พบผลลัพธ์ทั้งหมด 576 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4131/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบัตรต้องมีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น การออกสิทธิบัตรที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ศาลสั่งเพิกถอนได้
จำเลยเป็นผู้ทรงสิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ 422ประเภทเครื่องกรองน้ำชนิดใช้สารกรอง โดยมีข้อถือสิทธิ คือ เครื่องกรองน้ำที่ประกอบด้วยถังทรงกระบอกที่ทำด้วยสแตนเลส คู่ ซึ่งในถังกรองถังที่ 1 จะมีชั้นของสารที่ใช้กรองคือ สารแอนทราไซส์คาร์บอนกรีนแซนด์ และทรายหยาบ ในถังกรองที่ 2 จะมีสารกรองที่เป็นเรซิน ถังกรองทั้งสองจะยึดติดกันด้วยแผ่นสแตนเลส เชื่อมต่อกัน โดยที่ปลายท่อส่งน้ำเข้าในถังกรองถังที่ 1 จะอยู่สูงกว่าปลายท่อส่งน้ำเข้าในถังกรองถังที่ 2 และที่ปลายท่อส่งน้ำต่าง ๆ จะมีท่อครอบที่เป็นรูพรุน รอบด้านครอบปิดอยู่ แม้การประดิษฐ์ตามสิทธิบัตรของจำเลยจะไม่เหมือนกับการประดิษฐ์ตามสิทธิบัตรของประเทศฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียซึ่งเป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้ว แต่ลักษณะเด่น ของการประดิษฐ์ตามข้อถือสิทธิในสิทธิบัตรของจำเลยที่เป็นถังกรองคู่ที่มีท่อน้ำผ่านเข้าสู่ถังกรองซึ่งได้จัดระบบไว้โดยท่อส่งน้ำเข้าในถังกรองถังที่ 1 จะอยู่สูงกว่าปลายท่อส่งน้ำเข้าในถังที่ 2 ไม่ปรากฏว่าการใช้ถังกรองน้ำเพียงถังเดียวกับหลายถังจะเป็นผลทำให้การกรองน้ำดีขึ้นและตามสิทธิบัตรของประเทศฝรั่งเศสเป็นถังกรองน้ำที่ประกอบด้วยถังกรองคู่ผิดกับถังกรองน้ำตามสิทธิบัตรของจำเลยก็เพียงแบบ ขนาด และตำแหน่ง การวางของถังเท่านั้น เมื่อมีการใช้ถังกรองน้ำเกินถังเดียว การที่มีท่อน้ำผ่านเข้าสู่ถังกรองโดยจัดระบบให้ท่อส่งน้ำเข้าในถังที่ 1 อยู่สูงกว่าปลายท่อส่งน้ำเข้าในถังที่ 2ก็เป็นหลักธรรมดาที่ทราบกันอยู่ทั่วไปว่า ตามธรรมชาติของเหลวย่อมไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำและที่ปลายท่อส่งน้ำทุกปลายจะมีท่อครอบที่มีรูพรุน คลุมอยู่โดยรอบซึ่งเศษขยะจะไม่สามารถเข้าสู่ท่อน้ำได้ทำให้ไม่เกิดปัญหาการอุดตันของท่อ ก็เป็นวิธีการที่ทราบกันโดยทั่วไป ไม่ปรากฏว่าเครื่องกรองน้ำ ตามสิทธิบัตรของจำเลยมีประสิทธิภาพในการกรองน้ำ ดีกว่าหรือสามารถแก้ปัญหาข้อขัดข้องที่เครื่องกรองน้ำ ตามสิทธิบัตรของทั้งสามประเทศดังกล่าวไม่อาจ แก้ไขได้แต่อย่างใดไม่เพียงพอที่จะถือไม่เป็นสิ่งที่ ประจักษ์ได้โดยง่ายต่อบุคคลผู้มีความชำนาญในระดับ สามัญของงานประเภทนั้นอันจะถือว่าเป็นการประดิษฐ์ที่มีขึ้นประดิษฐ์สูงขึ้นได้ ดังนั้น การออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ 422 ให้แก่จำเลยจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 เป็นสิทธิบัตรที่ ไม่สมบูรณ์ตามมาตรา 54 วรรคแรก โจทก์ย่อมยกขึ้น กล่าวอ้างได้ตามมาตรา 54 วรรคสอง จำเลยไม่มี สิทธิที่จะขอบังคับให้โจทก์ยุติการผลิตเครื่องกรองน้ำ ของโจทก์ได้ การที่จำเลยมีหนังสือให้โจทก์ยุติการขายเครื่องกรองน้ำ โดยจะดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่โจทก์นั้นเป็นการ บอกกล่าวที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเลยยังอยู่ ในขณะบอกกล่าวย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4131/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบัตรต้องมีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้นเหนือสิ่งที่มีอยู่แล้ว การออกสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์ถือเป็นเหตุให้ฟ้องได้
การประดิษฐ์เครื่องกรองน้ำชนิดใช้สารกรองมีงานที่ปรากฏอยู่แล้วไม่ปรากฏว่าเครื่องกรองน้ำตามสิทธิบัตรของจำเลยมีประสิทธิภาพในการกรองน้ำดีกว่าหรือสามารถแก้ปัญหาข้อขัดข้องที่เครื่องกรองน้ำตามสิทธิบัตรที่มีงานที่ปรากฏอยู่แล้วไม่อาจแก้ไขได้แต่อย่างใดจึงไม่เพียงพอจะถือได้ว่าไม่เป็นสิ่งที่ประจักษ์ได้โดยง่ายต่อบุคคลผู้มีความชำนาญในระดับสามัญของงานประเภทนั้น อันจะถือว่าเป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้นได้ การออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์ให้แก่จำเลยจึงไม่ชอบและเป็นสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์โจทก์ยกขึ้นกล่าวอ้างได้ตามมาตรา 54 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 จำเลยไม่มีสิทธิขอบังคับให้โจทก์ยุติการผลิตเครื่องกรองน้ำของโจทก์ แต่การที่จำเลยมีหนังสือให้โจทก์ยุติการขายเครื่องกรองน้ำโดยจะดำเนินคดีแก่โจทก์เป็นการบอกกล่าวที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเลยมีอยู่ในขณะบอกกล่าว จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4131/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบัตรเครื่องกรองน้ำ: ลักษณะเด่นต้องไม่เป็นที่ประจักษ์ ผู้มีความชำนาญต้องไม่สามารถคิดค้นได้ง่าย
จำเลยเป็นผู้ทรงสิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ 422 ประเภทเครื่องกรองน้ำชนิดใช้สารกรอง โดยมีข้อถือสิทธิ คือ เครื่องกรองน้ำที่ประกอบด้วยถังทรงกระบอกที่ทำด้วยสเตนเลสคู่ ซึ่งในถังกรองถังที่ 1 จะมีชั้นของสารที่ใช้กรองคือ สารแอนทราไซส์ คาร์บอน กรีนแซนด์ และทรายหยาบ ในถังกรอง-ที่ 2 จะมีสารกรองที่เป็นเรซิน ถังกรองทั้งสองจะยึดติดกันด้วยแผ่นสเตนเลสเชื่อมต่อกัน โดยที่ปลายท่อส่งน้ำเข้าในถังกรองถังที่ 1 จะอยู่สูงกว่าปลายท่อส่งน้ำเข้าในถังกรองถังที่ 2 และที่ปลายท่อส่งน้ำต่าง ๆ จะมีท่อครอบที่เป็นรูพรุนรอบด้านครอบปิดอยู่ แม้การประดิษฐ์ตามสิทธิบัตรของจำเลยจะไม่เหมือนกับการประดิษฐ์ตามสิทธิบัตรของประเทศฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นงานที่ปรากฎอยู่แล้ว แต่ลักษณะเด่นของการประดิษฐ์ตามข้อถือสิทธิในสิทธิบัตรของจำเลยที่เป็นถังกรองคู่ที่มีท่อน้ำผ่านเข้าสู่ถังกรองซึ่งได้จัดระบบไว้โดยท่อส่งน้ำเข้าในถังกรองถังที่ 1 จะอยู่สูงกว่าปลายท่อส่งน้ำเข้าในถังที่ 2 ไม่ปรากฎว่าการใช้ถังกรองน้ำเพียงถังเดียวกับหลายถังจะเป็นผลทำให้การกรองน้ำดีขึ้น และตามสิทธิบัตรของประเทศฝรั่งเศสเป็นถังกรองน้ำที่ประกอบด้วยถังกรองคู่ผิดกับถังกรองน้ำตามสิทธิบัตรของจำเลยก็เพียงแบบ ขนาด และตำแหน่งการวางของถังเท่านั้น เมื่อมีการใช้ถังกรองน้ำเกินถังเดียว การที่มีท่อน้ำผ่านเข้าสู่ถังกรองโดยจัดระบบให้ท่อส่งน้ำเข้าในถังที่ 1 อยู่สูงกว่าปลายท่อส่งน้ำเข้าในถังที่ 2 ก็เป็นหลักธรรมดาที่ทราบกันอยู่ทั่วไปว่า ตามธรรมชาติของเหลวย่อมไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำและที่ปลายท่อส่งน้ำทุกปลายจะมีท่อครอบที่มีรูพรุนคลุมอยู่โดยรอบ ซึ่งเศษขยะจะไม่สามารถเข้าสู่ท่อนำน้ำได้ทำให้ไม่เกิดปัญหาการอุดตันของท่อ ก็เป็นวิธีการที่ทราบกันโดยทั่วไป ไม่ปรากฎว่าเครื่องกรองน้ำตามสิทธิบัตรของจำเลยมีประสิทธิภาพในการกรองน้ำดีกว่าหรือสามารถแก้ปัญหาข้อขัดข้องที่เครื่อง-กรองน้ำตามสิทธิบัตรของทั้งสามประเทศดังกล่าวไม่อาจแก้ไขได้แต่อย่างใดไม่เพียงพอที่จะถือว่าไม่เป็นสิ่งที่ประจักษ์ได้โดยง่ายต่อบุคคลผู้มีความชำระนาญในระดับสามัญของงานประเภทนั้นอันจะถือว่าเป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นประดิษฐ์สูงขึ้นได้ ดังนั้น การออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ 422 ให้แก่จำเลยจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. สิทธิบัตร พ.ศ.2522 เป็นสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์ตามมาตรา 54 วรรคแรก โจทก์ย่อมยกขึ้นกล่าวอ้างได้ตามมาตรา 54วรรคสอง จำเลยไม่มีสิทธิที่จะขอบังคับให้โจทก์ยุติการผลิตเครื่องกรองน้ำของโจทก์ได้
การที่จำเลยมีหนังสือให้โจทก์ยุติการขายเครื่องกรองน้ำโดยจะดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่โจทก์นั้นเป็นการบอกกล่าวที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเลยมีอยู่ในขณะบอกกล่าวย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
