนัดไต่สวนไม่มีผู้ใดคัดค้าน ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและมีคำสั่งในวันเดียวกันว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง เมื่อผู้คัดค้านไม่มายื่นคำร้องคัดค้านภายในกำหนดที่ประกาศ ผู้คัดค้านย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องเพื่อทำการไต่สวนใหม่เพราะล่วงเลยเวลาที่จะยื่นคำคัดค้านไปแล้ว และกรณีเช่นนี้มิใช่เรื่องคู่ความฝ่ายหนึ่งขาดนัด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6095/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์
การที่โจทก์ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งกำหนดให้นำส่งสำเนาอุทธรณ์แล้ว แต่ไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6095/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนด
แม้จะมีเหตุขัดข้องทำให้ส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยไม่ได้อย่างไร โจทก์ก็จะเพิกเฉยไม่แจ้งเหตุและขออนุญาตขยายระยะเวลาเพื่อนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยหาได้ไม่ คำร้องของโจทก์ที่ยื่นขอส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็ไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัยที่ทำให้โจทก์ไม่อาจแจ้งเหตุและขออนุญาตขยายระยะเวลาเพื่อนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยไม่ได้ก่อนวันครบกำหนดดังกล่าว การที่โจทก์ไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์