คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมศักดิ์ วิธุรัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 781 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดี: เหตุจำเป็นต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่ใช่การยื่นบัญชีระบุพยาน
การพิจารณาให้เลื่อนคดีต้องพิเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ว่ามีเหตุจำเป็นหรือไม่ส่วนการที่คู่ความที่ขอเลื่อนคดีจะยื่นบัญชีระบุพยานไว้หรือไม่มิใช่เหตุที่จะนำมาพิจารณา ดังนั้น เมื่อทนายจำเลยขอเลื่อนคดีในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกโดยอ้างเหตุว่าต้องเดินทางไปงานเผาศพป้าซึ่งอยู่คนละจังหวัดหากจะมาว่าความก่อนก็จะไปไม่ทันงาน โจทก์คัดค้าประการเดียวว่าจำเลยประวิงคดี มิได้คัดค้านว่าข้ออ้างของทนายจำเลยไม่เป็นความจริงกรณีนับว่ามีเหตุสมควรอนุญาตให้เลื่อนคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2258/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานรับฟังคำรับสารภาพ ต้องมีนอกเหนือจากคำรับสารภาพเอง ภาพถ่าย/บันทึกชี้ที่เกิดเหตุไม่เพียงพอ
ภาพถ่ายและบันทึกการนำตัวผู้ต้องหาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพเป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่พยานหลักฐานที่จะนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเพื่อให้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2258/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพ, การชี้ที่เกิดเหตุ, พยานหลักฐาน - ไม่เชื่อมโยงการกระทำผิด
ภาพถ่ายและบันทึกการนำตัวผู้ต้องหาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพเป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่พยานหลักฐานที่จะนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเพื่อให้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2258/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพ-ภาพถ่ายชี้เกิดเหตุ: ไม่เป็นหลักฐานประกอบคำรับสารภาพในชั้นจับกุม/สอบสวน
ภาพถ่ายและบันทึกการนำตัวผู้ต้องหาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพเป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่พยานหลักฐานที่จะนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเพื่อให้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2258/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนมีน้ำหนักน้อย ไม่พอรับฟังเป็นหลักฐานยืนยันการกระทำความผิดฐานรับของโจร
คำให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย แม้จำเลยจะรับสารภาพ โดยมีภาพจำเลย และมีข้อความระบุว่าจำเลยกับ อ. ช่วยกันขุดดินนำวิทยุเทปของกลางไปฝังดินไว้ก็ตามก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่พยานหลักฐานที่จะนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เพื่อให้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2175/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพชั้นจับกุมไม่เพียงพอพิสูจน์การครอบครองของกลาง
ไม้สักของกลางจะเป็นของจำเลยจริงหรือไม่ โจทก์ไม่มีพยานมาสืบสนับสนุน ลำพังแต่ เฉพาะ คำรับสารภาพของจำเลยในขั้นจับกุมเท่านั้นยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าจำเลยมีไม้สักของกลางไว้ในครอบครอง คำรับสารภาพของจำเลยดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ดังนี้ คดีไม่พอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีบุกรุก: รายละเอียดที่ดินไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง หากนำสืบได้ในชั้นพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ บุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินโจทก์ซึ่ง มีเนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา โดยระบุข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาท และมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องและขนย้ายรื้อถอนสิ่งของสิ่งปลูกสร้างออกไป เป็นการบรรยายฟ้องครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ส่วนไหน อาณาเขตกว้างยาวเพียงใด จดที่ดินของใคร จำเลยทั้งสามบุกรุกที่ดินของโจทก์อย่างไรและเนื้อที่เท่าใด เป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความครบถ้วนของฟ้องคดีบุกรุก: รายละเอียดที่ดินไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ บุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินโจทก์ซึ่ง มีเนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา โดย ระบุข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาท และมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องและขนย้ายรื้อถอนสิ่งของสิ่งปลูกสร้างออกไป เป็นการบรรยายฟ้องครบถ้วนตาม ที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ส่วนไหน อาณาเขตกว้างยาวเพียงใด จดที่ดินของใคร จำเลยทั้งสามบุกรุกที่ดินของโจทก์อย่างไรและเนื้อที่เท่าใด เป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีบุกรุก: รายละเอียดที่ดินในฟ้องไม่จำเป็นต้องครบถ้วน
โจทก์บรรยายฟ้องระบุสภาพแห่งข้อหาว่าจำเลยทั้งสามได้บุกรุก เข้าไปทำนาในที่ดินของโจทก์ ซึ่ง มีเนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน90 ตารางวา โดย ระบุข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทและมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องและขนย้ายรื้อถอน สิ่งของสิ่งปลูกสร้างออกไป ดังนี้ เป็นการบรรยายฟ้องไว้โดยครบถ้วนตาม ที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ส่วนไหนอาณาเขตกว้างยาวเพียงใด จดที่ดินใคร จำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์อย่างไร และเนื้อที่เท่าใด เป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ ในชั้น พิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชนหลายกรรมต่างกัน จำเลยต้องรับโทษตามจำนวนกรรมที่กระทำ
จำเลยหลอกลวงประชาชนโดย วิธีประกาศโฆษณา ณ ที่หน้าที่ทำการของจำเลยและโดย ทางหนังสือพิมพ์หลายครั้ง มีผู้เสียหายหลายคน มาสมัคร ไปทำงานในต่างประเทศกับจำเลยตาม ที่จำเลยหลอกลวงคนละวันคนละ เวลากัน และจ่ายเงินให้แก่จำเลยไปคนละวันคนละเวลากันการ กระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนหลายกรรมต่างกัน หาใช่จำเลยมีเจตนามุ่งกระทำต่อ ประชาชนเพียงครั้งเดียว และเป็นความผิดเพียงกรรมเดียวไม่.
of 79