การที่จำเลยมีหนังสือให้โจทก์ยุติการขายเครื่องกรองน้ำโดยจะดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่โจทก์นั้นเป็นการบอกกล่าวที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเลยมีอยู่ในขณะบอกกล่าวย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4117/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมเป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวนเป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความได้ ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษได้
ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 เป็นความผิดที่ไม่อาจยอมความกันได้ โจทก์ไม่อาจขอถอนฟ้อง หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ระหว่างฎีกา จึงไม่อนุญาติให้ถอนฟ้อง การที่จำเลยที่ 1 นำใบรับเงินปลอมไปอ้างต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์ได้รับตามใบรับเงินดังกล่าว เป็นการกระทำอันเป็นเหตุ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์แล้วไม่ว่าพนักงานสอบสวน จะเชื่อว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่แท้จริงหรือไม่ก็ตาม ใบรับเงินเป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 264 เป็นการปรับบทลงโทษไม่ถูกต้อง เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความ จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 225 แต่โจทก์ มิได้ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาคงมีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4107/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีทำร้ายร่างกายในที่ทำงาน ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ข้อบังคับการทำงานของผู้ร้องกำหนดประเภทการลงโทษไว้โดยมิได้ระบุขั้นตอนการลงโทษไว้ ผู้ร้องจึงไม่จำต้องลงโทษตามขั้นตอนในข้อบังคับการทำงานผู้ร้องอาจเลือกวิธีใด ๆ ตามข้อบังคับการทำงานโดยพิจารณาจากความหนักเบาของความผิดของพนักงานแต่ละคน ผู้คัดค้านกระทำผิดในขณะปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำงานโดยไม่ยำเกรงต่อข้อบังคับการทำงานของผู้ร้อง การกระทำของผู้คัดค้านไม่เป็นเยี่ยงอย่างอันดีทำให้แตกความสามัคคี ยากแก่การปกครองบังคับบัญชา กรณีจึงมีเหตุสมควรให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4107/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างได้เมื่อกระทำผิดวินัยร้ายแรง แม้ข้อบังคับไม่ได้กำหนดขั้นตอนการลงโทษ
ข้อบังคับการทำงานของผู้ร้องกำหนดประเภทการลงโทษ ไว้โดยมิได้ระบุขั้นตอนการลงโทษไว้ ผู้ร้องจึงไม่จำต้อง ลงโทษตามขั้นตอนในข้อบังคับการทำงานผู้ร้องอาจ เลือกวิธีใด ๆ ตามข้อบังคับการทำงาน โดยพิจารณา จากความหนักเบาของความผิดของพนักงานแต่ละคนผู้คัดค้านกระทำผิดในขณะปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่ทำงานโดยไม่ยำเกรงต่อข้อบังคับการทำงานของผู้ร้องการกระทำของผู้คัดค้านไม่เป็นเยี่ยงอย่างอันดี ทำให้แตกความสามัคคี ยากแก่การปกครองบังคับบัญชากรณีจึงมีเหตุสมควรให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4064/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อตัดหน้าและการรับผิดชอบความเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
ขณะที่ ส. ขับรถยนต์มาตามถนนพหลโยธินด้วยความเร็ว จำเลยที่ 1 ได้ขับรถบรรทุกออกจากถนนพัฒน์พงษ์ตัดผ่านถนนพหลโยธินโดยไม่ใช้ความระมัด-ระวังและหยุดรอที่บริเวณปากทางถนนพัฒน์พงษ์และที่หัวเกาะกลางถนนให้รถของ ส.ซึ่งแล่นมาตามถนนพหลโยธินผ่านไปก่อน แต่จำเลยที่ 1 ได้ขับรถตัดหน้ารถยนต์ของ ส. อย่างกะทันหันและในระยะกระชั้นชิดทำให้ ส.ไม่สามารถห้ามล้อรถให้หยุดได้ทัน และไม่สามารถหักหลบได้ จึงได้เกิดชนกันโดยจุดชนอยู่บนถนนพหลโยธิน จำเลยที่ 1 จึงเป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อ และความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 เป็นผลที่ใกล้ชิดกับเหตุที่รถทั้งสองคันชนกัน และเป็นความประมาทเลินเล่อที่เกิดขึ้นภายหลังจากความประมาทของส.ที่ขับรถด้วยความเร็วมาก่อน ซึ่งหากจำเลยที่ 1 ไม่ขับรถตัดหน้ารถยนต์ของ ส.แล้วความเสียหายย่อมจะไม่เกิดขึ้น กรณีเช่นนี้จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่ฝ่ายเดียว
