พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการฎีกาในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขใหม่ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการห้ามฎีกาในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขใหม่ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการห้ามฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขใหม่ ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษอาญา – มาตรา 341 และ 343 ต้องระบุวรรคความผิดให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 341 และ 343จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ จะปรับบทลงโทษทั้งสองมาตราโดยไม่ระบุว่ามาตรา 343 เป็นความผิดวรรคใด นั้นไม่ ถูกต้อง เพราะเมื่อลงโทษตาม มาตรา 343 แล้วก็ไม่ต้องปรับบทลงโทษตาม มาตรา 341 อีกแต่ ต้อง ระบุวรรคด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927-1928/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ระหว่างคดีอาญาและคดีแพ่ง: โจทก์ในคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง
คดีสำนวนหลังซึ่งจำเลยเป็นโจทก์เป็นคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อนี้ แต่กลับฎีกาว่าโจทก์เป็นฝ่ายประมาท และฎีกาเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าเสียหาย เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
อัยการศาลทหารกรุงเทพได้ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นความผิดต่อรัฐ โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย จึงไม่อาจถือได้ว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่คู่ความรายเดียวกับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพผลของคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพย่อมไม่ผูกพันโจทก์ ศาลที่พิจารณาคดีแพ่งจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา.
อัยการศาลทหารกรุงเทพได้ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นความผิดต่อรัฐ โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย จึงไม่อาจถือได้ว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่คู่ความรายเดียวกับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพผลของคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพย่อมไม่ผูกพันโจทก์ ศาลที่พิจารณาคดีแพ่งจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง หากโจทก์ในคดีอาญาไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
ความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกเป็นความผิดต่อ รัฐ การฟ้องคดีของอัยการศาลทหารกรุงเทพ มิอาจถือ ได้ ว่าเป็นการฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์จึงมิใช่คู่ความเดียว กับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพ ดังนั้นผลของคำพิพากษาคดีอาญาของ ศาลทหารกรุงเทพจึงไม่ผูกพันโจทก์และศาลที่พิจารณาคดีแพ่งหาจำต้องถือ ข้อเท็จจริงตาม ที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริง และผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
คดีสำนวนหลังซึ่งจำเลยเป็นโจทก์เป็นคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงจำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อนี้ แต่กลับฎีกาว่าโจทก์เป็นฝ่ายประมาทและฎีกาเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าเสียหาย เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดีอาญาที่อัยการศาลทหารกรุงเทพได้ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 เป็นความผิดต่อรัฐโจทก์มิใช่ผู้เสียหาย จึงไม่อาจถือได้ว่าอัยการศาลทหารกรุงเทพฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่คู่ความรายเดียวกับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพย่อมไม่ผูกพันโจทก์ ศาลที่พิจารณาคดีแพ่งจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1878/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกระทงความผิด – ศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษาลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด จำเลยจึงฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลชั้นต้นมิได้กล่าวให้พอเป็นที่เข้าใจว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด 4 กรรม และให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้จะยก ป.อ. มาตรา 91 ซึ่ง เป็นบทบัญญัติให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดในกรณีที่กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่าง กันขึ้นปรับ ก็ไม่พอถือ ว่า ศาลชั้นต้นได้ พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 กรรมเป็นกระทงความผิดไปแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยกระทงเดียว ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษ 4 กระทง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลอุทธรณ์ ยังคงลงโทษจำคุกแต่ ละกระทงไม่เกินห้าปี จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - ไม่มีมูลหนี้ - เช็คเพื่อประกัน - ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
พ. เป็นพนักงานของคุรุสภาผู้เสียหาย มีหน้าที่เก็บเงินค่าเดินทางไปทัศนศึกษา ของสมาชิกคุรุสภา ปรากฏว่าเงินขาดบัญชีไป เพื่อให้ปรากฏหลักฐานทางบัญชีเต็มยอดเงิน พ. ได้ยืมเช็คพิพาทจากจำเลยเพื่อนำมาเข้าบัญชีแทนเงินที่ขาดหายไป โดยจะไม่นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินเพียงนำมาเป็นประกันเท่านั้น ซึ่ง ด.ผู้บังคับบัญชาของ พ. ก็ทราบแล้วดังนี้เห็นได้ว่าจำเลยกับ พ.ไม่มีมูลหนี้ตามเช็คพิพาทต่อกัน จำเลยไม่ได้ออกเช็คพิพาทเพื่อเจตนาชำระหนี้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือโดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็ค ตามฟ้องโจทก์.