พบผลลัพธ์ทั้งหมด 576 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานบุคคลและการพิจารณาพฤติการณ์ก่อนลงมือ
เหตุเกิดเวลากลางวัน ก่อนเกิดเหตุ เด็กชาย ส. อายุ13 ปีพบกับจำเลยกับพวก จำเลยถาม หาไร่ของผู้ตายและให้เด็กชาย ส.ไปตามผู้ตายมาพบ เมื่อผู้ตายกับโจทก์ร่วมมาพบจำเลยได้พูดคุยกันนานประมาณ 10 นาที จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย การที่คนร้ายนั่งพูดคุยกับผู้ตายนานถึง 10 นาที จึงใช้อาวุธปืนยิงนั้น ไม่ใช่เป็นข้อพิรุธ เพราะคนร้ายจะยิงผู้ตายเมื่อไรก็เป็นการเลือกหาโอกาสของคนร้ายเอง มิใช่ว่าเมื่อคนร้ายพบผู้ตายที่คนร้ายประสงค์จะฆ่าแล้วจะต้องลงมือฆ่าในทันที พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงจึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การซื้อรถยนต์ที่ได้จากการปล้นในราคาต่ำกว่าตลาด ชี้ความไม่สุจริต
การที่จำเลยที่ 4 อ้างว่าเช่าซื้อรถยนต์ต่อจากผู้เช่าซื้อเดิม โดยชำระเงินดาวน์ ให้ จ. ทันที เป็นเงินถึง 20,000 บาททั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนเช่าซื้อและใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงทั้งยังไม่ทราบว่าคู่สัญญาเดิม จะยอมให้จำเลยที่ 4 เข้าเป็นผู้เช่าซื้อแทนหรือไม่ เป็นการผิดปกติวิสัยที่คนทั่วไปจะทำกัน ไม่มีเหตุผลให้รับฟังได้ นอกจากนั้นในชั้นสอบสวน จำเลยที่ 4 ก็ให้การว่าเป็นการซื้อขายไม่ใช่เช่าซื้อ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 4ซื้อรถยนต์ของผู้เสียหายจากจำเลยที่ 1 ในราคาเพียง 20,000 บาท จำเลยที่ 4 รู้อยู่แล้วว่ารถยนต์คันที่ถูกปล้นราคาที่แท้จริงเป็นจำนวนเท่าใด และรับซื้อไว้ในราคาที่ถูกกว่ากันมาก เป็นการชี้ให้เห็นว่าไม่น่าจะซื้อไว้โดยสุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6389/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค้ำประกันทรัสต์รีซีท - ดอกเบี้ย - ผิดนัด - สิทธิเรียกร้อง - ไม่ต้องบอกกล่าว
จำเลยที่ 3 แถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจะสืบ ต. ในประเด็นว่าโจทก์โดย ต. มิได้บอกกล่าวทวงถามชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ก่อนแต่จำเลยที่ 3 มิได้ให้การข้อที่จะขอนำสืบ ต. ดังกล่าวเป็นประเด็นไว้ ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าการสืบ ต. เป็นเรื่องฟุ่มเฟือยไร้สาระให้งดสืบนั้น จึงชอบแล้ว แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาทรัสต์รีซีทภายใต้เล็ตเตอร์ออฟเครดิตเลขที่ 371391/355 และมีหนังสือทวงถามถึงจำเลยที่ 1 ให้ชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาทรัสต์รีซีทภายใต้เล็ตเตอร์ออฟเครดิต เลขที่ 271391/355 แต่ภายหลังจำเลยที่ 3ยื่นคำให้การแล้วโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องโดยขอแก้เป็นว่าทำสัญญาทรัสต์รีซีทภายใต้เล็ตเตอร์ออฟเครดิตเลขที่ 271391/355 จำเลยที่ 3 ไม่ได้คัดค้านและศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ สัญญาทรัสต์รีซีทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อความระบุว่าจำเลยที่ 1 ยินยอมผูกพันตามข้อสัญญาในการออกเล็ตเตอร์ออฟเครดิตสำหรับการสั่งซื้อสินค้ารายนี้ ซึ่งก็คือสัญญาเล็ตเตอร์ออฟเครดิตระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง สัญญาทรัสต์รีซีทกับสัญญาเล็ตเตอร์ออฟเครดิตดังกล่าวจึงเป็นสัญญาที่ต่อเนื่องกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ยอมจ่ายเงินที่โจทก์ได้จ่ายไปตามสัญญาเล็ตเตอร์ออฟเครดิตกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับแต่วันที่ลงบนตั๋วแลกเงินถึงวันที่จ่ายจริง แม้การทำสัญญาทรัสต์รีซีทจะไม่มีการตกลงกันเกี่ยวกับดอกเบี้ย จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในอัตราตามสัญญาเล็ตเตอร์ออฟเครดิต โจทก์บอกกล่าวทวงถามจำเลยที่ 1 แล้ว แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉยต้องฟังว่าจำเลยที่ 1 ผิดนัดแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้ทันที โดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686 จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 3 ชำระหนี้แล้วหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6368/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฉ้อโกง: เริ่มนับเมื่อรู้ถูกหลอกลวง ไม่ใช่เมื่อมีหลักฐาน
โจทก์ร่วมรู้ถึงการหลอกลวงตั้งแต่เดือนกันยายน 2527 แม้เพิ่งมีหลักฐานเมื่อเดือนธันวาคม 2527 แสดงว่าจำเลยฉ้อโกง ก็เป็นเรื่องของการหาหลักฐานในการดำเนินคดี อันเป็นคนละกรณีกับที่โจทก์ร่วมรู้ว่าถูกหลอกลวง อายุความต้องเริ่มนับแต่เดือนกันยายน 2527โจทก์ร่วมร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์2528 จึงเกินกำหนด 3 เดือน เมื่อเป็นคดีความผิดอันยอมความได้คดีจึงขาดอายุความตาม ป.อ. มาตรา 96.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6351/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองที่ดิน: สิทธิผู้รับจำนองชอบที่จะยึดทรัพย์ แม้ผู้ครอบครองรายใหม่มีสิทธิครอบครองดีกว่า
จำเลยเป็นผู้มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์และครอบครองทำกินในที่ดินพิพาท ได้นำที่ดินไปจำนองแก่โจทก์ แม้ต่อมาผู้ร้องได้เข้าแย่งการครอบครองในที่ดินพิพาทจนได้สิทธิดีกว่าจำเลยก็ตามแต่ก็เป็นเวลาหลังจากที่จำเลยได้จำนองโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วจึงไม่เป็นเหตุให้สัญญาจำนองระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 นอกจากนี้การจำนองก็เป็นทรัพย์สิทธิที่ติดไปกับตัวทรัพย์ที่จำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคสอง โจทก์ผู้รับจำนองโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมมีสิทธิยึดที่ดินพิพาทเพื่อบังคับคดีได้ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ดินพิพาท แม้ผู้ร้องได้ยกขึ้นกล่าวอ้างเป็นประเด็นไว้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นคนละแปลงกับที่ดินที่โจทก์นำยึด แต่ต่อมาได้แถลงสละประเด็นเองโดยสมัครใจ จึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และทำให้ประเด็นดังกล่าวยุติไปแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6351/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนองย่อมคงอยู่ แม้มีการเปลี่ยนแปลงการครอบครองทรัพย์สินหลังจำนอง ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับคดีได้
ผู้ร้องเข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจนได้สิทธิครอบครองภายหลังจากจำเลยได้จำนองที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว การได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้อง จึงไม่เป็นเหตุให้สัญญาจำนองระงับสิ้นไป โจทก์ผู้รับจำนองโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์จำนองเพื่อบังคับคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6279/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินค่าก่อสร้าง: สัญญาจ้างเหมาเลิกกันแล้ว เงินค่าก่อสร้างงานงวดที่ 8 ไม่ใช่สิทธิของจำเลย
หุ้นส่วนและผู้ค้ำประกันของจำเลยที่ 1 เข้าไปทำการก่อสร้างงานงวดที่ 8 ในฐานะที่ตนเป็นผู้รับจ้างจากผู้ร้อง มิใช่ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 เงินที่โจทก์ขออายัดนั้นจึงไม่ใช่เงินที่จำเลยที่ 1 จะมีสิทธิได้รับจากผู้ร้อง โจทก์จึงไม่อาจขออายัดเงินจำนวนดังกล่าวได้ ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระค่าจ้างงานงวดที่ 8 ให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นการวินิจฉัยในผลของประเด็นที่ว่ามีเงินค่าจ้างของจำเลยที่ 1อยู่ที่ผู้ร้องตามที่ขออายัดหรือไม่ อันเป็นการวินิจฉัยในประเด็นที่ว่ากันมาโดยตรง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6275/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าที่ดินเกษตรกรรมย่อมไม่ระงับ แม้มีการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อต้องรับภาระผูกพันเดิม
พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 28บัญญัติว่าการเช่านาย่อมไม่ระงับเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์นาที่เช่าการที่โจทก์รับโอนที่พิพาทมาโดยการซื้อได้จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น ก็ไม่มีบทกฎหมายบัญญัติไว้ว่าจะไม่ต้องรับภาระผูกพันที่มีเหนือทรัพย์นั้น โจทก์จึงต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนคือเจ้าของเดิมที่มีต่อจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้เช่าโจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6275/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในที่ดินเช่าเกษตรกรรม ผู้รับโอนต้องรับภาระผูกพันตามสัญญาเช่าเดิม
มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯบัญญัติว่าการเช่านาย่อมไม่ระงับไปเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์นาที่เช่าผู้รับโอนต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนที่มีต่อผู้เช่านา บทบัญญัติดังกล่าวและในมาตราอื่น ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ไม่มีการยกเว้นไว้ว่า การรับโอนในกรณีใดที่จะให้การโอนเป็นผลให้การเช่านาตามพระราชบัญญัตินี้ระงับไปการที่โจทก์รับโอนที่พิพาทมาโดยซื้อได้จากการขายทอดตลาดก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติยกเว้นที่จะไม่ต้องรับภาระผูกพันที่มีเหนือทรัพย์นั้น กรณีต้องถือว่าโจทก์รับโอนที่พิพาทมาจากเจ้าของเดิมที่เป็นผู้ให้จำเลยทั้งสองเช่า โจทก์จึงต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของเจ้าของเดิม ขณะโจทก์ฟ้องสิทธิการเช่าของจำเลยทั้งสองยังไม่สิ้นสุด โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6263/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า พิจารณาจากลักษณะการกระทำ การแทงด้วยอาวุธในส่วนสำคัญของร่างกายบ่งชี้เจตนา
การที่จะพิจารณาว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือไม่ ต้องดูลักษณะของการกระทำที่จำเลยได้กระทำไปแล้วเป็นสำคัญ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยใช้อาวุธมีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 คืบ แทงผู้เสียหายที่ด้านหลังในขณะที่ผู้เสียหายล้มลง ผู้เสียหายมีเลือดในโพรงปอดด้านขวาประมาณ600ซี.ซี. หากแพทย์รักษาไม่ทันอาจถึงแก่ความตายได้ เป็นการแทงผู้เสียหายโดยแรงในส่วนสำคัญของร่างกายในสภาพที่จำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้ และปรากฏว่าจำเลยจะแทงผู้เสียหายอีก แต่มีผู้ร้องห้าม จำเลยจึงไม่แทง แสดงว่าก่อนมีผู้ร้องห้ามจำเลยมีเจตนาที่จะฆ่าผู้เสียหาย.