ค่าใช้จ่ายที่โจทก์ที่ 1 ต้องเสียไปในการร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้-จัดการมรดกมิใช่เป็นค่าปลงศพหรือค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการปลงศพ
ค่าใช้จ่ายที่โจทก์ที่ 1 ต้องเสียไปในการร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้-จัดการมรดกมิใช่เป็นค่าปลงศพหรือค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการปลงศพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4064/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อตัดหน้าทำให้ชนกัน จำเลยที่ 1 รับผิดทั้งหมด แม้ผู้ตายขับรถเร็ว
ขณะที่ ส. ขับรถยนต์มาตามถนนพหลโยธินด้วยความเร็วจำเลยที่ 1 ได้ขับรถบรรทุกออกจากถนนพัฒน์พงษ์ตัดผ่านถนนพหลโยธินโดยไม่ใช้ความระมัดระวังและหยุดรอที่บริเวณปากทางถนนพัฒน์พงษ์และที่หัวเกาะกลางถนนให้รถของส. ซึ่งแล่นมาตามถนนพหลโยธินผ่านไปก่อน แต่จำเลยที่ 1 ได้ขับรถตัดหน้ารถยนต์ของ ส.อย่างกะทันหันและในระยะกระชั้นชิดทำให้ ส. ไม่สามารถห้ามล้อรถให้หยุดได้ทัน และไม่สามารถหักหลบได้ จึงได้เกิดชนกันโดยจุดชนอยู่บนถนนพหลโยธิน จำเลยที่ 1 จึงเป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อและความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 เป็นผลที่ใกล้ชิดกับเหตุที่รถทั้งสองคันชนกัน และเป็นความประมาทเลินเล่อที่เกิดขึ้นภายหลังจากความประมาทของส. ที่ขับรถด้วยความเร็วมาก่อน ซึ่งหากจำเลยที่ 1 ไม่ขับรถตัดหน้ารถยนต์ของ ส. แล้ว ความเสียหายย่อมจะไม่เกิดขึ้น กรณีเช่นนี้จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่ฝ่ายเดียว ค่าใช้จ่ายที่โจทก์ที่ 1 ต้องเสียไปในการร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดกมิใช่เป็นค่าปลงศพหรือค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการปลงศพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3963/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกรรมการบริษัทจากการกระทำในกิจการของบริษัท: ตัวแทน vs. ลูกจ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นกรรมการของจำเลยที่ 2และเป็นผู้ควบคุมเรือของจำเลยที่ 2 โดยประมาท ถอยหลังมาชนเรือของโจทก์เสียหายทั้งสองลำ จำเลยที่ 1 กระทำในกิจการของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์คำฟ้องดังกล่าวเห็นได้ชัดว่า โจทก์มิได้ตั้งข้อหาว่าจำเลยที่ 1เป็นลูกจ้าง และกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หากแต่ตั้งข้อหาว่าจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการของจำเลยที่ 2 ได้กระทำการในกิจการของจำเลยที่ 2 โดยประมาท ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งหมายความว่าการควบคุมเรือของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำในกิจการของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1เป็นกรรมการของจำเลยที่ 2 การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการทำแทนจำเลยที่ 2 ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 จึงมิได้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3773/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: แม้ข้อหาต่างจากฟ้อง แต่จำเลยไม่ต่อสู้ ศาลลงโทษฐานรับของโจรได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจร ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยฐานรับของโจรได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม