พบผลลัพธ์ทั้งหมด 781 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5938/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: แม้ชื่อผู้ครอบครองในบัญชีไม่ตรง ก็ไม่กระทบสิทธิเวนคืน หากที่ดินอยู่ในแนวเขตที่กำหนด
ขณะจำเลยสำรวจที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่กิ่งอำเภอบ้านฉางอำเภอเมืองระยอง และอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยองพ.ศ. 2525 ที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในแนวเขตที่จะถูกเวนคืนด้วยมีชื่อบ. เป็นเจ้าของ เมื่อสำรวจเสร็จได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลห้วยโป่งและตำบลมาบตาพุดอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2527 ออกใช้บังคับ โดยระบุชื่อบ. เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินพิพาทท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งที่โจทก์ได้ซื้อที่ดินพิพาทมาจาก บ. ก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 พระราชบัญญัติฉบับนี้จึงมีเจตนารมณ์ มุ่งบังคับเอาแก่ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นซึ่งอยู่ในแนวเขตที่จะต้องเวนคืนโดยเฉพาะ หาได้ถือเอาตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองเป็นสาระสำคัญไม่เหตุที่ให้ระบุชื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายไว้ ก็เพื่อประโยชน์ในการจ่ายหรือวางเงินค่าทดแทนเท่านั้น ดังนั้นแม้จะไม่ปรากฏชื่อโจทก์เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินพิพาทท้ายพระราชบัญญัติเวนคืนดังกล่าว ก็หามีผลทำให้ที่ดินพิพาทไม่อยู่ภายใต้บังคับที่จะถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5889/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่: คดีละเมิดอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 224 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านให้จำเลยที่ 2 อยู่ในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์โดยไม่มีอำนาจ ขอให้ขับไล่ จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าไม่ใช่ที่ดินของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้ละเมิดออกจากอสังหาริมทรัพย์อันเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์มิใช่ฟ้องขับไล่ผู้เช่าหรือผู้อาศัย จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5876/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางเงินค่าเสียหายตามคำสั่งทุเลาการบังคับ: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจเฉพาะ และฎีกาไม่ได้
คำสั่งของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าเสียหายตามเงื่อนไขที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้มีการทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์นั้นเป็นคำสั่งต่อเนื่องกับการทุเลาการบังคับ ซึ่งเป็นอำนาจโดยเฉพาะของศาลอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 231 เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามขยายระยะเวลาวางเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ดังนี้จำเลยทั้งสามจึงฎีกาคำพิพากษานั้นของศาลอุทธรณ์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5834/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดชัดเจน การไม่ดำเนินการยื่นขอเลื่อนคดีเป็นสาระสำคัญ
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองกล่าวเพียงว่า วันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยทั้งสองไม่มาศาลเพราะป่วยกะทันหัน และให้เสมียนทนายมาขอเลื่อนคดี แต่เสมียนทนายไม่ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีให้โดยไม่ทราบสาเหตุ (ซึ่งจำเลยจะนำเสมียนทนายนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป) และปรากฏว่าจำเลยทั้งสองยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่หลังวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าว 3 เดือน น่าจะทราบเหตุที่เสมียนทนายไม่ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีให้แล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่กล่าวถึงสาเหตุที่เสมียนทนายไม่ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีให้ทั้งที่การมิได้ร้องขอเลื่อนคดีเป็นสาระสำคัญประการหนึ่งแห่งการขาดนัดพิจารณา คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งสองจึงเป็นคำขอที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ได้ขาดนัดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5828/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขัดแย้งกับสัญญาประนีประนอมยอมความ การยึดทรัพย์โดยมิชอบ
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่าที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดี ยึดมาใน คดี นี้เป็นของผู้ร้อง ต่อมาโจทก์และผู้ร้องทำสัญญา ประนีประนอม ยอมความและศาลพิพากษาตามยอมให้ผู้ร้องชำระเงิน แก่ โจทก์ หาก ผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดียึดที่ดินดังกล่าว และทรัพย์อื่น ๆ ของผู้ร้องโจทก์และผู้ร้องได้ลงชื่อในสัญญา ประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลจึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ เมื่อ ผู้ร้องผิดสัญญาโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ยึดทรัพย์ดังที่ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความมาบังคับคดีได้ แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอและศาลได้ออกหมายบังคับคดีแต่อย่างใด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ตามคำสั่งศาล ที่ยึดไว้ซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการบังคับคดีตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ถือได้ว่าเป็นการยึดและขายทอดตลาด ทรัพย์โดยมิได้ออกหมายบังคับคดีจึงเป็นการมิชอบ ปัญหาดังกล่าว เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้เอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5828/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้และบังคับจำนอง จำเลยไม่ชำระหนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินที่จำนองเพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินร้องขัดทรัพย์และต่อมาโจทก์กับผู้ร้องได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอม โดยผู้ร้องยอมชำระเงินให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับยึดทรัพย์ที่จำนองในคดีนี้ได้ ต่อมาผู้ร้องผิดสัญญา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินที่จำนองซึ่งยึดไว้ในคดีเดิม โดยโจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามิได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ตามที่ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5774/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของโจทก์ผู้เสียหายจากการเบิกถอนแบตเตอรี่ และอายุความการฟ้องละเมิด
เมื่อกรมสารบรรณทหารได้ซื้อแบตเตอรี่จากโจทก์ และขอฝากแบตเตอรี่ที่ซื้อไว้กับโจทก์ แต่โจทก์ยังมิได้กำหนดแบ่งแยกไว้แน่นอนว่าจะขายแบตเตอรี่หม้อใดให้ แบตเตอรี่จึงยังเป็นของโจทก์เพราะกรรมสิทธิ์ในแบตเตอรี่ยังไม่โอนไปยังกรมสารบรรณทหารผู้ซื้อตามป.พ.พ. มาตรา 460 โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยให้ชดใช้แบตเตอรี่ที่เอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว โจทก์เป็นนิติบุคคลสังกัดกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการเป็น ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ กระทรวงกลาโหมสั่งตั้งกรรมการสอบสวน ข้อเท็จจริง และพิจารณาหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่ง คณะกรรมการสอบสวน ทำการสอบสวนแล้วมีความเห็นว่าจำเลยที่ 1 จะต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ และได้เสนอความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จนถึงรัฐมนตรีฯ รัฐมนตรีฯ ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการและ ได้มีการแจ้งให้ผู้อำนวยการโจทก์ทราบเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2526 ถือว่าโจทก์รู้ว่าจำเลยที่ 1 พึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม2526.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5774/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของพนักงานต่อความเสียหายจากการถอนแบตเตอรี่โดยมิชอบ และอายุความฟ้องร้อง
กรมสารบรรณทหารซื้อแบตเตอรี่จากโจทก์และฝากแบตเตอรี่ ที่ซื้อ ไว้กับโจทก์ แต่โจทก์ยังมิได้กำหนดแบ่งแยกไว้แน่นอนว่าจะขายแบตเตอรี่หม้อใดให้กรรมสิทธิ์ในแบตเตอรี่จึงยังไม่โอนไปยังกรมสารบรรณทหารตาม ป.พ.พ. มาตรา 460 เมื่อแบตเตอรี่ยังเป็นของโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ จำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ แม้จำเลยจะปฏิบัติตามวิธีที่มีการปฏิบัติกันมาก่อน แต่เมื่อทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยก็จะอ้างเอาการปฏิบัติดังกล่าวซึ่งผิดต่อระเบียบปฏิบัติที่โจทก์วางไว้มาเป็นข้อแก้ตัวเพื่อไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่ โจทก์เป็นนิติบุคคลสังกัดกระทรวงกลาโหม มีผู้อำนวยการเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ แม้โจทก์จะรู้เรื่องละเมิดก่อน วันที่21 พฤษภาคม 2525 แต่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและ พิจารณาหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่งทำการสอบสวนแล้วมีความเห็นว่า จำเลยจะต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ และได้เสนอความเห็นไปยัง ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแจ้งให้ผู้อำนวยการของโจทก์ทราบ เมื่อ วันที่ 19ธันวาคม 2526 ถือได้ว่าโจทก์รู้ว่าจำเลยพึงต้อง ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2526 โจทก์ฟ้อง จำเลยเมื่อวันที่ 30ตุลาคม 2527 ยังไม่เกิน 1 ปี ฟ้องโจทก์จึง ไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5769/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: หลักเกณฑ์การประเมินราคา การคิดดอกเบี้ย และขอบเขตการชดเชย
เมื่อมีข้อโต้เถียงกันระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ที่ถูกเวนคืนและจำเลยซึ่งมีหน้าที่กำหนดค่าทดแทนที่ดินว่า การกำหนดค่าทดแทนที่ดินดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ดังนี้ เป็นมูลกรณีเนื่องมาจากการที่ที่ดินถูกเวนคืน มูลแห่งคดีจึงเกิดขึ้น ในเขตศาลที่ที่ดินตั้งอยู่ เมื่อโจทก์ขออนุญาตฟ้องและศาลซึ่งที่ดินตั้งอยู่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 4(2) การกำหนดค่าทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษนั้น มีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน2515 ข้อ 23 วรรคสุดท้าย บัญญัติว่า การเวนคืน อสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางพิเศษ ให้นำบทบัญญัติของ กฎหมายว่าด้วยทางหลวง ในส่วนที่ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงนั้นมาใช้โดยอนุโลม และ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 76 บัญญัติว่า เงินทดแทนนั้น ถ้าไม่มีบัญญัติเป็นพิเศษใน พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งออกตามข้อ 63 แล้ว ให้ กำหนดเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาด ในวันดังต่อไปนี้ (1) ในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินใน บริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับในกรณีที่ได้ตราพระราชกฤษฎีกา เช่นว่านั้น ฯลฯ ดังนี้ เมื่อราคา ที่ดินที่ซื้อขายกันในท้องตลาด หรือใกล้เคียงกันกับที่ดินที่ถูกเวนคืนซื้อขาย กันในราคาตารางวาละ 35,000 บาท ราคาที่ดินที่ถูกเวนคืนที่โจทก์ขอมาตารางวาละ 15,000 บาท จึงชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรมแล้ว กรณีที่ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน โจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยชำระเงินค่าเวนคืนเพิ่ม เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าเวนคืนเพิ่มขึ้น โจทก์มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในวงเงินที่ได้รับเพิ่มนับแต่วันที่ซึ่งเป็น วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ที่คิดว่าจะเวนคืนใช้บังคับ อนุโลม ตามข้อ 24 และข้อ 26 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27พฤศจิกายน 2515.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5756/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขายทอดตลาดที่ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ส่อเจตนาทุจริต สมควรให้ขายใหม่
โจทก์รับจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยไว้เป็นเงิน363,750 บาท แต่ขณะยึดทรัพย์เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาเพียง305,000 บาท ทั้งตั้งราคาขั้นต่ำในการขายทอดตลาดเพียง 280,000 บาทและขายทอดตลาดไปในราคา 405,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาที่เป็นจริงไม่น้อยกว่า 200,000 บาท พฤติการณ์มีแนวโน้มส่อว่าเป็นการขายโดยรวบรัดตัดราคา สมควรให้มีการขายทอดตลาดใหม่.