พบผลลัพธ์ทั้งหมด 576 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3558/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเลือกตั้ง: การแสดงความเห็นทางวิชาการไม่ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิ
จำเลยมีหนังสือแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทราบ เป็นทางปฏิบัติว่า ตำแหน่งโต๊ะอิหม่าม โต๊ะคอเต็บ และโต๊ะบิหลั่น เป็นนักบวชของศาสนาอิสลาม ตามความหมายใน พ.ร.บ. การเลือกตั้งฯ มาตรา 18(3)นั้น เป็นเพียงความเห็นของจำเลยยังไม่มีการกระทำ ที่เกิดขึ้นกับตัวโจทก์แต่ประการใด การที่โจทก์เห็นว่าความเห็น ดังกล่าวของจำเลยเป็น การไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนาอิสลาม ก็เป็นเรื่องในชั้น ที่มีการโต้แย้งกันในทางความเห็น จึงไม่อาจ ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3286/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม - คำฟ้องไม่ชัดเจนในสภาพแห่งข้อหาและคำขอ ขาดรายละเอียดการรังวัดและผลกระทบต่อสิทธิ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ตามคำขอของโจทก์แล้ว ภายหลังจำเลยคัดค้านการรังวัดว่ารุกล้ำที่ดินของจำเลยโดยจำเลยมิได้เป็นผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียง เพื่อกลั่นแกล้งและโต้แย้งสิทธิของโจทก์ กับมีคำขอบังคับให้ยกคำร้องคัดค้านของจำเลย ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ แต่ผลการคัดค้านของจำเลยที่โต้แย้งสิทธิของโจทก์นั้นฟ้องโจทก์ไม่มีรายละเอียดแจ้งชัดว่าโจทก์ให้เจ้าพนักงานที่ดินทำอะไรให้โจทก์ต่อไป และการกระทำของจำเลยทำให้สิทธิของโจทก์ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างไร และมูลเหตุใดที่โจทก์ได้รับการคุ้มครองสิทธิที่มีอยู่ และคำขอบังคับที่ให้จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินคำฟ้องก็มิได้กล่าวถึงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นเดียวกัน คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ฟ้องว่า จำเลยคัดค้านการรังวัดสอบเขต จึงไม่มีเหตุที่จะต้องทำแผนที่พิพาททั้งรายละเอียดในฎีกาโจทก์อ้างสิทธิเกี่ยวกับที่ดิน จึงเป็นข้อพิพาทในสิทธิเรื่องที่ดิน ไม่ตรงกับสภาพข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยในคำฟ้อง การทำแผนที่เพื่อให้ได้รับรองสิทธิของโจทก์ในที่ดิน จึงมิใช่รายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาอันจะสนับสนุนว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3286/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม - คำฟ้องขาดรายละเอียดข้อหาและเหตุผลสนับสนุนคำขอ - ไม่มีประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ตามคำขอของโจทก์แล้ว ภายหลังจำเลยคัดค้านการรังวัดว่ารุกล้ำที่ดินของจำเลยโดยจำเลยมิได้เป็นผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียง เพื่อกลั่นแกล้งและโต้แย้งสิทธิของโจทก์ กับมีคำขอบังคับให้ยกคำร้องคัดค้านของจำเลย ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ แต่ผลการคัดค้านของจำเลยที่โต้แย้งสิทธิของโจทก์นั้น ฟ้องโจทก์ไม่มีรายละเอียดแจ้งชัดว่าโจทก์ให้เจ้าพนักงานที่ดินทำอะไรให้โจทก์ต่อไป และการกระทำของจำเลยทำให้สิทธิของโจทก์ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างไร และมูลเหตุใดที่โจทก์ได้รับการคุ้มครองสิทธิที่มีอยู่ และคำขอบังคับที่ให้จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินคำฟ้องก็มิได้กล่าวถึงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นเดียวกัน คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยคัดค้านการรังวัดสอบเขต จึงไม่มีเหตุที่จะต้องทำแผนที่พิพาททั้งรายละเอียดในฎีกาโจทก์อ้างสิทธิเกี่ยวกับที่ดิน จึงเป็นข้อพิพาทในสิทธิเรื่องที่ดิน ไม่ตรงกับสภาพข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยในคำฟ้อง การทำแผนที่เพื่อให้ได้รับรองสิทธิของโจทก์ในที่ดิน จึงมิใช่รายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา อันจะสนับสนุนว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยคัดค้านการรังวัดสอบเขต จึงไม่มีเหตุที่จะต้องทำแผนที่พิพาททั้งรายละเอียดในฎีกาโจทก์อ้างสิทธิเกี่ยวกับที่ดิน จึงเป็นข้อพิพาทในสิทธิเรื่องที่ดิน ไม่ตรงกับสภาพข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยในคำฟ้อง การทำแผนที่เพื่อให้ได้รับรองสิทธิของโจทก์ในที่ดิน จึงมิใช่รายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา อันจะสนับสนุนว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3276/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีและการแสดงเจตนาของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การเลื่อนขายทอดตลาดไม่ใช่การงดบังคับคดี
คำแถลงของโจทก์ที่ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเลื่อนการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 จากกำหนดเดิมออกไปเพื่อที่โจทก์จะได้ไปหาผู้อื่นมาซื้อทรัพย์ให้ได้ราคาสูงไม่ใช่หนังสือแจ้งว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตกลงงดการบังคับคดีไว้ชั่วระยะเวลาที่กำหนดไว้หรือภายในเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(3)เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่จำต้องงดการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3268/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก. ต้องเป็นกรณีมีปัญหาความสัมพันธ์ผู้เช่า-ผู้ให้เช่าเท่านั้น
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 56,57 ผู้ที่จะมีสิทธิร้องขอต่อ คชก.ตำบล วินิจฉัยเกี่ยวกับ ที่ดินที่เช่า และอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลต่อ คชก.จังหวัด เมื่อ ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดก็มีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลได้ นั้น จะ ต้องเป็นกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่า แต่ ขณะ ที่พระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับโจทก์ มิใช่ผู้เช่า นา พิพาท จาก จำเลยจึงมิใช่ผู้เช่าตามพระราชบัญญัตินี้ โจทก์จึง ไม่มี สิทธิ ร้องขอ ต่อ คชก.ตำบล วินิจฉัยหรืออุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัด ต่อ ศาล โจทก์ จึงไม่อาจนำปัญหาในฐานะผู้เช่านาเดิม และการเช่าระงับไปแล้วนั้นมาอาศัยสิทธิดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3201/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอำนาจโจทก์ร่วมในคดีจราจร และการโต้แย้งดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 43, 45, 157 และ ป.อ. มาตรา 300 สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกเป็นความผิดที่รัฐเท่านั้นเป็นผู้ได้รับความเสียหายโจทก์ร่วมคงเป็นผู้เสียหายเฉพาะข้อหาตาม ป.อ. มาตรา 300 เท่านั้น เมื่อผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตพอแปลความหมายได้ว่าอนุญาตให้ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมเฉพาะข้อหาความผิดตาม ป.อ.มาตรา 300
ฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยหลงข้อต่อสู้เพราะตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวหาว่า จำเลยขับรถแซงทางด้านซ้ายและเกิดเหตุเฉี่ยวชนที่ไหล่ทางจำเลยต่อสู้คดีตลอดมาว่า ไม่ได้แซงทางด้านซ้ายและไม่ได้เฉี่ยวชน ข้อเท็จจริงก็ได้ความตามที่จำเลยต่อสู้ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงไม่ถูกต้อง ขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ. จะต้องพิจารณาตามบทกฎหมายในขณะที่มีการยื่นอุทธรณ์ ถ้าในขณะยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายแล้วก็เป็นอุทธรณ์ที่ชอบ ถึงแม้ภายหลังจะมีบทกฎหมายบัญญัติขึ้นใหม่ให้ต้องห้ามอุทธรณ์ก็ไม่ตัดสิทธิของผู้อุทธรณ์ที่จะได้รับการพิจารณาต่อไป
ฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยหลงข้อต่อสู้เพราะตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวหาว่า จำเลยขับรถแซงทางด้านซ้ายและเกิดเหตุเฉี่ยวชนที่ไหล่ทางจำเลยต่อสู้คดีตลอดมาว่า ไม่ได้แซงทางด้านซ้ายและไม่ได้เฉี่ยวชน ข้อเท็จจริงก็ได้ความตามที่จำเลยต่อสู้ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงไม่ถูกต้อง ขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ. จะต้องพิจารณาตามบทกฎหมายในขณะที่มีการยื่นอุทธรณ์ ถ้าในขณะยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายแล้วก็เป็นอุทธรณ์ที่ชอบ ถึงแม้ภายหลังจะมีบทกฎหมายบัญญัติขึ้นใหม่ให้ต้องห้ามอุทธรณ์ก็ไม่ตัดสิทธิของผู้อุทธรณ์ที่จะได้รับการพิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์: พยานหลักฐานเชื่อได้ว่าจำเลยลักถุงกระดาษใส่เงินของผู้เสียหายไปจากร้านก๋วยเตี๋ยว
ธ.เบิกความว่า เห็นถึงกระดาษวางอยู่บนโต๊ะที่เข้าไปนั่งจึงบอกให้จำเลยเก็บไป ต่อมาประมาณ 10 นาทีผู้เสียหายเข้ามาถามหาถุงกระดาษ ธ. บอกว่าเรียกให้จำเลยเอาไปเก็บที่หลังตู้แล้ว แต่ขณะนั้นจำเลยไม่อยู่แล้วผู้เสียหายจึงตามไป ธ. เป็นประจักษ์พยานของโจทก์ไม่รู้จักผู้เสียหายและเป็นผู้หยิบถุงกระดาษใส่เงินให้จำเลยเอง จึงเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดจำเลยห่างกันไม่เกิน 2 เมตร หลังเกิดเหตุ ธ. ไปที่สถานีตำรวจพบจำเลยก็ยืนยันต่อเจ้าพนักงานตำรวจทันทีว่าจำเลยคือผู้ที่ ธ.เรียกมาเก็บถุงกระดาษใส่เงินและชั้นสอบสวน ธ.เป็นผู้นำชี้ที่เกิดเหตุ ดังนี้คำเบิกความของ ธ. มีเหตุผลน่าเชื่อถือ จำเลยเป็นผู้เอาถุงกระดาษใส่เงินของผู้เสียหายไปและหลังจากรู้ตัวว่าลืมถุงกระดาษใส่เงินไว้ที่ร้านจำเลยเพียง 10 นาที ผู้เสียหายก็รีบออกจากสำนักงานที่ดินซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับร้านจำเลยติดตามหาถุงกระดาษใส่เงินทันที เช่นนี้ถือได้ว่าผู้เสียหายยังมีการครอบครองถุงกระดาษใส่เงินอยู่ เมื่อจำเลยเอาไปจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากพฤติกรรมการยิง: แม้ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ก็ถือเป็นเจตนาได้
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจากกระสุนปืนนัดหนึ่งที่ใต้เข่าปรากฏว่ากระสุนปืนเข้าทางด้านหลังทะลุด้านหน้า แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้นเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงทำให้ถึงตายได้ถ้าถูกอวัยวะที่สำคัญ การที่จำเลยเล็งอาวุธปืนและยิงไปทางผู้เสียหายหลายนัด แม้จะยิงในระยะห่างเพียงประมาณ 5 วา และกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ใต้เข่าเพียงนัดเดียว อาจเนื่องมาจากความไม่ชำนาญในการใช้อาวุธปืนของจำเลยเอง จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้อาวุธปืนยิง แม้กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาฆ่า
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับจากกระสุนปืนนัดหนึ่งที่ใต้เช่าปรากฏว่ากระสุนปืนเข้าทางด้านหลังทะลุด้านหน้า แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงนั้นเป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงทำให้ถึงตายได้ถ้าถูกอวัยวะที่สำคัญ การที่จำเลยเล็งอาวุธปืนและยิงไปทางผู้เสียหายหลายนัด แม้จะยิงในระยะห่างเพียงประมาณ 5 วา และกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ใต้เข่าเพียงนัดเดียว อาจเนื่องมาจากความไม่ชำนาญในการใช้อาวุธปืนของจำเลยเอง จะถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถต่อการกระทำละเมิดของลูกจ้างผู้ขับรถ และขอบเขตค่าเสียหายที่ชดใช้ได้
จำเลยที่ 1 ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นเจ้าของรถบรรทุกมี ส. เป็นผู้ขับ โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1 โดยอาศัยข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่พยานจำเลยที่ 1 เบิกความว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดเพราะมิใช่นายจ้างของ ส.แต่คนขับรถเป็นค. คดีจึงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถบรรทุก และลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดด้วย แม้ว่าคนขับจะเป็น ส.หรือค. ก็ตาม โจทก์เช่ารถโดยสารมาและถูกรถบรรทุกของจำเลยที่ 1 ชน โจทก์ได้ซ่อมรถโดยสารตามสัญญาเช่า โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าวและค่าขาดรายได้ของรถยนต์โดยสารในระหว่างซ่อมจากจำเลยที่ 1 ได้ ค่าเช่ารถในระหว่างซ่อมรถ โจทก์จะต้องจ่ายแก่ผู้ให้เช่าเป็นเงินลงทุนของโจทก์ที่จะทำให้เกิดรายได้ขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะมีเหตุละเมิดเกิดขึ้นหรือไม่ โจทก์ก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว ค่าเช่ารถจึงไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย.