พบผลลัพธ์ทั้งหมด 781 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างผิดแบบและการบังคับรื้อถอนอาคารพาณิชย์ โดยเจ้าของร่วมมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคาร
จำเลยที่1ขออนุญาตก่อสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นอาคารพาณิชย์แม้จำเลยที่1จะใช้อาคารพิพาทชั้นล่างเพื่อประโยชน์แห่งการค้าส่วนชั้นบนเป็นที่พักอาศัยเมื่ออาคารพิพาทตั้งอยู่ริมถนนซึ่งปกติเป็นอาคารที่ใช้เพื่อประโยชน์แห่งการค้าถือได้ว่าเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรมจึงเป็นอาคารพาณิชย์ซึ่งตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคารพาณิชย์พ.ศ.2522กำหนดให้บันไดสำหรับอาคารพาณิชย์ต้องกว้างไม่น้อยกว่า1.50เมตรฉะนั้นการลดความกว้างของบันไดจึงข้อต่อบัญญัติดังกล่าว จำเลยทั้งสองเป็นพี่น้องกันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินที่ก่อสร้างอาคารพิพาทจำเลยที่1เป็นผู้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารพิพาทโดยจำเลยที่2เป็นผู้ยินยอมให้ก่อสร้างจำเลยทั้งสองจึงเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินและอาคารพิพาทเมื่อผู้อำนวยการเขตได้มีคำสั่งให้จำเลยที่1แก้ไขอาคารให้ถูกต้องตามแบบแปลนและมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างและแจ้งคำสั่งให้จำเลยที่1ทราบย่อมถือได้ว่ามีคำสั่งแจ้งให้จำเลยที่2ผู้เป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินและอาคารทราบแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่2 การก่อสร้างหรือต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งไม่ขัดต่อกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นหรือขัดแต่ยังสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของอาคารยื่นคำขอรับใบอนุญาตหรือสั่งให้เจ้าของอาคารหรือผู้ดำเนินการดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้แล้วแต่กรณีดังนี้การที่ผู้อำนวยการเขตได้มีคำสั่งให้จำเลยที่1ดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องเกี่ยวกับระยะช่วงเสาอาคารด้านหน้าและระยะช่วงเสาอาคารด้านหลังได้มีคำสั่งให้ดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องและมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างแล้วแต่จำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งทั้งมิได้อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์โจทก์จึงร้องขอต่อศาลให้บังคับให้รื้อถอนได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา43วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายใบยาสูบและการผิดสัญญาชำระหนี้ ศาลแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามคำขอ
โจทก์ตกลงซื้อใบยาสูบแห้งจากจำเลยโดยโจทก์จ่ายเงินทดรองให้จำเลยก่อนเมื่อจำเลยขายใบยาสูบแห้งให้โจทก์แล้วให้โจทก์หักราคาใบยาสูบชำระหนี้ได้จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวนหนึ่งโจทก์จำเลยได้ทำสัญญามีข้อความว่ายอดหนี้ที่ค้างโจทก์ให้จำเลยแบ่งชำระหนี้ได้เป็นงวดๆรวม3งวดโดยโจทก์ไม่คิดดอกเบี้ยจากจำเลยหลังจากนั้นมาจำเลยขายใบยาสูบให้โจทก์อีกหลายครั้งเมื่อโจทก์หักเงินครั้งสุดท้ายแล้วจำเลยยังคงค้างชำระหนี้โจทก์อยู่จำนวนหนึ่งหลังจากนั้นจำเลยไม่ได้ขายใบยาสูบให้โจทก์อีกเลยดังนี้สัญญาให้จำเลยแบ่งชำระหนี้เป็นงวดๆเป็นนิติกรรมซึ่งเกิดขึ้นโดยการแสดงเจตนาของโจทก์และจำเลยอันมีผลผูกพันให้จำเลยชำระเงินทดรองล่วงหน้าซึ่งยังคงค้างโจทก์อยู่ตามฤดูการผลิตใบยาสูบการที่จำเลยละเลยไม่ชำระเงินทดรองจ่ายล่วงหน้าให้โจทก์ให้ครบถ้วนจึงเป็นการผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินทดรองล่วงหน้าให้โจทก์ได้ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่วันผิดนัดนั้นเป็นการเกินคำขอที่ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับจากวันฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142และเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองและแก้ให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาซื้อขายใบยาสูบ และสิทธิในการบังคับชำระหนี้ แม้ไม่บอกเลิกสัญญา
เมื่อสัญญาขายใบยาสูบได้กำหนดเวลาชำระหนี้เงินทดรองล่วงหน้าที่ค้างชำระอยู่ไว้เป็นงวดๆตามฤดูการผลิตใบยาสูบการที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ขายละเลยเสียไม่ได้ชำระเงินทดรองล่วงหน้าที่รับไปให้แก่โจทก์ให้ครบถ้วนอันเป็นการผิดสัญญาและในกรณีผิดสัญญาสิทธิของคู่สัญญาที่จะบังคับเอาแก่คู่สัญญาฝ่ายที่ผิดสัญญาประการหนึ่งก็คือบังคับให้คู่สัญญาปฏิบัติการชำระหนี้ตามมูลหนี้นั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินทดรองล่วงหน้าให้แก่โจทก์ได้แม้โจทก์ไม่ได้บอกเลิกสัญญาก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง: ครอบครองปรนนิบัติโดยสงบและเปิดเผยเกิน 10 ปี
โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีและการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นนั้นหามีกฎหมายบัญญัติว่าผู้ครอบครองจำต้องรู้ว่าทรัพย์สินที่ครอบครองนั้นเป็นของผู้อื่นหรือมิใช่ทรัพย์ของตนแต่อย่างใดไม่โจทก์จึงได้กรรมสิทธิในที่พิพาทด้วยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิจากการครอบครอง: ไม่จำต้องรู้ว่าเป็นของผู้อื่น
โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลาเกินกว่าสิบปี และการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นนั้นหามีกฎหมายบัญญัติว่าผู้ครอบครองจำต้องรู้ว่าทรัพย์สินที่ครอบครองนั้นเป็นของผู้อื่น หรือมิใช่ทรัพย์ของตนแต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงได้กรรมสิทธิในที่พิพาทด้วยการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7465/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความความเสียหายจากการยึดทรัพย์โดยมิชอบ เริ่มนับแต่วันที่เกิดเหตุ
การที่จำเลยทั้งสองใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12ประกาศยึดทรัพย์ของโจทก์โดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2532 ทำให้โจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้จะซื้อได้ ทำให้เกิดความเสียหายตั้งแต่วันนั้น หาใช่โจทก์เพิ่งจะได้รับความเสียหายในวันที่โจทก์อ้างว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อไม่ จึงเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม2532
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7465/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิดเริ่มต้นเมื่อเกิดความเสียหายจากการยึดทรัพย์ ไม่ใช่เมื่อชดใช้ค่าเสียหาย
การที่จำเลยทั้งสองใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12ประกาศยึดทรัพย์ของโจทก์โดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2532ทำให้โจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ซื้อได้ ทำให้เกิดความเสียหายตั้งแต่วันนั้น หาใช่โจทก์เพิ่งจะได้รับความเสียหายในวันที่โจทก์อ้างว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อไม่ จึงเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2532
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6478/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจในคดีอาญา: ศาลไม่ต้องผูกพันข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอื่น
การพิพากษาคดีอาญาหาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาในคดีอื่นดังเช่นที่บัญญัติไว้สำหรับคดีแพ่ง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 ไม่ เพราะในคดีอาญา ศาลจะต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง จะไม่พิพากษาลงโทษจำเลยจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำความผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6478/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลอาญา: ไม่ผูกพันตามคำพิพากษาคดีอื่น, ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การพิพากษาคดีอาญาหาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาในคดีอื่นดังเช่นที่บัญญัติไว้สำหรับคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ไม่เพราะในคดีอาญา ศาลจะต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง จะไม่พิพากษาลงโทษจำเลยจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำความผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6459/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ - พยานหลักฐานไม่สมบูรณ์ - ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
โจทก์ที่ 2 ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจในครั้งแรกนั้นเจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งเฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายหากจำเลยได้กระชากสร้อยคอที่สวมอยู่ที่คอของโจทก์ที่ 2 ไปจริงโจทก์ที่ 2 ก็น่าจะยืนยันให้เจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ด้วย และสร้อยคอที่อ้างว่า จำเลยกระชากไปนั้นหนัก 2 บาท หากจำเลยกระชากสร้อยซึ่งสวมอยู่ที่คอโจทก์ที่ 2 ขาดติดมือไปจริงโจทก์ที่ 2 ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บที่คอด้วย แต่ไม่ปรากฏว่ามีบาดแผลที่คอโจทก์ที่ 2 ตามเหตุผลและพฤติการณ์ดังกล่าวมาพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองมีพิรุธสงสัยอันสมควรว่า จำเลยที่ 2 ได้กระชากสร้อยคอโจทก์ที่ 2 ไปหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง