พบผลลัพธ์ทั้งหมด 781 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5526/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเสียอายุความและการรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการและผู้จัดการมรดกในหนี้ของห้างหุ้นส่วน
การที่ ส. ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการประเภทต้องร่วมรับผิดโดยไม่จำกัดจำนวนของจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้บางส่วนให้โจทก์ภายหลังจากที่หนี้ขาดอายุความแล้วแทนจำเลยที่ 1 อันเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ย่อมมีผลถึง ส. ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการที่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในหนี้นั้นด้วย ส. จึงไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้เพื่อให้ตนพ้นความรับผิดได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ถูกฟ้องให้รับผิดในหนี้ดังกล่าวในฐานะที่เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. จำเลยที่ 2 จึงยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้กรณีถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลภายนอกตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 บัญญัติไว้ การละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ เพียงแต่แสดงเจตนาให้เห็นว่าเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความเท่านั้นก็เป็นการเพียงพอแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5495/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอริบของกลาง: ผลจากการยกฟ้อง และการไม่โต้แย้งในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้องซึ่งมีผลเท่ากับได้วินิจฉัยให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ ริบของกลางด้วยแล้ว ไม่จำต้องระบุด้วยว่า ของกลางไม่ริบ และเมื่อ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว โจทก์ก็ไม่ได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้น อุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์โดยมิได้วินิจฉัย เรื่องของกลางในคดีนั้นชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5495/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการยกฟ้องคดีอาญาต่อคำขอริบของกลาง และการไม่โต้แย้งคำพิพากษาชั้นต้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องซึ่งมีผลเท่ากับได้วินิจฉัยให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ริบของกลางด้วยแล้ว ไม่จำต้องระบุด้วยว่า ของกลางไม่ริบ และเมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว โจทก์ก็ไม่ได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยเรื่องของกลางในคดีนั้นชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5495/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำพิพากษายกฟ้องต่อคำขอริบของกลาง และการไม่โต้แย้งประเด็นในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องซึ่งมีผลเท่ากับได้วินิจฉัยให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ริบของกลางด้วยแล้ว ไม่จำต้องระบุด้วยว่าของกลางไม่ริบ และเมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว โจทก์ก็ไม่ได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์โดยมิได้วินิจฉัยเรื่องของกลางในคดีนั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5463/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สี่แยกทางเอก: ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่มาถึงก่อนผ่านก่อน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ม.71(1) หากฝ่าฝืนถือเป็นฝ่ายผิด
รถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับแล่นมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุก่อนรถยนต์คันที่ พ.ขับซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้พ.ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 71(1) โดยต้องให้รถคันที่จำเลยที่ 1 ขับ ผ่านไปเสียก่อนแต่ พ. กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1)เป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์จะปกป้องบุคคลอื่น ๆ พ.ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเช่นว่านั้นย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝ่ายผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5463/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สี่แยกทางเอก: ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่ถึงก่อนผ่านก่อน หากฝ่าฝืนถือเป็นฝ่ายผิด
รถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับแล่นมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุก่อนรถยนต์คันที่ พ. ขับซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ พ.ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1) โดยต้องให้รถคันที่จำเลยที่ 1 ขับ ผ่านไปเสียก่อนแต่ พ. กลับฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดชนกันขึ้น พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(1)เป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์จะปกป้องบุคคลอื่น ๆ พ.ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเช่นว่านั้นย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝ่ายผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5454/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระเบียบภายในหน่วยงานราชการไม่อาจใช้ต่อสู้บุคคลภายนอกที่ไม่ทราบได้
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำซื้อสินค้าจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของเรือนจำแล้วมิได้จัดให้มีการตั้งบัญชีเจ้าหนี้ไว้ตามระเบียบปฏิบัติราชการของกรมราชทัณฑ์จำเลยที่ 2ที่วางไว้เพื่อให้มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 นั้น เป็นเพียงระเบียบปฏิบัติภายในของจำเลยที่ 2 ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกและไม่ทราบถึงระเบียบดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5454/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน่วยราชการต้องรับผิดค่าสินค้า แม้มิได้ตั้งบัญชีเจ้าหนี้ หากซื้อสินค้าไปใช้ในกิจการ
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำซื้อสินค้าจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของเรือนจำแล้วมิได้จัดให้มีการตั้งบัญชีเจ้าหนี้ไว้ตามระเบียบปฏิบัติราชการของกรมราชทัณฑ์จำเลยที่ 2 ที่วางไว้เพื่อให้มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 นั้น เป็นเพียงระเบียบปฏิบัติภายในของจำเลยที่ 2 ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกและไม่ทราบถึงระเบียบดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5349/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับรถยนต์นอกเหนือหน้าที่งาน สัญญาจ้าง และความรับผิดของนายจ้าง
อ. ลูกจ้างจำเลยตำแหน่งสัตวบาล มีหน้าที่ดูแลสุกรขุน ไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์ หลังจากเลิกงาน อ. ได้ขอยืมรถยนต์จากผู้จัดการของจำเลยขับไปรับประทานอาหารข้างนอกฟารม์ของจำเลย จึงเป็นเรื่องส่วนตัวของ อ. แม้ว่าผู้จัดการของจำเลยจะรู้เห็นยินยอมให้นำรถไปใช้ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขับรถไปในทางการที่จ้าง เมื่อ อ.ขับรถไปเกิดเหตุชนกันขึ้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5349/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับรถยนต์ของลูกจ้างนอกเหนือหน้าที่ ไม่ถือเป็นการขับรถในทางการจ้างของนายจ้าง นายจ้างจึงไม่ต้องรับผิด
อ. ลูกจ้างจำเลยตำแหน่งสัตวบาล มีหน้าที่ดูแลสุกรขุน ไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์ หลังจากเลิกงาน อ. ได้ขอยืมรถยนต์จากผู้จัดการของจำเลยขับไปรับประทานอาหารข้างนอกฟารม์ของจำเลย จึงเป็นเรื่องส่วนตัวของ อ. แม้ว่าผู้จัดการของจำเลยจะรู้เห็นยินยอมให้นำรถไปใช้ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขับรถไปในทางการที่จ้าง เมื่อ อ.ขับรถไปเกิดเหตุชนกันขึ้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด.